'รักจังสตูล' มนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ วัฒนธรรม และพลังชุมชน โมเดลพัฒนาชุมชนจากฐานราก สู่การจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืน

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

หากพูดถึงจังหวัดสตูล หลายคนอาจนึกถึงท้องทะเลสีคราม หาดทรายขาวละเอียด และหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่กระจายตัวอยู่ในทะเลอันดามัน ที่นี่คือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่รักการดำน้ำและธรรมชาติ แต่เบื้องหลังความงดงามของทัศนียภาพ ยังมีเรื่องราวของชุมชนที่เข้มแข็งและมีเอกลักษณ์ ที่ผสมผสานระหว่างวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้อย่างกลมกลืน  มีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ดึงดูดนักเดินทางจากทุกมุมโลก หนึ่งในสถานที่สำคัญคือ "เกาะไข่" ที่โดดเด่นด้วย "ซุ้มประตูหินธรรมชาติ" ซึ่งว่ากันว่าหากคู่รักได้เดินลอดซุ้มนี้ด้วยกัน จะสมหวังในความรักตลอดไป  ไม่ไกลกันคือ "เกาะหลีเป๊ะ" ที่ได้รับฉายาว่า "มัลดีฟส์เมืองไทย" ด้วยน้ำทะเลใสราวกระจก และแนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์ ส่วน "เกาะอาดัง" ซึ่งเคยเป็นแหล่งกบดานของโจรสลัดในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นจุดดำน้ำชมปะการังที่มีความสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย  นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ "อุทยานแห่งชาติตะรุเตา" ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย และได้รับการยกย่องให้เป็น "มรดกแห่งอาเซียน" โดยองค์การยูเนสโกในปี 2525 รวมถึง "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา" ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ตั้งแต่หน้าผาหินปูนสูงชันไปจนถึงแนวปะการังที่หลากหลาย

เรือประมงชาวบ้าน

มากกว่าความงามทางธรรมชาติ: เมืองแห่งการอนุรักษ์และวิถีชุมชน

แม้ว่าสตูลจะขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติ แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่โดดเด่นไปกว่านั้นคือ วิถีชีวิตชุมชนที่เข้มแข็งและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชาวสตูลจำนวนมากมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับทะเล ไม่ว่าจะเป็นการประมงพื้นบ้าน หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ชุมชนเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่ใช้ทรัพยากรจากทะเล แต่ยังมีแนวคิดในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ต่อไป การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลของชาวสตูลมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การตั้ง "เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ" ที่ชาวประมงช่วยกันควบคุมการจับสัตว์น้ำให้เป็นไปตามฤดูกาล และการจัดตั้ง "ธนาคารปูม้า" ที่ช่วยฟื้นฟูจำนวนปูม้าให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ชาวบ้านมีรายได้ที่มั่นคงและทะเลมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น

นอกจากนี้ ชุมชนในจังหวัดสตูลยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ของ "วัฒนธรรมไทย-มุสลิม" ที่หลอมรวมกันอย่างลงตัว ภาพของมัสยิดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่เคียงข้างวัดพุทธ และตลาดที่เต็มไปด้วยอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย เช่น "ข้าวยำบูดู", "โรตีกรอบ", และ "แกงตอแมะ" เป็นเครื่องยืนยันถึงความกลมกลืนของผู้คนต่างศาสนาในพื้นที่

ธนาคารชุมชนอำเภอมะนัง

กองทุนวันละบาท: โมเดลพัฒนาชุมชนจากฐานราก

หนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้ชุมชนสตูลสามารถพึ่งพาตนเองได้ คือ "กองทุนวันละบาท" แนวคิดที่เริ่มจากการตั้งกลุ่มออมทรัพย์ในแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งเดิมทีการออมทรัพย์มีเพียงการปันผลและการแบ่งรายได้บางส่วนเป็นสวัสดิการ แต่เมื่อพบว่ากำไรจากการออมไม่เพียงพอที่จะจัดสวัสดิการได้ยั่งยืน ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้าง "กองทุนวันละบาท" ขึ้นมา โดยสมาชิกสมทบเงินเพียงวันละ 1 บาท เพื่อเป็นกองทุนสวัสดิการดูแลชุมชนในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปจนถึงการศึกษา และการพัฒนาอาชีพ

จากกองทุนขนาดเล็กที่เริ่มต้นในหมู่บ้านหนึ่ง ได้ขยายตัวไปทั่วทั้งตำบล และนำไปสู่การรวมตัวกันของกลุ่มออมทรัพย์ในระดับจังหวัดภายใต้ชื่อ "รักจังสตูล" ซึ่งทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างชุมชนกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการผลักดันนโยบายสาธารณะที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

โรงน้ำดื่มชุมชนตำบลนิคมพัฒนา

โรงน้ำดื่มชุมชนตำบลนิคมพัฒนา: ต้นแบบการพึ่งพาตนเองและการจัดการภัยแล้ง

ภัยแล้งเป็นปัญหาที่ชาวบ้านในตำบลนิคมพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เผชิญมาเป็นเวลานาน หลายปีที่ผ่านมาต้องซื้อน้ำจากเอกชนในราคาสูง จนกระทั่งชุมชนได้ร่วมมือกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ขอรับงบประมาณสนับสนุนและนำเงินจากกองทุนชุมชนมาถือหุ้น ทำให้เกิดโรงงานน้ำดื่มของชุมชนขึ้นมา การมีโรงน้ำดื่มเป็นของตัวเอง ไม่เพียงช่วยให้ชุมชนมีน้ำสะอาดใช้ในราคาถูก แต่ยังสามารถช่วยเหลือหมู่บ้านอื่นที่ประสบภัยแล้ง เช่น เกาะสาหร่าย รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงอย่างตรัง และสงขลา ได้อีกด้วย

โรงน้ำดื่มชุมชนไม่ได้เป็นเพียงโครงการพึ่งพาตนเองของหมู่บ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างของการบริหารทรัพยากรที่เป็นธรรม เนื่องจากเป็นโรงน้ำที่ไม่ได้มุ่งเน้นผลกำไร ทำให้โรงน้ำเอกชนไม่สามารถขึ้นราคาได้ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมราคาน้ำดื่มในพื้นที่

ธนาคารปู

ธนาคารปู: การจัดการทรัพยากรทะเลอย่างยั่งยืน

ทะเลสตูลเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของไทย โดยเฉพาะปูม้าที่มีปริมาณมากถึง 70 ตันต่อปี อย่างไรก็ตาม การจับปูอย่างไม่มีการควบคุม อาจส่งผลให้ทรัพยากรลดลง ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านในตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล จึงร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดตั้ง "ธนาคารปู" ขึ้นมา

ผลผลิตจากธนาคารปู

แนวคิดของธนาคารปู คือการนำแม่ปูที่กำลังมีไข่มาฝากไว้ในกระชัง จนกว่าลูกปูจะฟักออกมาแล้วปล่อยคืนสู่ทะเล นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปปูเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น น้ำพริกปู และคั่วกลิ้งปู เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากร โดยรายได้ที่ได้จะถูกนำกลับมาหมุนเวียนในกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน

ซั้งกอ

(ที่มา : Greenpeace Thailand)

ซั้งกอ: ฟื้นฟูทรัพยากรทะเลด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น

การขับเคลื่อนการบูรณาการในภาคของจังหวัดได้มีการรวมพี่น้องทุกเครือข่าย เข้ามาในขบวนเพื่อก้าวไปสู่การจัดการตัวเองภายใต้เครือข่าย รักจังสตูล หรือเครือข่ายสมัชชา สตูลสภาองค์กรชุมชน รวมถึงงานการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่พี่น้องประมงพื้นบ้านขับเคลื่อนอยู่เนื่องจากพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล เป็นงานหนึ่งของสภาองค์กรชุมชน ที่ได้มีการบูรณาการและยังมีข้อเสนอ เชิงนโยบายเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน รวมไปถึงนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนในจังหวัดสตูล และพี่น้องที่อยู่ร่วมในทะเลเดียวกัน   ในฝั่งอันดามัน มีความพยายามทำงานเชิงฟื้นฟูทรัพยากรร่วมกัน ส่วนหนึ่งในเรื่องของการทำบ้านปลาหรือ ปะการังเทียม โดยการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ชุมชนยังได้พัฒนา "ซั้งเชือก" ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใช้เส้นใยธรรมชาติทำเป็นแนวสาหร่ายเทียมในทะเล เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน และสามารถย่อยสลายได้ง่ายโดยไม่ก่อให้เกิดขยะพลาสติกในทะเล  ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม ใยจะแยกออกมาเป็นเส้นเล็กฝอย นำไปวางลงในทะเลน้ำลึกพอเหมาะที่จะเป็นแหล่งเพาะแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำทะเล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล และอีกส่วนหนึ่งใช้ปะการังแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม เรียกว่า “ซั้งกอ” เพื่อฟื้นฟูให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำวัยอ่อน ในพื้นที่ตำบลที่มีความพร้อมและครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ในจังหวัดสตูล สาเหตุที่ต้องมีการทำอนุบาลสัตว์น้ำขึ้นมาเพราะหากมีแต่การจับสัตว์น้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์แต่ไม่มีการอนุรักษ์ไว้ จำนวนสัตว์น้ำก็มีแต่ลดลง เราจึงจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางอาหาร ต้องสร้างความตระหนักในเรื่องการจัดการ การฟื้นฟู การดูแลรักษาและเน้นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน 

การรวมตัวของกลุ่ม “รักจังสตูล”

“รักจังสตูล” สู่การพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน

จังหวัดสตูลแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้พลังของชุมชนเองเป็นตัวขับเคลื่อน การตั้งกองทุนวันละบาท โรงน้ำดื่มชุมชน และธนาคารปู เป็นตัวอย่างของการรวมพลังกันเพื่อสร้างโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในระดับท้องถิ่น

ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมกลไกออมทรัพย์ การจัดตั้งธุรกิจเพื่อสังคมที่ไม่หวังผลกำไร หรือการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการบริหารทรัพยากร ล้วนเป็นแนวทางที่สามารถนำไปขยายผลได้ หากมีการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายที่เหมาะสม

สุดท้ายแล้ว การพัฒนาชุมชนที่แท้จริง ไม่ได้เกิดจากนโยบายจากข้างบนลงมาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจากความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ ที่พร้อมจะลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นแล้วในจังหวัดสตูล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

น้ำท่วมสตูลยังวิกฤต ตั้งศูนย์พักพิงแล้ว 42 แห่งใน 6 อำเภอ รอรับน้ำจาก 3 จังหวัดไหลทะลัก

นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าฯสตูล แถลงข่าวอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 20-26 พ.ย. ว่า เช้าวันนี้ ฝนตกลงมาเล็กน้อย ในส่วนพื้นที่จังหวัดสตูล ได้รับผลกระทบไม่มาก โดยจังหวัดสตูล ได้รับน้ำมาจากจังหวัดใกล้เคียง คือ จังหวัดสงขลา และ

สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต

นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน

“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”

รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง

คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’

จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่

เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี

ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ

ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง