เวทีคืนข้อมูลโครงการวิจัยบูรณาการภาคีร่วมพัฒนา
ตราด - 6-7 มีนาคม 2568 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. ได้จัด เวทีคืนข้อมูลโครงการวิจัยบูรณาการภาคีร่วมพัฒนาเพื่อส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย ที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีผู้เข้าร่วมจากผู้นำชุมชน หน่วยงานภาคีภาครัฐ ภาคเอกชน จากจังหวัด ตราด สุพรรณบุรี สระบุรี จำนวนกว่า 50 คน ณ ศูนย์ประสานงานขบวนองค์กรชุมชน อำเภอเมือง จังหวัดตราด
โครงการวิจัยบูรณาการภาคีร่วมพัฒนานี้ ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.)ปีงบประมาณ 2567 โดยมีพื้นที่การศึกษาครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดสระบุรี และจังหวัดตราดภายใต้กรอบแนวคิดที่ว่าด้วยการใช้ข้อมูลและงานวิจัยในการพัฒนา โดยทีมวิจัยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อสะท้อนภาพรวมของสถานการณ์การพัฒนาชุมชนในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เป็นแนวทางในการออกแบบแผนพัฒนาชุมชนในระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผู้เข้าร่วมเวทีคืนข้อมูลโครงการวิจัยบูรณาการภาคีร่วมพัฒนา
การทำงานวิจัยในลักษณะนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบ แต่ยังเป็นการสร้างกลไกการขับเคลื่อนที่มีพลัง โดยใช้กระบวนการวิจัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รวมถึงการเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีเอกภาพและประสิทธิผล ผลการศึกษาจาก 3 จังหวัด มีดังนี้ จังหวัดสุพรรณบุรี: ใช้ผู้นำท้องถิ่นในการประสานงานกับหน่วยงานและรับนโยบายมาพิจารณา จังหวัดสระบุรี: เน้นการทำงานโดยใช้ข้อมูลและการประสานงานระหว่างหน่วยงาน จังหวัดตราด: มุ่งพัฒนาศักยภาพกองเลขาคนรุ่นใหม่เพื่อขับเคลื่อนงานชุมชน
"ต้นแบบชุมชนเข้มแข็งเส้นทางการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น"
จากข้อมูลที่รวบรวมได้ มีการคัดเลือกพื้นที่นำร่องที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกจากพื้นที่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี มีการบูรณาการกับภาคส่วนต่างๆ และมีศักยภาพในการเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่น
ศิริวรรณ บุตราช
ศิริวรรณ บุตราช ประธานขบวนองค์กรชุมชนคนตราด ได้กล่าวว่า จังหวัดตราดเป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดตราด ได้ใช้แนวทางพร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการตนเองภายใต้แนวทาง ปัญจปิฎก 5 ดี ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน
"ตราด: เมืองต้นแบบของการบูรณาการ"
จังหวัดตราดได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการพัฒนาชุมชนโดยใช้แนวทางบูรณาการภาคีเครือข่าย โดยเน้นการทำงานแบบ "ใจแลกใจ งานแลกงาน" ซึ่งหมายถึงการทำงานที่มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
ในเวทีคืนข้อมูลครั้งนี้ มีการนำเสนอแนวทางพัฒนาโดยเน้นการบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง และสร้างกลไกการทำงานที่สามารถตอบสนองต่อปัญหาในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงกับโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการเสริมสร้างดัชนีความสุขของชุมชน และโครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
"สุพรรณบุรี: พลังของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่น"
ที่จังหวัดสุพรรณบุรี มีการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาโดยเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการพัฒนาในจังหวัดนี้เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลและแผนงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายประชาชน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีทิศทางและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
"สระบุรี: เมื่อการเปลี่ยนวิธีคิดนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง"
ที่จังหวัดสระบุรี การทำงานในระดับอำเภอเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาชุมชน โดยมีการทบทวนแผนพัฒนาของแต่ละตำบล และนำไปเชื่อมโยงกับหน่วยงานในท้องถิ่นเพื่อสร้างแผนพัฒนาในระดับอำเภอ สิ่งนี้ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และช่วยให้การทำงานมีความต่อเนื่องมากขึ้น
สรุปพื้นที่นำร่องที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง
จุดเริ่มต้นของการสร้างการเปลี่ยนแปลง
การจัดเวทีคืนข้อมูลครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างชุมชน ภาคีวิชาการ และหน่วยงานรัฐ เพื่อสร้างแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นการทำงานแบบบูรณาการที่สามารถต่อยอดและขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ได้
สิ่งที่สำคัญคือ "การเปลี่ยนแปลงชุมชนไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากองค์กรเพียงองค์กรเดียว แต่ต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน" และโครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมโดยรวม
ศึกษาดูงาน“บ้านน้ำเชี่ยว 2 ศาสนา3 วัฒนธรรม” นำสู่การจัดการจัดการตนเอง
สุรัตนา ภูมิมาโนช
สุรัตนา ภูมิมาโนช ประธานวิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์บ้านน้ำเชี่ยว และกลุ่มท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ได้เล่าให้พวกเราฟังว่า บ้านน้ำเชี่ยว เป็นชุมชนเล็กๆ ในตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 8 กม เป็นชุมชนใกล้ปากอ่าวอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี เดิมที่นี่เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทยพื้นที่ และชาวจีนที่ล่องเรือสำเภามาค้าขาย ก่อนลงหลักปักฐานอยู่อาศัย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวมุสลิมที่เรียกตัวเองว่า “แขกจาม หรือ จำปา” ได้อพยพหนีภัยสงครามจากกัมพูชามาตั้งรกรากอาศัยอยู่เพิ่มเติม ทำให้บ้านน้ำเชี่ยวเป็นชุมชน “2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม” คือ ศาสนาพุทธ-อิสลาม และวัฒนธรรมไทย-จีน-มุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติสุขมาช้านาน ลักษณะภูมิประเทศของบ้านน้ำเชี่ยว ถือว่าได้เปรียบด้านทรัพยากรมีความสมบูรณ์ เพราะมีทั้งป่าชายเลน เป็นชุมชนปลายแม่น้ำ มีบ้านเรือนตั้งอยู่ริมน้ำ เป็นแหล่งรวมของคนไทยพุทธ ไทยมุสลิม และไทยเชื้อสายจีน ภายในชุมชนจึงมีทั้งวัด ศาลเจ้า และมัสยิด จนกลายเป็นอัตลักษณ์อันทรงเสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้ ที่สามารถผสมผสานความหลากวิถีให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างกลมกลืน
“บ้านน้ำเชี่ยว 2 ศาสนา3 วัฒนธรรม”
คลองน้ำเชี่ยวมีจุดที่ผุ้มาเยือนทุกคนต้องไปนั่นก็คือ “สะพานวัดใจ” เป็นสะพานข้ามคลองโครงเหล็กโค้งสูง ยามสะท้อนต้องเงาน้ำจะมองเห็นเป็นรูปวงรีสวยงามดูคล้ายดวงตา จึงได้รับฉายาว่าเป็น “ดวงตาแห่งบ้านน้ำเชี่ยว” ซึ่งเป็นใครไปที่ จ.ตราด ต้องไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปเช็คอินที่นี่ และบริเวณริมคลองน้ำเชี่ยวยังมี “มัสยิดอัลกุบรอ” มัสยิดแห่งแรกของภาคตะวันออกอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิม
สะพานวัดใจ
ที่นี่มีแหล่งท่องทางธรรมชาติคือศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ที่มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติทอดยาวนำชมระบบนิเวศป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มีหอดูนกสูงกว่า 12 เมตร ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดูนก ชมวิว และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของป่าชายเลนได้รอบด้าน นอกจากนี้แล้วยังมีกิจกรรมล่องเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ ชมอุโมงค์ป่าโกงกางอันสวยงามยามเย็น ชมเหยี่ยวแดง ที่มีอยู่จำนวนมาซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ชมป่าชายเลนผืนใหญ่ วิถีประมงพื้นบ้าน ชมทะเลปากอ่าวซึ่งจะเห็นความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ ซึ่งทะเลบริเวณนี้สามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของเกาะช้างได้อย่างชัดเจน
ป่าโกงกางเหยี่ยวแดงสัญลักษ์ของความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนปากอ่าวบ้านน้ำเชี่ยว
ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. เข้ามาสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะเรื่องที่ดินที่อยู่อาศัย ซึ่งแต่ก่อนมีสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก บ้านหลายหลังเริ่มเสื่อมโทรมและขาดความมั่นคง แต่หลังจากได้รับงบประมาณจากโครงการบ้านพอเพียง มาซ่อมแซมที่อยู่อาศัย บ้านในชุมชนได้รับการพัฒนาและปรับปรุงซ่อมแซมให้มีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงทำให้บ้านเรือนดูดีขึ้น แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนด้วย
บ้านในชุมชนได้รับการพัฒนาและปรับปรุงซ่อมแซมให้มีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ข้อท้าทายและแผนการทำงานต่อในอนาคต คือการสร้างความเข้าใจและประสานงานกับหน่วยงานภาคี การพัฒนาศักยภาพกองเลขาและทีมงาน การขยายผลการทำงานสู่พื้นที่อื่นๆ และการสื่อสารผลงานผ่านช่องทางต่างๆ เวทีคืนข้อมูลในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือที่เข้มแข็ง เพื่อขับเคลื่อนชุมชนให้ก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกช่วงวัย “ชุมชนเข้มแข็ง คือรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน”
ระดมข้อเสนอแผนงานขับเคลื่อนยกระดับ "คุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย" บูรณาการภาคีร่วมพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง
**********
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต
นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน
“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”
รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง
คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’
จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่
เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี
ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ
ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง
หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"
คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน


