ปตท.สผ. เสริมความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ เข้าซื้อหุ้นของเชฟรอนเพื่อขยายการลงทุนในแปลง A-18 พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย

กรุงเทพฯ 0 25 กรกฎาคม 2568 - ปตท.สผ. เข้าถือสิทธิร้อยละ 50 ในแปลง A-18 ของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย และส่งเสริมการเติบโตของบริษัท

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าบริษัท พีทีทีอีพี จอยท์ ดีเวลลอปเมนท์ เอสจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ได้ลงนามสัญญาซื้อขาย (Sale and Purchase Agreement - SPA) เพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท Hess International Oil Corporation ที่มีบริษัทย่อยถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 50 ในแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย (Malaysia–Thailand Joint Development Area - MTJDA) ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าในบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย การซื้อขายดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 450 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ผู้ขายคือบริษัท Hess (Bahamas) Limited และ Hess Asia Holdings Inc. ที่มีเชฟรอนเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด จากการควบรวมกิจการระหว่าง Chevron และ Hess

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีผลสมบูรณ์แล้ว และจะสามารถเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติให้กับบริษัทได้ทันที รวมทั้งยังส่งผลให้ ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุนในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการลงทุนอยู่แล้วในแปลง B-17-01 ในสัดส่วนร้อยละ 50

ปัจจุบัน แปลง A-18 ผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในอัตราประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งเข้าประเทศไทยในอัตรา 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือประมาณร้อยละ 6 ของความต้องการใช้ก๊าซในประเทศไทย และส่งให้กับประเทศมาเลเซียในอัตรา 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน  

“ปตท.สผ. ยินดีที่สามารถขยายการดำเนินงานเพิ่มเติมใน MTJDA เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียม และมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ รวมถึงการเติบโตให้กับบริษัท นอกจากแหล่งก๊าซฯ ที่มีการผลิตในปัจจุบันแล้ว ยังมีการค้นพบแหล่งก๊าซฯ ใหม่อีกหลายแหล่งในแปลงดังกล่าว และอยู่ระหว่างรอการพัฒนาเพื่อนำพลังงานขึ้นมาใช้ประโยชน์ ซึ่งการถือสัดส่วนการลงทุนของทั้ง 2 แปลง จะส่งผลให้สามารถบริหารจัดการร่วมกันแบบบูรณาการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานของทั้งสองประเทศได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วยิ่งขึ้น” นายมนตรี กล่าว

ภายหลังเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ บริษัทผู้ดำเนินการมีแผนจะเจาะหลุมผลิตและติดตั้งแท่นหลุมผลิตเพิ่มเติม รวมถึงก่อสร้างท่อส่งก๊าซฯ และคอนเดนเสท เพื่อเร่งพัฒนาและผลิตก๊าซฯ จากแปลงดังกล่าวต่อไป

MTJDA ตั้งอยู่บริเวณตอนล่างของอ่าวไทย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 7,250 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งทรัพยากรก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทที่สำคัญของประเทศไทยและมาเลเซีย ปัจจุบันแปลง A-18 ประกอบด้วยแหล่งก๊าซฯ เช่น จักรวาล ภูมี สุริยา บุหลัน และบุหลันใต้ ซึ่งเริ่มการผลิตตั้งแต่ปี 2548 ส่วนแปลง B-17-01 ซึ่งบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 50 ประกอบด้วยแหล่งก๊าซฯ เช่น มูด้า ตาปี ตันจุง อมฤต เจ็งก้า เมลาติ และแอนดาลัส ซึ่งเริ่มการผลิตก๊าซฯ ตั้งแต่ปี 2553 ปัจจุบันสามารถผลิตก๊าซฯ ส่งเข้าประเทศไทยและมาเลเซียในอัตราประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปตท.สผ. ผนึก TTEลงทุนแปลงเอสเค408 ขยายฐานในมาเลเซีย

ปตท.สผ. เดินหน้าขยายการดำเนินงานในมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง จับมือพันธมิตร TotalEnergiesลงทุน ในแปลงเอสเค408 ขยายฐานการเติบโตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

‘พลังงาน’ สั่งเข้ม! ตรวจสอบส่งออกน้ำมัน สกัดลักลอบส่งน้ำมันไปกัมพูชา

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณการส่งออกน้ำมัน ทั้งทางบก-ทางเรือ พร้อมร่วมมือกองทัพเต็มที่ สกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา

‘พลังงาน’ ยันไม่มีส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชาตั้งแต่ก.ค. 2568

พลังงานลั่นยึดความมั่นคงของชาติเป็นหลัก ย้ำชัดไทยไม่ได้ส่งออกน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมแจงตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ผู้ค้าน้ำมันจะต้องรายงานข้อมูลปริมาณการส่งออกให้กรมธุรกิจพลังงานทราบ หากฝ่าฝืนไม่รายงานหรือรายงานข้อมูลเท็จจะมีโทษตามกฎหมาย

เชฟรอน จับมือ มูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ สนับสนุนงานวิ่ง “Saturday School Run 2025” ระดมพลังสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อเยาวชนไทย

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ที่ 2 จากซ้าย) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล “Saturday School Run 2025: วิ่งด้วยกัน เพื่อฝันน้อง”

‘อรรถพล’สั่งระดมกำลังเร่งฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ยันขนส่งน้ำมันไม่กระทบ

‘อรรถพล’ ยังคงติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพน้ำมันในปั๊มและการขนส่งน้ำมัน-ก๊าซหุงต้มอย่างใกล้ชิด เร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ส่งมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ฟื้นฟูระบบไฟฟ้าแก่อาคารและบ้านเรือนประชาชน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองรถยนต์และรถจักรยานยนต์