กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์ รับรางวัลกองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นฯ วันที่ 9 มีนาคม68 ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เป็น1 ใน 8 กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นรับรางวัล ‘ป๋วย อึ๊งภากรณ์’ ปี 2567 ประเภทที่3 ด้านการพัฒนาสังคมสูงวัย ‘กองทุนสวัสดิการชุมชน’ เริ่มจัดตั้งทั่วประเทศในปี 2548 โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และรัฐบาลให้การสนับสนุน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป ที่ไม่มีระบบสวัสดิการรองรับ ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือดูแลกันเอง โดยสมาชิกจะต้องสมทบเงินเข้ากองทุนวันละ 1 บาท หรือสมทบเป็นรายปี จำนวน 365 บาท เพื่อนำเงินกองทุนมาช่วยเหลือดูแลสมาชิกตามข้อตกลง เช่น ช่วยยามคลอดบุตร เจ็บป่วย เสียชีวิต ทุนการศึกษาเด็ก ยามประสบภัยพิบัติ ฯลฯ
สมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์
รางวัล ‘ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ตามแนวคิด ป๋วย อึ๊งภากรณ์’
รางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ระดับชาติ” ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ จัดประกวดครั้งแรกจัดขึ้นในปี 2559 เพื่อยกย่อง เชิดชู องค์กรหรือกองทุนสวัสดิการชุมชนที่ดำเนินงานช่วยเหลือ ดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างโดดเด่นในด้านต่างๆ โดยในปี 2568 นี้ เป็นการจัดประกวดครั้งที่ 9 ซึ่งจะมีการจัดงานเพื่อมอบรางวัลให้แก่กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นในวันที่ 9 มีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ดร.ป๋วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์ประเภทที่3 ด้านการพัฒนาสังคมสูงวัย
ในยุคที่สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” อย่างเต็มรูปแบบ ชุมชนเล็ก ๆ อย่าง ตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ได้กลายเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุผ่าน “กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์” ที่ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งเงินทุนช่วยเหลือ แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่ายชุมชน พัฒนาสภาพแวดล้อม และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สูงวัยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและศักดิ์ศรี
"เราไม่ได้ช่วยแค่ให้เงิน แต่เรากำลังสร้างชุมชนที่เอื้ออาทรต่อกัน ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกันและกัน" คำพูดจากหนึ่งในคณะกรรมการกองทุนที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของชุมชนที่มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัย
จากตำบลเก่าแก่สู่ชุมชนต้นแบบ
ตำบลนรสิงห์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเรียกว่าบ้านตะพุ่น เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการจัดเตรียมเสบียงให้กองทัพ โดยเฉพาะกองทัพช้างและกองทัพม้ามีแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่าไหลผ่าน ทำให้เกิดการตั้งถิ่นฐานมาแต่โบราณ พระปรางค์วัดปราสาท ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัชกาลที่ 5 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่จัดแสดงเครื่องมือเกษตรกรรมโบราณและยังเป็นบ้านเกิดของ "พันท้ายนรสิงห์" บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ ชุมชนแห่งนี้มีวัดถึง 7 แห่ง ได้แก่ วัดนรสิงห์ วัดช้าง วัดดอกไม้ วัดขนาด วัดเอกราช วัดโบสถ์วรดิตถ์ และวัดปราสาท ซึ่งล้วนเป็นศูนย์กลางทางจิตใจและกิจกรรมของชุมชน
ในปัจจุบัน ตำบลนี้มีประชากรประมาณ 2,773 คน แบ่งเป็นชาย 1,335 คน และหญิง 1,438 คน มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นถึง 581 คน หรือคิดเป็น 21.47% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ (ประมาณ 18% ในปี 2565 ) ทำให้เป็นหนึ่งในตำบลที่มีสังคมสูงวัยอย่างชัดเจน กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ พร้อมทั้งสร้างกิจกรรมที่ช่วยให้พวกเขายังคงมีส่วนร่วมในสังคม
โครงการปลดทุกข์ สร้างสุข
กองทุนสวัสดิการชุมชน พลังขับเคลื่อนเพื่อผู้สูงวัย
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2553 โดยกลุ่มผู้นำชุมชนและชมรมผู้สูงอายุที่เห็นความสำคัญของการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน ปัจจุบันมีสมาชิก กว่า 1,037 คน และมีเงินสะสมในกองทุนมากกว่า 4.5 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจาก พอช. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายภาคประชาสังคม โครงการที่ช่วยสร้างชุมชนให้น่าอยู่สำหรับผู้สูงอายุ ศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัย เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้เข้าร่วมกิจกรรม เช่น การออกกำลังกาย ดนตรีบำบัด และฝึกอาชีพ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและลดปัญหาภาวะติดบ้านโครงการปลดทุกข์ สร้างสุข กองทุนได้ช่วยเปลี่ยนโถส้วมนั่งยองเป็นโถชักโครกแบบนั่งราบให้กับ 52 ครัวเรือน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุและผู้พิการใช้งานง่ายขึ้น โครงการซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ ซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับผู้สูงวัยที่ยากไร้ไปแล้ว 67 หลัง โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โครงการฝึกอาชีพ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถทำงานหาเลี้ยงตนเองได้ เช่น การทำไม้กวาดทางมะพร้าว ทำขนมไทย หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด โครงการวัดปลอดเหล้า สร้างพื้นที่พบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้สูงวัยกับคนรุ่นใหม่ผ่านกิจกรรมสวดมนต์ประจำเดือน
โครงการซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ
ความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตำบลนรสิงห์ประสบความสำเร็จคือ ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น พอช. อบต. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. โรงเรียน และวัด ทุกหน่วยงานต่างมีบทบาทร่วมกันในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย เช่น อสม. ทำหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความต้องการของผู้สูงวัย โรงเรียนและวัด สนับสนุนกิจกรรมฝึกอาชีพและกิจกรรมทางสังคม อบต. จัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเชื่อมโยงเครือข่ายและการทำงานร่วมกัน ทุกหน่วยงานต้องมองไปในทิศทางเดียวกันคือ การสร้างชุมชนที่ยั่งยืน
โครงการฝึกอาชีพ
จากกองทุนสวัสดิการสู่ชุมชนที่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
- ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กว่า 250 คน ได้เข้าร่วมศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัย ผู้สูงอายุที่เคยติดบ้านเริ่มออกมาทำกิจกรรมมากขึ้น ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฝึกอาชีพมีรายได้เพิ่มขึ้น
- ชุมชนมีเครือข่ายช่วยเหลือกันเอง มีการจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครที่ดูแลช่วยเหลือผู้สูงวัยในตำบล เครือข่ายหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
- เป็นต้นแบบให้กับตำบลอื่น ๆ ตำบลนรสิงห์ได้รับรางวัลชุมชนที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุประจำปี 2566 หลายตำบลเริ่มนำแนวคิดนี้ไปขยายผล
โครงการวัดปลอดเหล้า
โมเดลแห่งอนาคตของการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์ไม่เพียงแต่เป็น “แหล่งเงินทุน” แต่ยังเป็น “หัวใจของชุมชน” ที่ช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ เป็นโมเดลที่แสดงให้เห็นว่าหากมีการบริหารจัดการที่ดี การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการเปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยมีบทบาทในสังคม ชุมชนเล็ก ๆ ก็สามารถพัฒนาตนเองให้กลายเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่สำหรับทุกวัย "เราไม่ได้สร้างแค่กองทุน แต่เรากำลังสร้างอนาคตของสังคมไทย"
ตำบลนรสิงห์แสดงให้เห็นว่า "พลังชุมชน" สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงได้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายของสังคมสูงวัย หลักการสำคัญที่ทำให้กองทุนแห่งนี้ประสบความสำเร็จประกอบด้วย 1.การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน 2.การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ 3.กิจกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง 4.ระบบเครือข่ายที่เข้มแข็ง สำหรับชุมชนอื่นที่สนใจนำแนวทางนี้ไปปรับใช้ ควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญคือ เริ่มจากปัญหาที่เป็นรูปธรรมและเร่งด่วน สร้างความไว้วางใจและความเข้าใจในชุมชน พัฒนากลไกการทำงานที่ยืดหยุ่น มีระบบติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
การแก้ไขปัญหาสังคมสูงวัยไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐ แต่เกิดจาก "พลังชุมชน" ที่ร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ด้วยการประสานงานทุกภาคส่วน ใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และออกแบบกิจกรรมที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว ประสบการณ์ของตำบลนรสิงห์ไม่เพียงแต่เป็นความหวัง แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่า เมื่อชุมชนร่วมมือกัน พวกเขาสามารถสร้างสังคมที่ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างแท้จริง
หากชุมชนอื่นๆ นำแนวทางนี้ไปปรับใช้ ก็สามารถสร้างสังคมที่ผู้สูงอายุ "มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ และไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง" ได้เช่นกัน
"สังคมที่แข็งแรงเริ่มต้นจากชุมชนที่ห่วงใยซึ่งกันและกัน" ปรัชญาของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์
นรสิงห์โมเดลการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แม่ค้าหมูสดแก้บนชุดใหญ่! หัวหมู 99 หัว-ไข่ 99 แผง หลัง 2 หมู่บ้านรอดน้ำท่วม
แม่ค้ารายใหญ่ตลาดแต้ อำเภอเมืองอ่างทอง นำหัวหมู–ไข่ไก่ พร้อมวงดนตรีเต็มวง มาถวายหลวงพ่อสิงห์ หลังบ้านและห้องเย็นมูลค่านับล้าน “รอดหวุดหวิด” จากน้ำเจ้าพระยา ก่อนเตรียมนำของแก้บนแจกชาวบ้านร่วมฉลองปลอดภัยไปด้วยกัน
อ่างทองส่ง 2 ทีมกู้ภัยลุยสตูล ผู้ว่าฯชื่นชม ‘น้ำใจเมืองเล็กหัวใจใหญ่’
จังหวัดอ่างทองปล่อยขบวนกู้ภัย 2 ทีม มุ่งหน้าช่วยน้ำท่วมสตูล ผู้ว่าฯ–ผู้นำท้องถิ่นร่วมให้กำลังใจและสนับสนุนภารกิจ เผยขณะนี้อ่างทองส่งทีมลงใต้แล้วร
มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อ่างทอง-อยุธยา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “พระพันปีหลวง”
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมทีมงานลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง และพื้นที่ ต.ปากกราน อ. พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ชง ครม. เยียวยาน้ำท่วมเพิ่ม จ่าย 4 ขั้นบันได 30-60-90-120 วัน
'ภราดร' ชง ครม. เยียวยาอุทกภัยเพิ่ม จ่าย 4 ขั้นบันได ตามเวลาน้ำท่วม 30-60-90-120 วัน เป็นรายเดือนนับตั้งแต่ประสบภัยวันแรก ใช้งบกลางให้สมน้ำสมเนื้อ
ชาวนาอ่างทองใจสลาย น้ำท่วมนาใกล้เก็บเกี่ยว สูญเงินลงทุน รายได้หายไปกับน้ำ
ชาวนาอ่างทองจำนวนมากกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ ข้าวใกล้เก็บเกี่ยวไม่ถึง 2 สัปดาห์ถูกน้ำท่วมทุ่ง สร้างความสูญเสีย
“ซีพีเอฟอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” ส่งความช่วยเหลือถึงคนอ่างทอง เติมกำลังใจฝ่าน้ำท่วม
สถานการณ์น้ำในหลายจังหวัดของประเทศไทยขณะนี้ยังคงต้องจับตา หลายพื้นที่โดยเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้รับผลกระทบจากฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้นและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและ


