“วราวุธ” ขึ้นเวที TEPCoT ปาฐกถาพิเศษ “สังคมไทยกับการค้ายุคใหม่” ย้ำ วิกฤตประชากร-ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ สังคมไทยต้องปรับตัว

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “สังคมไทยกับการค้ายุคใหม่” ให้กับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคธุรกิจเอกชนที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ ( Top Executive Program in Commerce and Trade - TEPCoT) รุ่นที่ 17 จัดโดยสถาบันวิทยาการการค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายวราวุธ กล่าวว่า “สังคมไทยกับการค้ายุคใหม่” ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยและคนไทยเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี , ปัญญาประดิษฐ์ (AI) , การค้าข้ามพรมแดน , การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตประชากร ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าปรับตัวได้เร็วเท่ากับรอด และเชื่อว่า “ต้นทุนมนุษย์” สำคัญที่สุด เพราะเรากำลังอยู่ในโลกที่ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย อาทิ นโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ที่ส่งผลให้เกิดการกีดกันทางการค้าและการลงทุน และมีการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ส่วนจะส่งผลกระทบต่อไทยหรือไม่ เป็นบวกหรือลบ คงต้องวิเคราะห์ในทุกมิติ ประกอบกับการวิเคราะห์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และหลายสถาบันวิจัย คาดการณ์ว่า ประมาณการ GDP ของโลกโดยรวม จะหดตัวลง รวมถึงไทย ซึ่งไทยอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางอุตสาหกรรมของไทย รวมถึงผลกระทบต่อภาคเกษตรและภาคบริการของไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี , ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเศรษฐกิจดิจิทัล ช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสังคม หากใช้ไม่ถูกต้องและควบคุมไม่ได้ ในขณะที่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งกระทบต่อทุกคนอย่างมาก รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทผู้ผลิตสินค้าและบริการ หรือแม้แต่ตลาดหุ้นที่หันมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งไทยมีความเสี่ยงลำดับที่ 30 ในด้านภัยแล้ง น้ำท่วม และดินโคลนถล่ม เป็นความเสี่ยงโดยตรงต่อภาคการผลิต บริการ (การท่องเที่ยว) และการส่งออก

ขณะนี้ไทยมีความท้าทายในเรื่องวิกฤตประชากร การค้าและการลงทุนจากนี้เป็นต้นไปจะเชื่อมโยงกับเรื่องนี้ เนื่องจากโครงสร้างแรงงานจะเปลี่ยนไป ทำให้การทำธุรกิจรูปแบบเดิมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากนั้น ไม่เหมาะสมอีกต่อไป ในขณะที่โครงสร้างตลาดและการบริโภคของประชาชนก็จะเปลี่ยนไปมากด้วย เนื่องจากประชากรสูงอายุจะมีมากขึ้นถึง 20% เป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) และจะกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) ภายใน 10 ปี โดยไทยมีอัตราเร่งกว่าหลายประเทศ เป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค และของโลก ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2583 ทุกๆ 1 ใน 3 ของคนไทย จะเป็นผู้สูงวัย และจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลง เหลือเพียงประมาณ 5 แสนรายต่อปี และน้อยกว่าจำนวนการตาย ทำให้เด็กและเยาวชนจะต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพให้มีคุณภาพ และมีความพร้อมในการปรับตัวที่มากพอต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย

ในขณะที่วัยแรงงานลดลงจะส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งเราสามารถใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาทดแทนได้ แต่ระบบการศึกษาและการฝึกอบรมจะสามารถรองรับได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งแรงงานเองต้องมีการลงทุนในเรื่องอัพสกิล และ รีสกิล ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ล้วนส่งผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ และที่สำคัญคือคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยในภาพรวม รวมถึงกลุ่มเปราะบาง อาทิ เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ และสตรีที่ถูกกระทำความรุนแรง

การที่ไทยสามารถรักษาบทบาทเป็นกลางได้ ทำให้กลุ่มประเทศที่มีขั้วเศรษฐกิจต่างกัน มีการพึ่งพาการค้าระหว่างกันลดลง จะหันมาพึ่งพาประเทศที่มีบทบาทเป็นกลาง โดยทุกวิกฤตมีโอกาส ไทยต้องใช้ของดีที่มีอยู่ในการสร้างภูมิคุ้มกันจากภายใน นั่นคือ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อการพัฒนาคนไทยทุกกลุ่มให้มีคุณภาพอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมรับมือกับความท้าทายด้านต่างๆ ซึ่งจะเป็นทางรอดของสังคมไทย

ในส่วนของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ ด้วยการขับเคลื่อนโยบายในการดูแลสังคมไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ นโยบายเร่งด่วนข้อที่ 5 ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก มุ่งเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ และนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 10 มุ่งส่งเสริมพัฒนาศักยภาพและการจัดสวัสดิการสังคม สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มเปราะบาง ในขณะที่ กระทรวง พม. ให้ความสำคัญกับคนไทยทุกกลุ่ม โดยได้ขับเคลื่อน นโยบาย “5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร” ด้วย 5 ยุทธศาสตร์ 25 มาตรการหลัก ได้แก่ เสริมพลังวัยทำงาน ,  เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน , สร้างพลังผู้สูงอายุ , เพิ่มโอกาสและเสริมสร้างคุณค่าคนพิการ และสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว

"ขอเน้นว่า เราอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ แต่ที่ผ่านมาสังคมไทยคุ้นเคยกับการแสวงหาผลประโยชน์และเยียวยา ซึ่งกลายเป็นการส่งเสริมให้คนทำแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างระบบแรงจูงใจที่ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเร่งปรับตัวกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยทุกฝ่ายต้องตระหนักร่วมกัน และทำด้วยกัน เพราะไม่มีใครที่ทำเหมือนเดิมแล้วจะอยู่รอดได้ เพราะการปรับตัวได้เท่ากับอยู่รอด" นายวราวุธ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หนูนา' เปิดใจร่ายยาว ทำไม 'ท็อป' ปล่อยมือ 'ชทพ.' ไปอยู่ ภท.

'หนูนา' เปิดใจ 'ท็อป' ลา ชทพ. เหตุต้องหาพื้นที่อยู่บนถนนการเมืองต่อไปได้ รับรุ่นลูกไม่เก่งเท่าพ่อบรรหาร เลือก ภท. เพราะยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เผยรักษาการหัวหน้าพรรค แต่ไม่มีกิจกรรมการเมือง

'วราวุธ' นำทีมสส.สุพรรณฯ ไหว้อนุสาวรีย์บรรหาร ก่อนย้ายไปซบ ภท.พรุ่งนี้

 “วราวุธ” พร้อม 5 อดีตสส.สุพรรณบุรี ไหว้ อนุสาวรีย์นายบรรหาร ก่อนไปสมัคร ภท.พรุ่งนี้  “ประภัตร” นำขอขมานายกฯคนที่ 21 บอก หยุดพรรคชั่วคราว ไปทำหน้าที่ผู้แทนในรัฐบาล แล้วจะกลับมา ด้าน “ท็อป” ขออภัย ลั่น ไม่ได้ทิ้งคนสุพรรณฯ แต่ไปอยู่ ภท. ท่องยุทธจักร สร้างความเข้มแข็ง รับที่ผ่านมาพรรคเล็กทำงานลำบาก 

"อัครา" นำทีม พม.ใกล้คุณ จับมือเครือข่าย จ.ตรัง เร่งฟื้นฟูกลุ่มเปราะบาง-ปชช. หลังน้ำลด ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิม

วันที่ 10 ธันวาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)

“อัครา” นำทีม เดินหน้า "พม.ใกล้คุณ" ช่วยกลุ่มเปราะบาง จ.ชลบุรี - เตรียมลงนาม MOU 4 กระทรวง 3 สมาคม อปท. พัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยทั่วไทย 29 ต.ค. นี้

วันที่ 24 ตุลาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)