ฮีโร่กลางทุ่งนา: หยุด PM2.5 ผลิตข้าวพรีเมียมกลางกรุง

ในวันที่คนเมืองเงยหน้ามองฟ้าแล้วเจอม่านหมอกฝุ่นแทนเมฆสีขาว มีชาวนาไทยกลุ่มหนึ่งในย่านหนองจอกกำลังลุกขึ้นมาทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ "หยุดการเผานา เพื่อช่วยกรองอากาศให้คนทั้งประเทศ"

โดยความร่วมมือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  (กษ.), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เริ่มต้นโครงการต้นแบบ “จุลินทรีย์หยุด PM2.5” ที่ใช้นวัตกรรมจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังข้าว ทดแทนการเผาในที่โล่ง พร้อมสร้างแบรนด์ข้าวสะอาดปลอดการเผา วางขายในราคาพรีเมียมใจกลางเมืองกรุง

หนองจอก..แบกอากาศกรุงเทพฯ

แปลงนาสาธิต 55 ไร่ ของ “นายมนตรี หวังสะเลบ” ในเขตหนองจอก กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ขณะนี้มีเกษตรกร 32 รายร่วมโครงการ ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 800 ไร่

แม้หนองจอกจะเป็นพื้นที่สีเขียว แต่กลับมีค่าฝุ่น PM2.5 สูงติดอันดับ เพราะรับฝุ่นข้ามเขตจากเมือง และรับผลจากการเผาในที่โล่ง ข้อมูลจาก GISTDA ระบุว่า จุดความร้อนลดลงอย่างชัดเจนเมื่อมีการใช้จุลินทรีย์ทดแทนการเผา โดยเฉพาะในช่วงเดือน ธ.ค.-มี.ค.ที่เป็นฤดูกาลเกิดฝุ่นรุนแรง

จากแปลงนา สู่นวัตกรรมสิ่งแวดล้อม

นายเทวรัตน์ บูรณ์สวัสดิ์พงษ์ ผอ.กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กษ. อธิบายว่า “จุลินทรีย์หยุด PM2.5” เป็นหัวเชื้อธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายตอซังข้าวได้ภายใน 7 วันแทนการเผา ช่วยคืนอินทรียวัตถุสู่ดิน และยังทำให้ผลผลิตสูงขึ้นในระยะยาว โดยใช้อัตรา 1.5 กิโลกรัมต่อไร่

แนวคิดนี้ไม่เพียงลดค่าฝุ่น แต่ยังช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรถึง 300 บาทต่อไร่ ขณะเดียวกันก็ช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศที่เป็นต้นเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ

เมื่อเกษตรกรคือฮีโร่

น.ส.สุพัฒนุช สอนดำริห์ จาก สสส. ระบุว่า การใช้จุลินทรีย์ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือกในการเพาะปลูก แต่คือพลังเปลี่ยนประเทศ หากเกษตรกรเพียงแค่ “ไม่เผา” ก็สามารถช่วยให้คนทั้งประเทศหายใจได้ดีขึ้น

เพื่อสร้างการรับรู้ สสส.ได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์จุลินทรีย์ใหม่ภายใต้แนวคิด “หยุด PM2.5” ใช้โทนสีเขียว-เหลือง พร้อมภาพเกษตรกรมีความสุข ชี้ให้เห็นว่าแนวทางนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน

แปลงนา คือห้องทดลองแห่งชีวิต

“เราทำนาแบบไม่เผามาเป็นสิบปี ใช้ปุ๋ยคอกแทนเคมี ผลผลิตก็ยังดี และเราก็สุขภาพดีขึ้นด้วย” นายประเสริฐ ภู่เงิน เกษตรกรรุ่นเก๋า เล่าให้ฟังอย่างภาคภูมิใจ เขาคือประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวโคกแฝด หนองจอก ที่มีแนวคิดชัดเจนว่า "เกษตรที่ดี ไม่จำเป็นต้องเผา"

การใช้จุลินทรีย์ยังช่วยให้ตอซังย่อยสลายได้ภายใน 3-7 วัน หากใช้หัวเชื้อสด เทคโนโลยีกำลังก้าวไปไกลถึงขั้นพัฒนาเป็น “แคปซูลโยนน้ำ” ช่วยให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้นอีกขั้น

อีกด้านหนึ่ง นายมนตรี หวังสะเลบ เจ้าของแปลงนาสาธิต เผยว่า ตนทดลองใช้จุลินทรีย์ในพื้นที่ 7 ไร่ พบว่าให้ผลดี จึงเตรียมขยายไป 50 ไร่ ฉีดปูพรมให้ครอบคลุมมากขึ้น เพราะผลที่ได้ไม่ใช่แค่ผลผลิต แต่รวมถึงสุขภาพตัวเองด้วย

จากข้าวธรรมดา สู่ข้าวพรีเมียมกลางกรุง

นายพรพรหม ณ ส.วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่ากทม.เปิดเผยว่า เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน กทม.จึงริเริ่มการทำ "Branding ข้าวปลอดเผา"ที่มาจากแปลงนาไม่เผาในเขตหนองจอกและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมจัดจำหน่ายที่สวนลุมพินีและสวนเบญจสิริในราคาพรีเมียม เป็นทั้งเครื่องมือส่งเสริมเกษตรกรและสร้างคุณค่าให้กับการเปลี่ยนแปลง พร้อมยกคำพูด รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงบทบาท "เราปลูกต้นไม้ 2 ล้านต้น หนองจอกปลูกถึง 4 แสนต้น เพราะที่นี่คือด่านหน้ากรองฝุ่นกรุงเทพฯ บทบาทของพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ที่ไม่ควรปล่อยให้ฝุ่นพิษเข้ายึดพื้นที่หายใจของคนเมือง"

นอกจากนี้ กทม.ยังส่งเสริมให้นำฟางข้าวที่ไม่ได้เผาไปทำเป็นเชื้อเพลิง ขายให้กรมปศุสัตว์ หรือนำไปสร้างสรรค์ใช้ในงานตกแต่ง เช่น ที่นั่งในคอนเสิร์ต เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนที่งดงาม

จุดเล็กๆ จากทุ่งนาหนองจอก กำลังกลายเป็นต้นแบบสำคัญของประเทศ ไม่ใช่แค่ในแง่เกษตรกรรมที่ยั่งยืน แต่ในฐานะผู้สร้าง “อากาศสะอาด” ที่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

การหยุดเผาในที่โล่งคือการหยุดฝุ่น PM2.5 ได้ตรงจุด

การใช้จุลินทรีย์คือการเชื่อมเกษตรเข้ากับนวัตกรรมและการทำแบรนด์ข้าวสะอาดคือการให้รางวัลแก่เกษตรกรที่เลือกเดินทางที่ยาก...แต่ถูกต้อง

หากคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง สามารถเลือกซื้อข้าวจากแปลงนาที่ไม่เผา ได้ที่สวนลุมพินีและสวนเบญจสิริ ข้าวที่หอมกรุ่นจากแรงใจ...ของชาวนา เพื่อทุกลมหายใจของคนไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สสส. ผนึกกำลัง 10 หน่วยงาน 100 ภาคี เตรียมจัดงานThailand National PM 2.5 Forum #2 เปลี่ยนระบบ เชื่อมข้อมูล ขับเคลื่อนอากาศสะอาด

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 2 (Thailand National PM2.5 Forum #2)

“เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ 1 ปีบัสนร.ไฟไหม้

กิจกรรม “เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อยกระดับมาตรฐาน “รถรับส่ง-คนขับ” สร้างการเรียนรู้ ป้องกันเหตุซ้ำรอย

“พลังรัก–ศรัทธา"ร่วมวางรากฐานใหม่ สู่ประเทศไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังของสังคมไทยมานานนับทศวรรษ และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความเสี่ยงรอบด้าน

“12.12 สายชอปปิ้งต้องระวัง” สสส.-ม.อ. เปิดเวทีสะท้อนปัญหา “ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย” ในไทย เผยผลตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไร้คุณภาพผ่านแพลตฟอร์ม “TaWai for Health”

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์