กยท. จับมือเอกชนเดินหน้าสวนยางอินทรีย์ นำร่อง 10,000 ตัน วางเป้าราคาสูงกว่าตลาด 6 บาท

กยท.จับมือเอกชนขับเคลื่อนสวนยางอินทรีย์ตามกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก นำร่องรับซื้อน้ำยางสดจากสวนยางในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์และชุมพร เพื่อนำมาผลิตน้ำยางข้น 10,000 ตัน  รับซื้อในราคาพรีเมี่ยมสูงกว่าราคาตลาด 6 บาท/กก. มั่นใจจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้น สร้างความมั่นคงให้อาชีพอย่างยั่งยืน  พร้อมเตรียมนำน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำมาใช้ในสวนยางอินทรีย์

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย(กยท.)   เปิดเผยว่า  ปัจจุบันกระแสการอนุรักษ์ ปกป้อง คุ้มครอง ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  ได้เข้ามามีบทบาทความสำคัญในการซื้อขายสินค้าต่างๆ  โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป(อียู)  และสหรัฐอเมริกา  ได้มีการบัญญัติกฎหมายที่เข้มงวดเพิ่มเติมหลายฉบับเกี่ยวกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่าย  เชื่อว่าในอนาคตอีกไม่นานจะมีอีกหลายประเทศนำกฎระเบียบดังกล่าวมาบังคับใช้เช่นกัน   ดังนั้น เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดยางพาราของไทย  และสร้างความมั่นคงให้กับอาชีพเกษตรกรชาวสวนยางพารา กยท.จึงมีนโยบายที่จะพัฒนาการทำสวนยางให้สอดคล้องกับกระแสการอนุรักษ์ดังกล่าว  โดยผลักดันและส่งเสริมให้มีการจัดการสวนยางอินทรีย์อย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ตลอดจนสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชแบบผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ แทนปุ๋ยเคมี เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตามเพื่อให้การจัดการสวนยางอินทรีย์อย่างยั่งยืนดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น  กยท.ได้บูรณาการจับมือกับภาคเอกชนในการส่งเสริมและสนับการจัดการสวนยางอินทรีย์ดังกล่าว โดยล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ กยท.ได้ลงนามแสดงเจตจำนงส่งเสริมการทำสวนยางอินทรีย์ ภายใต้มาตรฐาน Moreganic©  ซึ่งเป็นมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของประเทศเบลเยี่ยมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก กับ  MY SMART LATEX CO. LTD. (MSL) เพื่อเป็นกรอบแนวทางความร่วมมือภายใต้สัญญาในรูปแบบต่างๆ ร่วมกันในอนาคต ตามมาตรฐานการจัดการสวนยาง Moreganic© ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภคและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่ายางพาราให้มีความยั่งยืนตั้งแต่กระบวนการปลูกยางพารา การจัดการสวนยาง และการแปรรูปยางตามมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับผลผลิตยางพาราของไทยให้เป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์ หรือ Moreganic© ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ยางพารา

“แนวโน้มความต้องการยางพาราอินทรีย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกระแสการอนุรักษ์  ซึ่งทาง MSL แจ้งความประสงค์มาว่า ต้องการซื้อน้ำยางข้นที่เป็นน้ำยางอินทรีย์ หรืออย่างน้อยเป็นน้ำยางข้นที่มาจากสวนยางที่ผ่านกฎระเบียบ EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) ของสหภาพยุโรป  กล่าวคือ เป็นน้ำยางข้นที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่ามาจากสวนยางที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า   ไม่อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ พื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ป่า รวมทั้งจะต้อมีการจัดการสวนยางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม  จำนวนไม่น้อยกว่าปีละ 12,000 ตัน หรือประมาณเดือนละ1,000 ตัน  ในราคาพรีเมี่ยมสูงกว่าราคาตลาดในช่วงเวลานั้นไม่น้อยกว่า 6 บาทต่อกิโลกรัมตลอดห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chin)  ซึ่งสร้างรายได้จากการขายยางเพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่าปีละไม่น้อยกว่า  72  ล้านบาท" รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.กล่าว

สำหรับสวนยางอินทรีย์ที่จะนำน้ำยางสดมาผลิตเป็นน้ำยางข้นจำหน่ายให้กับ MSL ในเบื้องต้นนั้น จะรับซื้อจากสวนยางในเขตพื้นที่จังหวัดชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากเป็นมีคุณภาพน้ำยางสดดีและเป็นอินทรีย์  โดยเฉลี่ยแล้วน้ำยางข้น 1,000 ตัน จะใช้น้ำยางสดจากสวนยางอินทรีย์ประมาณ 50,000 ไร่ ทั้งนี้จะให้สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกรในพื้นที่จะเป็นผู้รวบรวม และทำการซื้อขายผ่านตลาดกลางของกยท. ซึ่งกยท.จะได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายประมาณ 20 สตางค์ต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ทาง  MSL  ร่วมกับ กยท. จะถ่ายทอดความรู้และวางแนวทางสร้างระบบการจัดการสวนยางและแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางอินทรีย์ตามมาตรฐาน Moreganic©   พร้อมทั้งส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนยางให้ทำอาชีพเสริมในสวนยาง  โดยปลูกพืชอื่นๆ ร่วมกับการทำสวนยาง เช่น ปลูกผักเหลียง ปลูกกาแฟ  ปลูกโกโก้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นปลูกแบบอินทรีย์เช่นกัน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอาชีพเกษตรกรชาวสวนยางอย่างยั่งยืน  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ กยท.ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางหันมาทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  และปลูกพืชแบบผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  มีการนำปุ๋ยอินทรีย์  โดยเฉพาะการใช้น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำ ที่กยท.ผลิตขึ้นมาจะทำให้สวนยางเป็นสวนยางอินทรีย์ที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“จากการนำน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำไปฉีดพ่นในสวนยางที่ผ่านมา พบว่าทำให้เปลือกต้นยางอ่อนนุ่มลงทำให้กรีดง่าย เพิ่มน้ำยาง เพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพให้พืช ช่วยปรับปรุงดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยได้เป็นอย่างดี  ดังนั้น กยท. จึงมีแผนที่จะนำส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ประสงค์จะทำสวนยางอินทรีย์ใช้ทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี เพราะน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำมีความเข้มข้นของธาตุอาหารสูง ซึ่งขณะนี้ กยท.กำลังพัฒนาต่อยอดดำเนินการขอขึ้นทะเบียนเป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำปลาหมอคางดำ"  รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.กล่าวในตอนท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กยท. มั่นใจจีนยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราไทย 0% ช่วยเสริมศักยภาพ ขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น

กยท. ประสบผลสำเร็จในการเจรจากับรัฐบาลจีน ยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราจากไทยเหลือ 0% เผย สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ไทยขยายตลาดยางได้เพิ่มขึ้น พร้อมมั่นใจกฎ EUDR จะช่วยให้จีนต้องการยางจากไทยมากขึ้น สร้างความมั่นคงและเพิ่มเสถียรภาพให้ยางพาราของไทยอย่างแน่นอน

กยท.หนุนชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นยางฯ ด้วยทุนตนเองไว้แล้ว การันตี!!จ่ายเงินกว่า 2,800 ล้าน ครบภายในก.ย. นี้

กยท.เดินหน้าอนุมัติคำขอ - พร้อมจ่ายเงินส่งเสริมและสนับสนุนกษตรกรชาวสวนยางในการปลูกยางทดแทน หวังลดภาระหนี้สินให้ชาวยาง พร้อมเร่งรัดจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรที่ยื่นคำขอฯ

กยท. ถอดบทเรียน รุกฆาตปราบปรามยางเถื่อน เพิ่มโทษยึดทรัพย์ ยันไม่เป็นมวยล้มมั่นใจราคาทะลุสามหลัก

กระทรวงเกษตรฯ เอาจริงปรับเกมส์รุกประกาศสงครามปราบปรามยางเถื่อน กยท. ถอดบทเรียนทบทวน แก้ไข อุดช่องโหว่กฎหมาย ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ยางพาราแนวโน้มดี คาดสิ้นปีนี้อาจแตะเลข 3 หลัก ยันภาษีสหรัฐไม่กระทบ/จับมือหน่วยงานรัฐเพิ่มปริมาณการใช้

กยท. เดินหน้าสร้างเสถียรภาพยางพารา มั่นใจการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐไม่ส่งผลกระทบ เร่งเพิ่มการใช้ยางภาครัฐ จับมือหน่วยงานราชการใช้ยาง Greenergy Tyre

กยท. ผนึกกำลังร่วมค้นหาต้นแบบสู้โรคใบจุดกลมยางพารา หวังพบวิธียับยั่งการระบาดที่มีประสิทธิภาพ

กยท. เดินหน้าแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา หรือ โรคใบจุดกลมยางพารา เผยแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแปลงสาธิต 9 วิธี เพื่อค้นหาต้นแบบวิธีการแก้ปัญหาโรคใบร่วงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มั่นใจสามารถยับยั้งการระบาดของโรคได้