ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน 'คลองแห่งชีวิต' ที่ไหลหล่อเลี้ยงหัวใจเมือง

ดินแดนแห่งสายน้ำ สวนผัก สวนผลไม้

กรุงเทพมหานคร...เมืองหลวงที่ดูเหมือนจะกลืนกินทุกอย่างให้กลายเป็นความทันสมัย แต่เชื่อไหมว่ายังมีมุมหนึ่งที่ยังคง "เป็น" ในแบบที่ควรจะเป็น นั่นคือ "ตลิ่งชัน" ดินแดนแห่งสายน้ำ สวนผัก สวนผลไม้ และวิถีชีวิตริมคลองที่ยังคงหายใจ ผู้คนกว่าแสนชีวิตใน 43 ชุมชน ยังคงใช้ชีวิตคู่กับลำคลอง มีเรือขายของ มีวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาซ่อนตัวอยู่ นี่ไม่ใช่แค่พื้นที่ แต่คือ "พิพิธภัณฑ์มีชีวิต" ที่เล่าเรื่องราวของอดีต และเป็นลมหายใจของปัจจุบัน

และหัวใจของลมหายใจนั้น คือ "ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน" ที่วันนี้ไม่ใช่แค่ตลาดนัดวันหยุด แต่เป็นแม่เหล็กดึงดูดทั้งคนกรุง นักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้มาสัมผัส "กรุงเทพฯ แบบดั้งเดิม" ล่องเรือ ชมวิถีชีวิต ดูศิลปะ ชิมอาหารอร่อย และจับจ่ายสินค้าชุมชน ที่นี่ถูกบริหารจัดการโดยคนในชุมชนเอง ภายใต้ร่มเงาของ "วิสาหกิจชุมชนตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน"

ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2556 เมื่อเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่เคยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ต้องปรับตัวจากชาวสวนมาเป็นผู้ค้าขาย พวกเขารวมตัวกัน ณ "วัดตลิ่งชัน" ด้วยความอนุเคราะห์จากเจ้าอาวาส (พระมหาธวัช โพธิเสรี) ผู้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ตลาดนี้จึงถือกำเนิดขึ้น ไม่ใช่เพื่อใครอื่น แต่เพื่อ "ช่วยเหลือพี่น้องและเครือข่ายชุมชนทั้ง 43 แห่งในเขตตลิ่งชัน" ตามหลัก "บวร" คือ บ้าน วัด โรงเรียน ที่หลอมรวมเป็นหนึ่ง

แน่นอนว่า ปัญหาน้ำเสีย ขยะ วัชพืช คือความท้าทายที่ต้องเจอ ไหนจะเรื่องเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ไม่พอรายจ่าย ปัญหาแรงงานต่างด้าว หรือแม้แต่โควิด-19 ที่ซัดเข้าใส่ จนคนตกงาน กิจการปิดตัว หนี้สินรุมเร้า นี่คือภาพสะท้อนของ "ชีวิตจริง" ที่ต้องเผชิญหน้า

แต่ท่ามกลางความท้าทายนั้น แกนนำชุมชนและกลุ่มองค์กรต่างๆ ก็ยังคงรวมพลังกันขับเคลื่อน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เพื่อยกระดับตลาดน้ำฯ ให้เป็นที่ยอมรับและมีระบบมากขึ้น พวกเขาจึงจดทะเบียนเป็น "วิสาหกิจชุมชนตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน" เมื่อปี 2563 มันคือ "การประกาศเจตจำนง" ว่าพวกเขาพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน

"ปัจเจก" กลายเป็น "พลัง"

แนวคิดในการตั้งวิสาหกิจชุมชนฯ เกิดขึ้นจากสายตาที่มองเห็นว่า ผู้ค้าขายในตลาดน้ำฯ ยังคงเป็น "ปัจเจก" ต่างคนต่างทำ ขาดการบูรณาการ และเมื่อเห็นว่าการเป็นวิสาหกิจชุมชนจะช่วยให้ได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น จึงเกิดการพูดคุยกัน พวกเขารู้จักกันดีอยู่แล้วจากการเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ เพียงแต่ครั้งนี้คือการก้าวไปอีกขั้นสู่การมี "กฎ ระเบียบ" ที่ชัดเจนร่วมกัน

ก่อนจะจดทะเบียน แกนนำต้องทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการทุกคนอย่างละเอียด ว่าการจดทะเบียนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องขององค์กร แต่คือ "แนวทางการขับเคลื่อน" ที่ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วม เพราะนี่คือเรื่องของ "ปากท้อง" ของทุกคน เมื่อเป็นองค์กรแล้ว การพูดคุยดูแลกันก็จะมี "พลัง" มากขึ้น

วัตถุประสงค์ของการตั้งวิสาหกิจชุมชนฯ นั้นครอบคลุมรอบด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมการออม การจัดหาทุน การรวมซื้อรวมขาย การร่วมมือกับภาคีต่างๆ การส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกและชุมชน ทั้งผู้สูงอายุ เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส ไปจนถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรม นี่คือ "วิสัยทัศน์" ที่กว้างไกลกว่าแค่การค้าขาย

ทัวร์กล้วยไม้ ไหว้พระ ชมตลาด

ปัจจุบัน วิสาหกิจชุมชนฯ มีสมาชิกกว่า 139 คน มีคณะกรรมการบริหาร 15 คน และแบ่งพื้นที่ตลาดออกเป็น 4 โซน โดยมีร้านค้าจาก 36 ชุมชนในเขตตลิ่งชัน และอีก 30% จากภายนอกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง นี่ไม่ใช่แค่การจัดสรรพื้นที่ แต่เป็นการ "เชื่อมโยง" ผู้คนเข้าหากันผ่านสภาองค์กรชุมชนฯ

ด้วยการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชันจึงเป็นมากกว่าแค่แหล่งช้อปปิ้ง แต่เป็น "ประสบการณ์" การท่องเที่ยวทางน้ำที่น่าจดจำ มีโปรแกรมให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ "3 ตลาด" ยอดฮิต ที่พาคุณล่องไปสัมผัสบรรยากาศตลาดน้ำที่แตกต่างกัน ไปจนถึง "ทัวร์กล้วยไม้ ไหว้พระ ชมตลาด" ที่ผสมผสานความสงบกับการเรียนรู้ หรือ "ทัวร์สวนงูธนบุรี" ที่ย้อนรอยประวัติศาสตร์การเดินทัพสมัยกรุงธนบุรี หรือแม้แต่ "ทัวร์ชั่วโมงเดียวเที่ยวรอบเกาะ" ที่ให้คุณสัมผัสวิถีชีวิตริมคลองแบบรวบรัด และ "ทัวร์ทำบุญไหว้พระ 400 ปี" สำหรับสายบุญ นี่คือการ "ออกแบบ" ประสบการณ์ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตริมน้ำอย่างแท้จริง

"คน" คือ "ทุน" ที่สำคัญที่สุด

ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ นพรัตน์ สอนวิทย์ และคณะกรรมการ เป็น "แกนนำ" ที่ขับเคลื่อนงานพัฒนาในพื้นที่มาอย่างยาวนาน พวกเขามาจากขบวนองค์กรชุมชนที่เข้มแข็ง ทั้งกลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มเศรษฐกิจและทุนชุมชน กองทุนสวัสดิการชุมชน สภาองค์กรชุมชนเขตตลิ่งชัน ทุกคนล้วนมีบทบาทและประสบการณ์ พวกเขามองเห็น "โอกาส" ในการยกระดับตลาดน้ำฯ ให้มีระบบมากขึ้น เมื่อหน่วยงานต่างๆ เข้ามาสนับสนุน นั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้รับทุนและขยายผลการพัฒนา ดังนั้น การ "แบ่งบทบาท" และ "พัฒนาคน" เพื่อรองรับโอกาสเหล่านั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญ

"ความหลากหลาย" รวมเป็น "หนึ่งเดียว"

นอกเหนือจากประธานฯ แล้ว กลุ่มยังแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน ทั้งรองประธาน เหรัญญิก ผู้รับผิดชอบสื่อประชาสัมพันธ์ ผู้รวบรวมข้อมูล และคณะทำงานอีก 13 ชีวิต พวกเขามีการประชุมวางแผนอย่างเป็นระบบ และที่น่าสนใจคือ "เครือข่ายการท่องเที่ยว" ที่เป็นทุนหนุนเสริมการพัฒนา ไม่น้อยกว่า 10 เครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น พอช., สภาองค์กรชุมชนเขตตลิ่งชัน, สำนักงานเขตตลิ่งชัน, สภาวัฒนธรรม, เครือข่ายกองทุนแม่แห่งแผ่นดิน, กองทุนสวัสดิการชุมชน, กองทุนเครดิตยูเนี่ยน, เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน, เครือข่ายชุมชนในพื้นที่ 43 ชุมชน, เครือข่ายกระทรวงการท่องเที่ยว, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และ มจร. ทุกเครือข่ายล้วนเข้ามาทำงานร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ อย่างใกล้ชิด นี่คือ "พลังของการร่วมมือ" ที่แท้จริง

กิจกรรมตักบาตรทางเรือ

การบริหารจัดการตลาดน้ำเองก็เป็นระบบ มีการแบ่งพื้นที่ 4 โซน และมีฝ่ายงานชัดเจน ทั้งฝ่ายสถานที่และแผงค้า ฝ่ายอำนวยความปลอดภัย/จราจร ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด และฝ่ายจัดเก็บรายได้ นี่คือการจัดการที่สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพภายใต้บริบทของชุมชน

