
ร้านค้าชุมชนตำบลท่าเสา
หลายคนอาจคุ้นเคยกับน้ำตกไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี แต่รู้ไหมว่าลึกเข้าไปอีกนิดมีเรื่องราวที่น่าทึ่งยิ่งกว่ารอคุณอยู่ วันนี้เราไม่ได้จะพาไปเดินป่า แต่จะพาไปรู้จักกับ "ท่าเสาโมเดล" ชื่อนี้อาจจะดูเท่ๆ แต่เบื้องหลังคือพลังของ ร้านค้าชุมชน ที่ไม่ได้แค่ขายของนะ แต่มันคือการ พลิกชีวิต คนในตำบลให้มีกิน มีใช้ มีรายได้ มีความร่วมไม้ร่วมมือของคนในชุมชนไปพร้อมๆ กัน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันว่า "การรวมพลัง" มันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดไหน
หมู่บ้านนี้มีของ! แต่ก่อนมีหนี้...ตอนนี้มีฮีโร่
รู้ยัง? ตำบลท่าเสา ที่กาญจนบุรี เนี่ยะ ไม่ได้มีแค่แม่น้ำแควน้อย น้ำตกไทยโยค ทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ แต่ยังเป็นบ้านของคนหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย พม่า มอญ กะเหรี่ยง คือมีความหลากหลายแบบสุดๆ! ถึงจะมีของดีเยอะขนาดนี้ เมื่อก่อนชาวบ้านก็ต้องเจอศึกหนักเรื่องปากท้อง ทั้งราคาพืชผลตกต่ำ ตลาดเข้าถึงยาก แถมหนี้สินก็รุมเร้าจนท้อไปตามๆ กัน

ผลผลิตที่นำมาขายที่นี่ไม่เหมือนใครต้องแปะชื่อเจ้าของไว้ด้วยนะ
ในที่สุด เมื่อปี พ.ศ. 2544 ก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น! กลุ่มผู้นำชุมชนหัวใจอาสาได้รวมตัวกันก่อตั้ง “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์สาธิตการเกษตรร้านค้าชุมชนตำบลท่าเสา” ขึ้นมา จากร้านเล็กๆ ที่มีสมาชิกแค่ 65 คน หุ้นลงทุนกะจิ๊ดริด 80,000 บาท (หุ้นละ 100 บาทเองนะ!) แต่เชื่อป่ะ? วันนี้พวกเขามีสมาชิกกว่า 559 คน และมีหุ้นรวมเกือบ 5 ล้านบาท! แถมขยายกิจการแบบครบวงจร ทั้งผลิตและขายสินค้าเกษตร
ความสำเร็จของ “ท่าเสาโมเดล” คือการ ยกระดับคุณภาพชีวิต ของคนในชุมชน ลองนึกภาพดูสิว่า...จากเดิมที่ชาวบ้านต้องเผชิญกับราคาพืชผลที่ตกต่ำ เป็นหนี้สินรุงรัง ชีวิตความเป็นอยู่ก็ลำบาก แต่พอมี ร้านค้าชุมชน เกิดขึ้น ทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็น ต้นแบบของการบริหารจัดการที่ดี ทุกการดำเนินงานตรวจสอบได้ ทำให้คนในชุมชนเกิดความเชื่อใจและมั่นใจว่าเงินของพวกเขาจะถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

ผู้คนในแถบนั้นและผู้ผ่านไปมาเข้ามาซื้อของในร้านค้าชุมชน
ที่สำคัญคือ “ท่าเสาโมเดล” ได้สร้าง เครือข่ายเศรษฐกิจชุมชนที่แข็งแกร่ง ซึ่งเชื่อมโยงคนในชุมชนที่เป็นทั้ง ผู้ผลิต และ ผู้บริโภค เข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น แถมยังมี พันธมิตรอื่นๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และนักท่องเที่ยว เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนี้ด้วย มันไม่ใช่แค่การซื้อมาขายไปนะ แต่มันคือการสร้าง ระบบเศรษฐกิจชุมชนที่ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาชีวิต ของคนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง! ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนเป็นเจ้าของ และทุกคนได้รับประโยชน์ร่วมกัน นี่แหละคือพลังของการรวมตัวที่แท้จริง

ปลูกเองนำมาขายเอง กำหนดราคาเอง
เบื้องหลังความปัง: ทำกันยังไงให้ยั่งยืน?
อยากรู้ใช่ไหมว่า "ท่าเสาโมเดล" เขามีเคล็ดลับยังไงถึงได้ปังขนาดนี้? คำตอบง่ายๆ คือ "ปลูกเอง ขายเอง กินเอง" หัวใจหลักของร้านค้าชุมชนท่าเสาคือ "การสนับสนุนสมาชิก" เป็นอันดับแรก สินค้าในร้านต้องมาจากผลผลิตของสมาชิกก่อน ไม่ว่าจะเป็นผักปลอดสารพิษ สินค้าแปรรูป หรือแม้แต่งานฝีมือจากชุมชน วิธีนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ให้สมาชิก แต่ยังสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าชุมชนด้วย ปี พ.ศ. 2557 พวกเขาก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิด "ฟาร์มเอ้าท์เล็ท (Farm Outlet)" เป็นช่องทางใหม่ในการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกาญจนบุรี ที่นี่มีทั้งผักปลอดสารพิษ ผลไม้ตามฤดูกาล น้ำพริก และอาหารพร้อมทานสดๆ ใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมี "ศูนย์สาธิตการเกษตร" ให้สมาชิกมาเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ทั้งการปลูกพืชอินทรีย์ การใช้เทคโนโลยีเกษตร และการตลาดดิจิทัล คือใครอยากรู้เรื่องการเกษตรมาที่นี่ได้ครบ

มีระบบควบคุมการเงินที่ชัดเจน
เงินเข้าเงินออกชัดเจน พวกเขามีคณะกรรมการบริหาร 15 คน โดยมี พิพัฒน์ แก้วจิตคงทอง เป็นประธาน และแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ทั้งการเงิน การตลาด การตรวจสอบ และการจัดการทรัพยากร แถมยังมีการประชุมประจำเดือน รายงานความคืบหน้า และรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกตลอด ระบบการจัดการรายได้ของกลุ่มสามารถตรวจสอบได้ มีการปันผลให้สมาชิกผู้ถือหุ้นถึง 12-13% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารอีก! แถมยังตั้งกองทุนเพื่อสวัสดิการ และสมทบทุนเพื่อพัฒนาชุมชนอีกด้วย คือใครเป็นสมาชิกได้ประโยชน์เต็มๆ ตั้งแต่เกิดจนตายเลยหล่ะ

ที่นี่สินค้ามีหลากหลายจะอยากได้อะไรมีหมด
พลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ความสำเร็จของท่าเสาโมเดล ไม่ได้มาจากแค่คนในชุมชนนะ แต่มาจากการร่วมมือกันของหลายภาคส่วนเลย ไม่ว่าจะเป็น สมาชิกกลุ่ม คือหัวใจหลัก ทั้งเป็นผู้ผลิตสินค้าและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ หน่วยงานรัฐ อย่างสำนักงานการค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี ก็ให้ความรู้ งบประมาณ และเทคโนโลยีองค์กรพันธมิตร เช่น มูลนิธิเพื่อการพัฒนาและสถาบันการศึกษา ก็เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพด้านการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นักท่องเที่ยว ที่ผ่านไปผ่านมา คือแหล่งรายได้สำคัญที่เข้ามาอุดหนุนสินค้าในฟาร์มเอ้าท์เล็ท
การรวมตัวของทุกฝ่ายทำให้พวกเขาสามารถขยายการผลิตและการตลาด สร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งชุมชนและผู้บริโภคภายนอกได้ต่อเนื่อง แถมการเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวยังช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าและเปิดโอกาสสร้างรายได้ใหม่ๆ อีกเพียบ

พิพัฒน์ แก้วจิตคงทอง ประธานฯ เล่าให้ฟังว่า แนวคิดตั้งร้านค้าชุมชนก็คือ “การช่วยเหลือสมาชิก” ให้หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบ ลดต้นทุนการผลิต ลดการถูกเอาเปรียบเรื่องราคา เน้นการออมทรัพย์ ทำบัญชี และมีสวัสดิการให้ นี่แหละคือหัวใจของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
“เราเน้นสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายร้านค้าชุมชนในระดับตำบล ใช้รูปแบบเดียวกับร้านสะดวกซื้อ แต่ต่างกันตรงที่สินค้าในร้านต้องมาจากสมาชิกก่อนเป็นอันดับแรก ที่เหลือค่อยเป็นสินค้าทั่วไป และที่สำคัญ พนักงานในร้านก็ต้องเป็นลูกหลานของสมาชิกเท่านั้น เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน” พิพัฒน์ กล่าว

ผลผลิตจากชุมชนมีทั้งผักและผลไม้ ของสด อาหารแปรรูป
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด ทำให้เห็นรูปธรรมการดำเนินงานอย่างชัดเจน นั่นคือ เงินในกระเป๋าเพิ่ม สมาชิกมีรายได้จากการขายสินค้าและได้เงินปันผลประจำปี ทำให้หนี้สินลดลง มีเงินออมมากขึ้น สิ่งแวดล้อมดี๊ดี การทำเกษตรปลอดสารพิษช่วยรักษาสภาพดินและน้ำในพื้นที่ แถมยังส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน คุณภาพชีวิตปังขึ้น มีกองทุนสวัสดิการทั้งทุนการศึกษา ค่ารักษาพยาบาล และกองทุนฌาปนกิจ คือดูแลกันตั้งแต่เกิดจนแก่เลยเครือข่ายแข็งแรง ฟาร์มเอ้าท์เล็ททำให้ชุมชนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สร้างความร่วมมือกับนักท่องเที่ยว สามัคคีคือพลัง การรวมตัวของสมาชิกสร้างความสามัคคีและความไว้วางใจ พัฒนาทักษะการผลิตและการตลาดไปพร้อมกัน
บทเรียนสุดล้ำค่าจาก "ท่าเสาโมเดล"
"ท่าเสาโมเดล" คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ "เศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน" การรวมตัวของสมาชิก การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคีต่างๆ ทำให้พวกเขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ นี่แหละคือพลังของการรวมตัว ฟาร์มเอ้าท์เล็ท คือช่องทางการตลาดที่ปังมาก ศูนย์เรียนรู้ คือแหล่งพัฒนาความรู้ให้ชุมชน
การขยายเครือข่าย คือการเปิดโลกใบใหม่ให้สินค้าชุมชน

ร้านค้าท่าเสาฟาร์มเอ้าท์เล็ท
ความท้าทายยังมีแต่พลังชุมชนไม่สิ้นสุด
แน่นอนว่าทุกการเดินทางย่อมมีอุปสรรค “ท่าเสาโมเดล” เองก็ยังต้องเจอกับการแข่งขันจากตลาดใหญ่ และความจำเป็นในการพัฒนาความรู้ด้านการจัดการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความร่วมมือกับองค์กรภายนอก และการพัฒนาทักษะของสมาชิก นี่คือทางออกสำคัญ การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป การนำเทคโนโลยีมาช่วยทั้งผลิตและขายออนไลน์ การขยายตลาดสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการจัดการความหลากหลายของผู้ที่เกี่ยวข้อง...นี่แหละคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ท่าเสาโมเดลเติบโตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้สมาชิกได้ในระยะยาว “บทเรียนสำคัญที่สุดคือ การไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งเข้าไว้”

ศูนย์กระจายสินค้าจังหวัดกาญจนบุรีตำบลหนองตากยา
เคล็ดไม่ลับสำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องนี้
ทุนทางสังคม (Social Capital): ใช้ความสามัคคีและความเชื่อใจนี่แหละคือทุนที่สำคัญที่สุด
การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development): ใช้ทรัพยากรอย่างฉลาด ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเศรษฐศาสตร์ชุมชน (Community Economics): พึ่งพาตัวเอง สร้างเงินหมุนเวียนในบ้าน ไม่ต้องง้อคนนอก
การตลาดชุมชน (Community-based Marketing): ทำยังไงให้สินค้าชุมชนเข้าถึงคนหมู่มาก
นวัตกรรมชุมชน (Community Innovation): การเอาเทคโนโลยีมาใช้ขายของออนไลน์นี่แหละ คือการก้าวสู่ยุคใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต
นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน
“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”
รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง
คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’
'เมี่ยงปลาย่าง' หนึ่งเดียวในสงขลา ขายดีวันละ 350 ตัว มีให้เลือกปลาซาบะ-ปลาดุก
เมี่ยงปลาย่าง หนึ่งเดียวในเมืองสงขลา ที่ขายดีทุกวัน โดยใช้ปลาซาบะและปลาดุก ทำเป็นชุดเมี่ยงปลาย่าง ด้วยราคาย่อมเยา ลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่องทุกวัน
จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่
เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี
ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ
ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง


