กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็น 1 ใน 8 กองทุนสวัสดิการชุมชนจากทั่วประเทศที่ได้รับรางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ระดับชาติ” ประจำปี 2567 ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทที่4‘ด้านการพัฒนาการศึกษา การเรียนรู้ทักษะการดำรงชีวิต’
รางวัล ‘ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ตามแนวคิด ป๋วย อึ๊งภากรณ์’
รางวัล ‘ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ตามแนวคิด ป๋วย อึ๊งภากรณ์’
รางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ระดับชาติ” ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ จัดประกวดครั้งแรกจัดขึ้นในปี 2559 เพื่อยกย่อง เชิดชู องค์กรหรือกองทุนสวัสดิการชุมชนที่ดำเนินงานช่วยเหลือ ดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างโดดเด่นในด้านต่างๆ โดยในปี 2568 นี้ เป็นการจัดประกวดครั้งที่ 9 ซึ่งจะมีการจัดงานเพื่อมอบรางวัลให้แก่กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นในวันที่ 9 มีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ดร.ป๋วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
รับรางวัลประเภทที่4 ‘การพัฒนาการศึกษา การเรียนรู้ทักษะการดำรงชีวิต’
ความเป็นมาของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลีก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2552 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วงเริ่มต้นเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ไม่ครอบคลุมทุกตำบล ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งเริ่มจากการแจกถุงยังชีพให้กับผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่อยู่สภาวะยากลำบาก จากความอนุเคราะห์ของพระครูโสภณคุณาธาร (สิงโต ปสนนจิตโต) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดสาลี รวมกับผู้นำชุมชนและสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 จากสมาชิกจำนวน 100 คน
ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 968 คน มีเด็กและเยาวชนจำนวน 164 คน บุคคลทั่วไปจำนวน 325 คน ผู้สูงอายุ 479 คน กองทุนฯ มีรายรับทั้งสิ้นจำนวน 1,017,972.16 บาท รายจ่ายทั้งสิ้น 155,095 บาท โดยแยกเป็นรายจ่ายให้กับสมาชิกจำนวน 114,800 บาท รายจ่ายค่าใช้จ่าย 40, 295 บาท (30 ตุลาคม 2567)
การจัดการเรียนรู้ให้กับทุกช่วงวัย
ตำบลสาลี มีประชากร 7,112 คน มีจำนวนผู้สูงอายุ 1,404 คน ประชากรส่วนใหญ่ในตำบลประกอบอาชีพเกษตรกร ทำนาข้าว มีปัญหาการขาดแคลนน้ำทำนา ตำบลสาลีมีผู้สูงอายุจำนวนมาก มีปัญหาช่องว่างระหว่างวัย เมื่อมีการจัดกิจกรรมในชุมชน พบว่าไม่ค่อยจะเกิดการมีส่วนร่วมระหว่างกันและมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาผู้สูงอายุติดบ้าน ซึมเศร้า และมีโรคอื่นๆ ตามมา กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลีเห็นว่าปัญหานี้นานวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงแก้ปัญหาด้วยการจัดการเรียนรู้ให้กับทุกช่วงวัย ใช้กิจกรรมการเรียนรู้เชื่อมโยงคนทุกวัยมาทำกิจกรรมร่วมกัน กองทุนสวัสดิการฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ประสานกลุ่มคนในวัยเด็ก วัยแรงงาน และวัยผู้สูงอายุให้รวมกลุ่มกันโดยมีบทบาทหน้าที่ตามความเชี่ยวชาญ เช่น ผู้สูงอายุที่มีความรู้เกี่ยวกับการจักสาน การรำกลองยาว การทำดอกไม้จันทร์ช่วยสอนให้กับเด็กๆ วัยแรงงานที่มีความรู้การทำขนมเป็นครูสอนให้กับผู้ที่สนใจ มีกิจกรรมเข้าไปสอนในโรงเรียน การเชิญหน่วยงานต่างๆ มาให้ความรู้กับสมาชิกตามความสนใจ และการสนับสนุนเงินทุนการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงปริญญาเอกให้กับสมาชิกในกลุ่ม แม้นจะเป็นงบประมาณจำนวนน้อยแต่แสดงถึงการให้ความสำคัญกับการเรียนรู้
การจัดสวัสดิการด้านการศึกษาให้กับสมาชิกกองทุน
มีการจัดสวัสดิการให้กับสมาชิก 14 ด้าน ประกอบด้วย 1) สวัสดิการเกิด ได้รับ 500 บาท 2) เจ็บป่วย นอนโรงพยาบาลได้รับ 100 บาทต่อวันรวมแล้วไม่เกิน 1000 บาทต่อปี 3)สวัสดิการการเสียชีวิต หากเป็นสมาชิกครบ 1 -2 ปี ได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท 2ปี 1 วัน-3 ปี ได้รับ 6,000 บาท 3 ปี 1 วัน – 4ปี ได้รับ 7,000 บาท 4 ปี 1 วัน – 5ปี ได้รับ 8,000 บาท 5 ปี 1 วัน- 6 ปีได้รับ 9,000 บาท 6ปีขึ้นไปได้รบ 10,000 บาท 4)ทุนการศึกษามอบให้เยาวชนได้รับปีละ 300 บาท 5)สวัสดิการบวชพระครั้งแรก 500 บาท 6)สวัสดิการแต่งงานครั้งแรก 500 บาท 7)สวัสดิการเกณฑ์ทหาร 500 บาท 8)สวัสดิการประสบภัยได้รับตามมติของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ 9)สวัสดิการส่งเสริมพัฒนาอาชีพผู้พิการ ตามมติของคณะกรรมการบริหารกองทุน 10) สวัสดิการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ ตามมติของคณะกรรมการบริหารกองทุน 11)สวัสดิการเพื่อการพัฒนาอาชีพ ตามมติของคณะกรรมการบริหารกองทุน 12) สวัสดิการเพื่อส่งเสริมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ตามมติของคณะกรรมการบริหารกองทุน 13) สวัสดิการเพื่อส่งเสริมกีฬาและนันทนาการ ตามมติของคณะกรรมการบริหารกองทุน 14) สวัสดิการด้านอื่นๆ ตามมติของคณะกรรมการบริหารกองทุน
มอบกองทุนด้านการศึกษา ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงปริญญาเอก จำนวน 28 คน
การพัฒนาการศึกษา การเรียนรู้ทักษะการดำรงชีวิต
กลุ่มเป้าหมายคือสมาชิกของกองทุนที่กำลังศึกษา ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงปริญญาเอก จำนวน 28 คน ทำให้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวและเปิดโอกาสให้ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียม ทองกองทุนฯได้จัดอบรมทักษะการดำรงชีวิต อบรมทักษะการทำอาหาร การประดิษฐ์ของใช้ในครัวเรือน ทักษะการค้าขาย เช่น การสานเส้นพลาสติก การนวดแผนไทย การทำขนม ซาลาเปา การทำเบเกอรี่ ตลาดนัดอาชีพ เพื่อให้นำทักษะเหล่านี้ไปสร้างรายได้ พร้อมทั้งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เช่น การใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน สมุนไพร การถ่ายทอดภูมิปัญหา การเรียนรู้ด้านสุขภาพ กิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ อบรมรู้ทันมิจฉาชีพป้องกันภัยทางเทคโนโลยี อบรมการออกกำลังกายด้วยไม้พลอง การรำกลองยาว กิจกรรมนางรำวงกลองยาว 3 ช่วงวัย ถ่ายทอดภูมิปัญญาสมุนไพรในชุมชน พวงมโหตร ดอกไม้จันทร์ ตามรายละเอียดดังนี้ 1.สนับสนุนทุนการศึกษาจำนวน 28 คนๆละ 300 บาทเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเปิดโอกาสให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม 2.จัดอบรมทักษะการดำรงชีวิตเพื่อให้สมาชิกนำทักษะไปใช้ในการสร้างรายได้และพึ่งพาตนเองได้ 3.ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อให้สมาชิกได้พัฒนาตนเองและเพิ่มพูนความรู้และมีความสุขทุกครั้งที่ร่วมกิจกรรม 4.โครงการพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาจำนวน 5 ครอบครัว เพื่อให้คนในชุมชนมีแหล่งความรู้ที่ใกล้ตัวและเข้าถึงได้ง่าย 5.โครงการเรียนรู้อาชีพเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพและเสริมสร้างรายได้ของสมาชิกจากการทำนาเปียกสลับแห้ง รวมพื้นที่มากกว่า 2000ไร่ ลดการใช้น้ำมากถึง 25% 5.การสร้างเครือข่ายกับองค์กรการศึกษา จำนวน 5 โรงเรียนและ 2 มหาวิทยาลัยเพื่อจัดกิจกรรมให้ความรู้และเปิดโอกาสให้คนในชุมชนได้สัมผัสกับการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม
ชุมชนนำความรู้หรือภูมิปัญญาในอดีตมาต่อยอด
กิจกรรมภูมิปัญญาในอดีตมาต่อยอดกองทุนในปัจจุบัน
เมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้นคณะกรรมการจึงได้หารือกันว่าน่าจะมีกิจกรรมที่ส่งเสริมให้สมาชิกทุกช่วงวัยสามารถทำร่วมกันได้ และอยากทำให้ชุมชนนำความรู้หรือภูมิปัญญาในอดีตมาต่อยอด เช่น กลองยาว จักสาน และเห็นว่าผู้สูงอายุอยู่บ้านเฉยๆ ต้องหากิจกรรมให้ทำ อยากให้มีความสามัคคี ผู้สูงอายุชอบงานจักสาน กิจกรรมสนุกๆ เช่น ร้องรำทำเพลง ได้เจอเพื่อน จึงได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเป็นกลไกดึงกลุ่มต่างๆ เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน ในรูปแบบของนวัตกรรม SALI การพัฒนาด้านการศึกษา การเรียนรู้และทักษะการดำรงชีวิต
S คือ sustainability ความยั่งยืน สร้างหลักสูตรการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและทันสมัย ใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้อย่างยั่งยืน สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างวัย ทำให้การเรียนรู้เป็นประสบการณ์ที่สามารถส่งต่อและสร้างประโยชน์ต่อเนื่องในชุมชน
A คือ accountability ความรับผิดชอบ มีการติดตามผลการพัฒนาทักษะ การติดตาม การติดตามดูความก้าวหน้าและการปรับปรุงหลักสูตรตามความต้องการที่เปลี่ยนไป เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถตรวจสอบการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ เพื่อให้ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองและรับผิดชอบต่อความสำเร็จ
L คือ learning การเรียนรู้ สร้างกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการฝึกทักษะที่หลากหลายและเปิดโอกาสให้ทุกวัยได้เรียนรู้ไม่จำกัดเพียงโรงเรียนหรือวัยเด็กเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการพัฒนาในวัยทำงานและวัยสูงอายุ
I คือ involvement การมีส่วนร่วม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการวางแผนหลักสูตรและกิจกรรมเพื่อให้สมาชิกทุกวัยในชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้และการตัดสินใจให้เหมาะสมกับชุมชน
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี ได้แบ่งกิจกรรมการส่งเสริมการเรียนรู้และทักษะการดำรงชีวิตออกตามความเหมาะสมแต่ละช่วงวัย กลุ่มเด็ก จะมีการให้ทุนการศึกษา การเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อทักษะการดำรงชีวิต วัยแรงงาน มีโครงการพี่เลี้ยง โครงการเรียนรู้อาชีพ เพื่อให้เกิดการสร้างเครือข่าย ผู้สูงอายุ มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดภูมิปัญหาและทักษะการดำรงชีวิต บางท่านที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านก็ช่วยงานอื่นๆ ของกองทุนเช่น เป็นเหรัญญิก ตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่าย ช่วยหาสมาชิก เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ตามกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ มีการผสมผสานกัน เชิญวิทยากรภายนอกมาด้วย เช่น สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) หรือ กศน.เดิม ความรู้ด้านการเกษร และเชิญสมาชิกในกองทุนที่มีความรู้อยู่แล้วมาเป็นวิทยากรร่วม สมาชิกบางคนสามารถชวนคนอื่นๆ เช่น ปู่ย่าตายายที่มีความรู้อยู่มาเพิ่มเติมให้ด้วย เช่น การจักสานเช่น กลุ่มต่างๆ ในชุมชน ทั้งที่เป็นสมาชิกของกองทุนและไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทุน สามารถเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ได้ แต่สมาชิกจะมีความถี่มากกว่าและเมื่อมีการประชุมสามัญประจำปีจะมีการจัดกิจกรรมอบรมให้กับสมาชิก
คนรุ่นปู่ย่าตายายมาถ่ายทอดภูมิปัญญาเพิ่มเติมให้กับสมาชิก
พลังชุมชนสามัคคี: กลไกขับเคลื่อนกองทุนสวัสดิการตำบลสาลี
หัวใจสำคัญของการพัฒนากองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลีอยู่ที่ความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสาลีได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และสถานที่จัดกิจกรรม ในช่วงเริ่มต้น กองทุนใช้กลยุทธ์ชาญฉลาดด้วยการดึงดูด "ข้าราชการเกษียณอายุ" มาร่วมเป็นคณะทำงาน เนื่องจากกลุ่มนี้มีข้อได้เปรียบสำคัญ คือ มีเวลาว่างเพียงพอ มีจิตอาสาและอยากทำประโยชน์เพื่อสังคม มีความรู้ความสามารถจากประสบการณ์ทำงานยาวนาน มีฐานะทางการเงินมั่นคง คณะทำงานรุ่นบุกเบิกประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในตำแหน่งสำคัญต่างๆ เช่น เหรัญญิกและฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกองทุนในระยะเริ่มต้น สมาชิกรุ่นแรกที่เข้าใจแนวคิดของกองทุนได้ช่วยเผยแพร่ความรู้และขยายเครือข่ายสมาชิกไปยังหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งมีกลยุทธ์การขยายสมาชิกอย่างชาญฉลาด คือการใช้ระบบ "โปรโมชั่นสมาชิก" โดยมอบข้าวสาร 5 กก. เป็นของขวัญต้อนรับ ลดค่าสมาชิกเหลือ 20 บาท/เดือน สำหรับครัวเรือนที่มีสมาชิกเพิ่ม ดึงกลุ่ม อสม. และบุคลากรท้องถิ่นมาร่วมทำงาน การบริหารจัดการใช้ระบบไฮบริด โดยได้รับความร่วมมือจาก อบต.ด้านการจัดทำเอกสาร การเงินและบัญชี โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (CODI FWS และ Excel) วัสดุสำนักงาน
ขณะเดียวกันกองทุนก็พัฒนาบุคลากรของตนเองให้มีความเชี่ยวชาญ โดยไม่ต้องพึ่งพาภายนอกทั้งหมด ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากปรัชญา "ทำงานด้วยใจ ไม่ทำงานเพื่อเงิน" ของคณะทำงาน ที่สามารถสร้างความศรัทธาและความไว้วางใจในชุมชน จนคาดการณ์ว่าภายในปี 2568 จะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยคน
แผนการทำกิจกรรมต่างๆ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับกองทุน
ทางกองทุนได้มีการการถ่ายทอดภูมิปัญญา ให้ผู้สูงอายุสอนเด็กๆ เรื่องจักสาน รำกลองยาว และทำดอกไม้จันทน์ ส่งเสริมตลาดนัดอาชีพ ฝึกทักษะการทำขนม ซาลาเปา เบเกอรี่ และนวดแผนไทย อบรมใช้เทคโนโลยีพื้นฐาน รู้ทันมิจฉาชีพ และออกกำลังกายด้วยไม้พลอง กิจกรรมนางรำวงกลองยาว 3 ช่วงวัยเชื่อมโยงเด็ก วัยทำงาน และผู้สูงอายุ
สำหรับอนาคตของกองทุนฯ ได้วางแผนขยายสมาชิกและกิจกรรมในปี 2568 และร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพัฒนากองทุนให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ รางวัลกองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นรับรางวัลนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี ทำงานพัฒนาชุมชนต่อไป
กิจกรรมนางรำวงกลองยาว 3 ช่วงวัยเชื่อมโยงเด็ก วัยทำงาน และผู้สูงอายุ
***********
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต
นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน
“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”
รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง
คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’
จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่
เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี
ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ
ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง
หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"
คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน


