"ฅนกับช้าง ทุ่งพระยา" วิถีชีวิต วิถีป่า เส้นทางสู่การอยู่ร่วมอย่างยั่งยืน

กลุ่ม “ฅนกับช้าง”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์กลายเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแนวเขตติดกับป่าอนุรักษ์ ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณดังกล่าวต้องเผชิญกับความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการที่ช้างป่าเข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตร อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทั้งต่อมนุษย์และสัตว์ป่าเอง ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างอย่างต่อเนื่อง เงาของช้างป่ากำลังเคลื่อนตัวอย่างเงียบงันข้ามแนวป่าเข้าสู่พื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นปัญหาที่ชุมชนต้องเผชิญอยู่ทุกวัน แต่ท่ามกลางความขัดแย้งที่ดูเหมือนจะไม่มีทางออก กลุ่ม “ฅนกับช้าง” ทุ่งพระยา ได้ถือกำเนิดขึ้นจากหัวใจของคนในพื้นที่ ด้วยเป้าหมายที่ไม่เพียงแต่จะปกป้องผลผลิตของเกษตรกร แต่ยังต้องการรักษาแหล่งอาศัยของช้างป่าให้คงอยู่ไปพร้อมกัน

บริเวณป่าผืนป่าของตำบลทุ่งพระยา

“ฅนกับช้าง” ทุ่งพระยา: ทางสายกลางระหว่างวิถีคนกับช้างป่า

ตำบลทุ่งพระยา อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาคนกับช้างป่ามากที่สุด ชุมชนที่นี่ต้องเผชิญกับความเสียหายจากช้างป่าที่ออกมาหากินในพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน พื้นที่ที่เต็มไปด้วยไร่เกษตรกรรม ป่ายางพารา ทั้งพืชผลเสียหาย บ้านเรือนพัง และบางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง แม้จะมีมาตรการต่าง ๆ เช่น การสร้างรั้วกั้น การลาดตระเวน หรือการไล่ต้อนช้างกลับเข้าป่า แต่ปัญหายังคงเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด   บริบทของพื้นที่ซึ่งเชื่อมติดกับเขาอ่างฤาไน มีเรื่องราวของการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าโดยเฉพาะ “ช้างป่า” ที่สะท้อนถึงความท้าทายและความพยายามในการหาทางออกร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติ

ท่ามกลางความขัดแย้งและความหวาดกลัว ชุมชนตำบลทุ่งพระยาได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยแนวคิด “สร้างบ้าน สร้างคน อยู่ร่วมกับช้างป่า” โดยพยายามหาทางออกที่สมดุลให้ทั้งคนและช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

ฝูงช้างป่ารุกล้ำเข้าพื้นที่ของชุมชน

กลุ่ม “ฅนกับช้าง” เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เริ่มจัดกิจกรรมที่ทำให้คนเข้าใจเห็นถึงมีปัญหาในพื้นที่นี้ เริ่มจากการศึกษาเรียนรู้เรื่องช้างป่า ในการการผสมพันธุ์ ดำรงชีวิต และวิถีของช้างในพื้นที่ที่ทำคูกั้นช้าง ข้อมูลจากกการสำรวจในปี 2561 มีช้างป่ากว่า 270 ตัว แต่ปริมาณของช้างกลุ่มป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภาคตะวันออกทั้งหมดนั้นมีประมาณ 423 ตัว ขณะที่ปัจจุบันมีอัตราของการเกิน จึงทำให้ในขณะนี้มีช้างป่าในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดที่เพิ่มขึ้นมา กลุ่ม “ฅนกับช้าง” ยึดแนวทางในการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และชุมชน เพื่อร่วมกันเฝ้าระวัง และหาวิธีผลักดันช้างป่ากลับเข้าสู่ป่าโดยลดความเสียหายให้น้อยที่สุด

หอเฝ้าระวังสังเกตการณ์ช้างป่า

หนึ่งในวิธีการที่ใช้คือ “แนวรั้วกันช้างเชิงนิเวศ” ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่รั้วไฟฟ้า แต่เป็นแนวกันช้างแบบธรรมชาติ เช่น การปลูกพืชที่ช้างไม่กิน และการสร้างทางเดินสัตว์ป่าให้ช้างสามารถกลับเข้าสู่ป่าได้โดยไม่ต้องบุกรุกพื้นที่เกษตร นอกจากนี้ กลุ่มยังทำงานร่วมกับชาวบ้านในการพัฒนา "ระบบแจ้งเตือนช้างป่า" ผ่านเครือข่ายอาสาสมัครและเทคโนโลยี เช่น การติดตั้งไฟส่องสว่าง เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และแอปพลิเคชันแจ้งเตือนช้างป่าแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดความเสียหาย และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

เจริญ คงสวัสดิ

สร้างความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง  

นอกจากมาตรการเชิงป้องกันแล้ว “ฅนกับช้าง” ยังให้ความสำคัญกับการสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่ จัดเวทีพูดคุยเกี่ยวกับพฤติกรรมของช้างป่า วิธีป้องกันตัว และแนวทางการอยู่ร่วมกันโดยสันติ เจริญ คงสวัสดิ ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลทุ่งพระยา เล่าถึง การบริหารจัดการช้างป่า การจัดโครงการปลูกพืชอาหารช้าง กลุ่มคนกับช้าง กลุ่มอาสา ซึ่งสมาชิกทั้งหมดประมาณ 100 กว่าคนในทุกหมู่บ้านทุกกลุ่ม ซึ่งปกติช้างป่ายังคงต้องออกหาอาหารนอกพื้นที่อยู่เป็นประจำ วิธีในการป้องกันจึงต้องปลูกพืชอาหารเพื่อที่จะเพิ่มปริมาณอาหารของช้างในป่าที่ลดการออกมากระทบกระทั่งกับประชาชน  และเพิ่มอาหารให้ช้างไว้ในป่าก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหาช้างป่าได้อย่างยั่งยืนสังคมและวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีการจัดโครงการที่สร้างความเข้าใจแก่ชุมชน เพื่อให้เฝ้าระวังภัยจากช้างป่า และรู้จักวิธีจัดการกับช้าง

เครือข่ายภาคีและกลุ่มคนกับช้างร่วมมือเฝ้าระวังช้างป่า

กลุ่ม “ฅนกับช้าง” ทุ่งพระยา ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่ากลับเข้าป่าโดยลดความเสียหายให้น้อยที่สุด ผ่านมาตรการ เช่น แนวรั้วกันช้างเชิงนิเวศ ระบบแจ้งเตือน ตลอดจนการติดตามเฝ้าระวังป้องกันภัยจากช้างป่า ช้างรุกรานคนลดลง และประชาชนใน พื้นที่ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืนและการสร้างความเข้าใจให้ชุมชน โดยมุ่งหวังให้คนและช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุลและเป็นธรรม

ปัญหาหนึ่งที่ท้าทายชุมชนมาอย่างยาวนาน นั่นคือ “ช้างป่าบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรม” ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน แต่บางครั้งยังนำไปสู่การเผชิญหน้าที่อันตรายระหว่างคนกับช้าง

เจริญ เล่าต่อ การหาทางออกให้กับปัญหานี้ ด้วยแนวคิดที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การป้องกันช้างออกจากพื้นที่ชุมชน แต่เป็นการ สร้างสมดุลระหว่างธรรมชาติและวิถีชีวิตของมนุษย์

ป้ายแจ้งเตือนให้ระวังช้างป่า

ด้วยการจำกัดประชากรช้างควบคุมเพื่อความยั่งยืน  “เราไม่ได้มองว่าช้างเป็นปัญหา แต่ปัญหาคือเราปล่อยให้จำนวนช้างเพิ่มขึ้น โดยไม่มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม”  ในอดีต ป่าที่อุดมสมบูรณ์สามารถรองรับประชากรช้างได้อย่างสมดุล แต่เมื่อเวลาผ่านไป พื้นที่ป่าถูกบุกรุกเพื่อใช้ในการเกษตรและพัฒนาเมือง ขณะที่ประชากรช้างยังคงเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ส่งผลให้แหล่งอาหารในป่าไม่เพียงพอ เมื่ออาหารไม่พอ ช้างก็ต้องออกมาหากิน และที่ที่ใกล้ที่สุดก็คือไร่ของชาวบ้าน แนวคิดของเขาคือ การจำกัดจำนวนประชากรช้างให้เหมาะสมกับพื้นที่ป่า ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการควบคุมการขยายพันธุ์ของช้าง เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรที่มีอยู่สามารถรองรับจำนวนช้างได้อย่างเหมาะสม  รวมไปถึงการสร้างแหล่งอาหารในป่า ลดแรงกดดันให้ช้างออกจากพื้นที่ชุมชน

เจริญ เล่าต่อไปอีกว่า หัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาคือ “การสร้างแหล่งอาหารให้เพียงพอสำหรับช้างป่า”

“เราเคยเข้าไปดูพื้นที่ป่าช่วงหน้าแล้ง อาหารแทบไม่มีเลย ต้นไม้แห้งเหี่ยว แหล่งน้ำลดลงจนแทบไม่เหลือ” เขากล่าวพร้อมเล่าถึงสภาพป่าที่เสื่อมโทรม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ช้างป่าออกจากพื้นที่เพื่อหาอาหาร

การสร้างแหล่งอาหารในป่าจึงเป็นสิ่งที่ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการ “เราควรปลูกพืชที่เป็นอาหารของช้างในป่าให้มากขึ้น เช่น กล้วยป่า ไผ่ หรือพืชที่ให้พลังงานสูงและสามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ” นอกจากนี้ การฟื้นฟู แหล่งน้ำในป่า ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะช้างต้องการน้ำปริมาณมากในการดำรงชีวิต หากในป่ามีแหล่งน้ำที่เพียงพอ ก็จะช่วยลดแรงจูงใจที่ทำให้ช้างต้องออกมาหาน้ำจากแหล่งน้ำในชุมชน

ช้างป่าข้ามถนนเข้ามาหาอาหารในพื้นที่ของชุมชน

“เราต้องเปลี่ยนจากการคิดว่าเรากำลังสู้กับช้าง มาเป็นการหาวิธีอยู่ร่วมกันกับช้างให้ได้ ถ้าป่ามีอาหารเพียงพอ ถ้าช้างได้รับการดูแลที่ดี และถ้าชุมชนมีเครื่องมือป้องกันที่เหมาะสม เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง สิ่งที่กลุ่มคนกับช้างทุ่งพระยากำลังทำอยู่ ไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เป็นการสร้าง ต้นแบบของการจัดการช้างป่าอย่างยั่งยืน ช้างก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ถ้าเราจัดสมดุลได้ เราก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข” เจริญ สรุปในตอนท้าย

การสร้างแหล่งอาหารให้ช้างป่า

สมดุลที่ยั่งยืนระหว่างคนกับช้างป่า

ตำบลทุ่งพระยาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การจัดการปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า ไม่ใช่เพียงการป้องกันหรือไล่ต้อนช้างกลับป่า แต่คือการสร้างสมดุลที่ทั้งคนและสัตว์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ผ่านแนวทางที่ครอบคลุมทั้ง การสร้างบ้านให้มั่นคง การสร้างคนให้มีความรู้ และการสร้างระบบที่รองรับการอยู่ร่วมกันกับช้างป่า

ชุมชนแห่งนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของการแก้ปัญหาที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ในพื้นที่ แต่ยังสามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ที่เผชิญปัญหาเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ป่าคือบ้านของช้าง…แต่บ้านของเราก็ต้องอยู่ร่วมกับป่าได้เช่นกัน” คือปรัชญาที่สะท้อนถึงความเข้าใจและความพยายามในการสร้างความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

ตำบลทุ่งพระยาจึงไม่ใช่เพียงชุมชนที่แก้ไขปัญหา แต่คือตัวอย่างของความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่า การอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่าเป็นไปได้ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันด้วยความเข้าใจและความยั่งยืน

สัญลักษ์ของกลุ่ม “ฅนกับช้าง”แห่งทุ่งพระยา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รองนายกฯสุชาติ​ เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุช้างป่าทำร้ายประชาชนเสียชีวิต 2 ราย ส่งผู้แทนมอบพวงหรีด​ สั่งการเร่งเยียวยาครอบครัว​ และยกระดับมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ช้างป่าทำร้ายประชาชนเสียชีวิต 2 ราย

สกพอ.ชู ‘EEC OSS’ วันสต๊อปเซอร์วิสลดขั้นตอนเพิ่มแรงจูงใจดึงลงทุน

สกพอ. โชว์ความพร้อมให้บริการนักลงทุนแบบครบวงจร เดินหน้าส่ง ‘EEC OSS’ ให้บริการออกใบอนุญาตออนไลน์ได้จริงภายใต้คอนเซ็ปต์ EEC Ready พร้อมจัดอบรมการใช้งานอย่างละเอียด มั่นใจเสริมศักยภาพดึงลงทุนในพื้นที่อีอีซี

ช้างป่าบุกสวนชาวบ้านพิปูน พังต้นทุเรียน–ท่อน้ำเสียหาย

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดที่ กท.1 (คลองคันเถร) อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมั

เศร้า! 'พลายขุนศึก' ช้างป่าเขาใหญ่ถูกไฟดูดเสียชีวิต ขณะออกหากินกลางดึก

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่บ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง ว่าพบช้างป่าเสียชีวิตในพื้นที่

อีกแล้ว! ช้างป่าภูหลวงทำร้ายชาวบ้านดับสลด

นายยศวัฒน์ พัชรศักดิ์สกุล นายอำเภอวังสะพุง จ.เลย ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่ นายเดชา อาระวา ผู้ใหญ่บ้านยางเดียว หมู่ที่ 10 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จ.เลย ว่าเกิดเหตุช้างป่าทำร้ายราษฎรในพื้นที่บ้านยางเดี่ยวเสียชีวิต จำนวน 1 ราย จึงเดินทางเข้าตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วังสะพุง และแพทย์โรงพยาบาลวังสะพุง