"สภาองค์กรชุมชน" คือสะพานเชื่อม

วิสาหกิจชุมชนตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน ไม่ได้ยืนอยู่โดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของ "สภาองค์กรชุมชนเขตตลิ่งชัน" ซึ่งเป็นเวทีกลางในการเรียนรู้และแก้ไขปัญหาของชุมชน พวกเขาหยิบยกปัญหา "เศรษฐกิจปากท้อง" มาเป็นตัวตั้งต้นในการพัฒนาผ่านกิจกรรมตลาดน้ำนี้ โดยรวมกลุ่มองค์กรชุมชน กลุ่มเศรษฐกิจ เกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่และใกล้เคียง มาร่วมกันพัฒนาตลาด สร้างสื่อประชาสัมพันธ์ ค้นหาอัตลักษณ์ และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี เพื่อสร้างจุดขายและสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน

นวดแผนโบราณสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน

การดำเนินงานร่วมกับภาคีต่างๆ ก็เป็นไปอย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานเขตตลิ่งชันที่ช่วยประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมเปิดตลาด, กรมการค้าภายในที่ร่วมทำ "ตลาดประชารัฐต้องชม" เพื่อเพิ่มพื้นที่ค้าขาย, ธ.ก.ส. ที่สนับสนุนด้านสาธารณูปโภคและงบประมาณ, กรมส่งเสริมวัฒนธรรมที่สนับสนุนโครงการถนนสายวัฒนธรรม, สสส. ที่สนับสนุนการจัดการขยะและพัฒนาสุขภาวะ, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาและ มจร. ที่นำองค์ความรู้มาสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพ นี่คือภาพของการ "ทำงานร่วมกัน" ที่เกินกว่าแค่การเป็นหน่วยงาน แต่คือการเป็น "หุ้นส่วน" ที่แท้จริง

ทุนทางสังคมตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน

"ทุนทางสังคม" คือกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จ

"วิสาหกิจชุมชน" ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน ที่บริหารจัดการด้วยทุนของชุมชนเอง ผู้ประกอบการกว่า 80% คือคนในพื้นที่ที่นำสินค้าของตัวเองมาจำหน่าย ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จนี้คือ: เครือข่ายองค์กรชุมชน: การมีกลุ่มองค์กรชุมชนและเครือข่ายที่เข้มแข็งขับเคลื่อนงานอยู่แล้ว ถือเป็น "ทุนทางสังคม" ที่สำคัญ ที่ช่วยขยายผลการพัฒนาได้อย่างครอบคลุม กลุ่มผู้นำที่เข้มแข็ง: ผู้นำที่สามารถแบ่งบทบาทการทำงานตามความถนัด มีทัศนคติเชิงบวกต่อการมองเห็นโอกาส และพัฒนาศักยภาพตัวเองอยู่เสมอ นี่คือ "สมอง" และ "หัวใจ" ที่ขับเคลื่อน  สภาองค์กรชุมชนเขตตลิ่งชัน: การใช้ พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน 2551 เป็นเครื่องมือในการประสานเครือข่ายและหน่วยงานภาครัฐ ให้มาร่วมออกแบบและพัฒนา โดยใช้ตลาดน้ำฯ เป็น "พื้นที่กลาง" ในการพัฒนาร่วมกัน นี่คือ "กลไก" ที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน

ปัจจัยเหล่านี้สอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง "ทุนทางสังคม" (Social Capital) ที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้กล่าวไว้ คือ ความสัมพันธ์ที่ดี ความรู้ที่เกิดจากการเรียนรู้ การรวมกลุ่มเป็นองค์กร ความสุขจากความสงบ และเศรษฐกิจที่หมุนเวียนอยู่ในชุมชน ทั้งหมดนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนฯ จนเกิดผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ

ตลิ่งชันสายน้ำแห่งชีวิต

ก้าวต่อไปของ "สายน้ำแห่งชีวิต"

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ก็ยังคงมีสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไป นั่นคือ การพัฒนาผู้นำรุ่นถัดไป ตลาดน้ำฯ ที่โด่งดังย่อมดึงดูดหน่วยงานต่างๆ เข้ามามากขึ้น การพึ่งพาทักษะและความสามารถของประธานฯ เพียงคนเดียว อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้น การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่มีทักษะในการบริหารจัดการ ประสานงาน เจรจา และประชาสัมพันธ์ได้เช่นเดียวกัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต

นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน

“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”

รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง

คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’

จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่

เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี

ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ

ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง

หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"

คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน