สวนผักชุมชนริมคลองลาดพร้าว (ภาพหมู่)
กรุงเทพฯ O วันที่ 8 มีนาคม 2568 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. จับมือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเขตสายไหม กรุงเทพมหานคร จัดงาน “ปลูกเมืองเฟส ครั้งที่ 1” สะท้อนแนวคิด “สวน บ้าน ย่าน คลอง” ที่เน้นการพัฒนาพื้นที่เมืองให้เป็นทั้งแหล่งอาหารและพื้นที่ชีวิตที่ยั่งยืน โดยมีนางสาวสมสุข บุญญะบัญชาผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน นางสาวเฉลิมศรี ระดากูล รองผู้อำนวยการ พอช. นางเข็มเพชร เลนะพันธ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. หน่วยงานภาคีภาครัฐ ภาควิชาการ เครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง เครือข่ายบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวและเปรมประชากร เครือข่ายปลูกเพื่อเมือง และประชาชนผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 400 คน ณ สวนผักชุมชนอัมรินทร์ 3 เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
งาน 'ปลูกเมืองเฟส ครั้งที่ 1'
ในยุคที่เมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว พื้นที่สีเขียวเริ่มลดน้อยลง การเข้าถึงอาหารสดปลอดภัยกลายเป็นเรื่องท้าทาย แนวคิด “สวน บ้าน ย่าน คลอง” จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเมืองที่สมดุล โดยเน้นให้ประชาชนในชุมชนเมืองใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในบ้านของตัวเองและพื้นที่ส่วนรวม เพื่อปลูกผัก ทำสวน และสร้างแหล่งอาหารในเมืองอย่างยั่งยืนสวนผักชุมชนถือเป็นต้นแบบของการใช้พื้นที่ว่างในเมืองให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินรกร้าง ข้างบ้าน ลานจอดรถ หรือแม้แต่ระเบียงคอนโด โครงการนี้เน้นให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอาหารปลอดภัย ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีผ่านการบริโภคผักสดที่ปลูกเอง
นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา
นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวถึง ความสำคัญของการปลูกผักในชุมชนเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องของการปลูกพืชผักเพื่อการบริโภคเท่านั้น แต่เป็นการสร้างรากฐานของการพึ่งพาตนเอง ลดรายจ่าย และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน วันนี้เรามีแรงหนุนจากทั้ง สสส. และ พอช. อย่างเต็มที่ การปลูกผักอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่จริง ๆ แล้วมันสำคัญมาก เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของความมั่นคงทางอาหาร การปลูกผักไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณบ้าน ในชุมชน ข้างทางรถไฟ หรือพื้นที่ว่างอื่น ๆ ที่สำคัญคือมันไม่มีสารเคมีตกค้าง เป็นอาหารที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน การปลูกผักต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต เป็นเรื่องปกติที่ทุกบ้านควรทำ และในอนาคต อาจกำหนดให้เป็นเงื่อนไขของโครงการบ้านมั่นคง เช่น ทุกครอบครัวต้องมีการปลูกพืชผักไว้บริโภคเอง และยังเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้คนในชุมชนให้เข้ามาร่วมกันปลูก แบ่งปัน และดูแลกันมากขึ้น
นางสาวสมสุข ยังกล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากการปลูกผักในบ้านและชุมชนแล้ว แนวคิดในการขยายแนวทางนี้ไปสู่ระดับเมือง โดยเชื่อมโยงกับหน่วยงานท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สนับสนุนพื้นที่ว่างในเมืองเพื่อทำเป็นแปลงผักชุมชน
การปลูกผักในเมือง ไม่เพียงช่วยให้คนเมืองมีอาหารปลอดภัยบริโภค แต่ยังช่วยลดผลกระทบของปัญหาค่าครองชีพสูง และส่งเสริมให้เกิดพื้นที่สีเขียวในเมืองมากขึ้น
แปลงผักในพื้นที่ว่างในชุมชนอัมรินทร์
"เราไม่ได้แค่ปลูกผัก แต่เรากำลังสร้างขบวนการที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนเมือง สิ่งที่สำคัญคือการส่งต่อองค์ความรู้ การแบ่งปันพันธุ์พืช การเรียนรู้ร่วมกัน และสร้างวัฒนธรรมการพึ่งพาตนเองให้เกิดขึ้นในทุกชุมชน ให้พวกเราทุกคนร่วมกันเดินหน้าทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน อย่าลืมว่าการปลูกผักไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่เป็นเรื่องของการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งไปพร้อมกัน" นางสาวสมสุข กล่าวในตอนท้าย
นอกจากการปลูกผักเพื่อบริโภคเองแล้ว โครงการ "ปลูกเมืองเฟส" ยังเป็นพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ โดยมีการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบพื้นที่ปลูกผัก วางผังแปลงให้มีประสิทธิภาพ และเทคนิคการดูแลพืชผักในสภาพแวดล้อมเมือง ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
นางสาวเฉลิมศรี ระดากูล
นางสาวเฉลิมศรี ระดากูล รองผู้อำนวยการ พอช. กล่าวว่า ความสำคัญของโครงการปลูกผักเพื่อเมือง เป็นมากกว่าการปลูกพืชผักเพื่อบริโภค แต่เป็นการปลูกชีวิตและสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ขอขอบคุณ สสส. ที่ทำให้เกิดโครงการดีๆ เช่นนี้ พอช. มองเห็นโอกาสและประโยชน์ของโครงการนี้ จึงร่วมมือกันขยายผล เพราะการปลูกผักไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่เป็นเครื่องมือในการสร้างสุขภาพ วิถีชีวิต และความเข้มแข็งของชุมชน การปลูกผักเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงคนทุกวัยในครอบครัวและชุมชน ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี เริ่มจาก 30 ชุมชน ใน 14 เขต และปี 2568 เราจะขยายไปให้ครอบคลุมทั้ง 50 เขตของกรุงเทพฯ โดยใช้การเรียนรู้จากวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นพอช. และ สสส. พร้อมจับมือกับ กทม. เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้พื้นที่ว่างในชุมชนอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือพื้นที่สาธารณะ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีและเปลี่ยนเมืองให้เป็นพื้นที่แห่งการพึ่งพาตนเองเพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเมืองของเรา
สอนวิธีการปลูกผัก
ผลงานการปลูกผักในชุมชนร่วมเอามาโชว์ในงาน
ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่การ สอนวิธีการปลูกผัก เพื่อเรียนรู้แนวทางการปลูกผักในเมือง ไปจนถึง เสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ หนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์ของงานคือ “เส้นทางอาหารบ้านมั่นคงริมคลอง” ซึ่งให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ ตัวอย่างสวนผักในเมืองที่เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชน ทำให้เห็นว่าแม้พื้นที่จำกัดก็สามารถเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าได้ อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจจากงานคือการ แปรรูปถนอมอาหาร เช่น การทำผักกาดดอง หัวไชเท้าดอง และกิมจิ ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถถนอมอาหารไว้บริโภคได้นานขึ้น และอาจต่อยอดเป็นสินค้าสร้างรายได้ให้กับชุมชน
นางเข็มเพชร เลนะพันธ์
นางเข็มเพชร เลนะพันธ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. กล่าวถึง "ปลูกเมืองเฟส ครั้งที่ 1" ว่าเป็นการสะท้อนแนวคิด “สวน บ้าน ย่าน คลอง” ซึ่งเป็นการทำเกษตรในเมืองที่เข้าถึงง่ายและเป็นรูปธรรม โดยงานนี้จะเป็นพื้นที่พบปะของเครือข่ายผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมถึงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือจากภาคประชาชน ชุมชน และหน่วยงานต่างๆ วันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีเครือข่าย ‘กลุ่มปลูกเพื่อเมือง’ ที่เข้มแข็ง เราหวังว่าเครือข่ายนี้จะขยายออกไปทั่วทั้งเมือง พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือจาก พอช. สำนักงานเขตสายไหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยผลักดันให้การทำเกษตรในเมืองขยายตัวไปยังจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ เป้าหมายสำคัญของงานฯ อยากให้ทุกคนได้รับแรงบันดาลใจและเก็บเกี่ยวไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ เพราะการผลิตอาหารที่ดี สามารถเริ่มต้นได้จากตัวเรา และสามารถขยายไปสู่การสร้างระบบอาหารที่มั่นคงให้กับเมืองได้
นางสาวปราณี ชาวสวนแพร
นางสาวปราณี ชาวสวนแพร ประธานบ้านมั่นคงชุมชน กสบ.พัฒนา ริมคลองลาดพร้าว เล่าถึง จุดเริ่มต้นของสวนผักในชุมชนว่า เดิมทีพื้นที่ส่วนกลางถูกวางแผนให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกายและเป็นที่พักผ่อนของคนในชุมชน แต่เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด จึงต้องหาทางเลือกใหม่ กระทั่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ พอช. ให้เข้าร่วมโครงการ “สวนผักคนเมือง” และสามารถขอรับทุนสนับสนุนเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแปลงผักชุมชน พื้นที่สีเขียวของชุมชนแห่งนี้ ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารให้กับสมาชิก แต่ยังทำให้ชุมชนมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน การทำสวนยังช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ในชุมชน จากที่เคยมีความขัดแย้งในช่วงการก่อสร้างบ้านมั่นคง กลับกลายเป็นพื้นที่ที่สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้น นอกจากจะปลูกผักไว้บริโภคในครัวเรือนแล้ว ชุมชนยังต่อยอดไปสู่การขายผลผลิต เช่น การเพาะต้นกล้าขาย หรือแม้แต่รับจ้างจัดกระเช้าผักเพื่อสุขภาพ ซึ่งทำให้สมาชิกมีรายได้เสริม โดยยังคงยึดหลักการทำเกษตรอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ พื้นที่สีเขียวในชุมชนไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่เป็นการสร้างความยั่งยืนทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมและสังคม สวนผักชุมชนจึงเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยเปลี่ยนเมืองให้เป็นพื้นที่ที่น่าอยู่ และเป็นโมเดลที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ได้ในอนาคต
ชุมชน กสบ.พัฒนา บ้านมั่นคงชุมชนริมคลองลาดพร้าว
โครงการนี้เป็นมากกว่าการปลูกผัก แต่เป็นการสร้างวิถีชีวิตใหม่ที่ช่วยให้เมืองมีความน่าอยู่มากขึ้น พื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น อาหารปลอดภัยขึ้น และชุมชนมีความเข้มแข็งขึ้นการที่เมืองเติบโตอย่างรวดเร็วไม่ได้หมายความว่าธรรมชาติจะต้องหายไป หากแต่เราสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ผ่านแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ "ปลูกเพื่อเมือง" กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า เมืองที่ดีเริ่มต้นจากสวนผักเล็ก ๆ ในชุมชนของเรานั่นเอง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต
นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน
“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”
รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง
คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’
จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่
เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี
ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ
ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง
หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"
คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน


