พอช. อัดฉีด 29.6 ล้าน 'กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก' สร้างอาชีพควบคู่การสร้างชุมชนเข้มแข็ง

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก

พอช. เดินหน้าพลิกโฉมการพัฒนาชุมชนด้วยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก อัดฉีดงบประมาณ 29.6 ล้านบาท สนับสนุน 270 องค์กรทั่วประเทศ หวังเสริมความเข้มแข็งให้ชาวบ้าน ชี้การพัฒนาชุมชนเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องเติมพลังเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. เปิดเผยถึงการขับเคลื่อน “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ” ที่มีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง โดยจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 29.6 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนองค์กรชุมชน 270 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะครอบคลุมประชาชนกว่า 13,500 คน

นายกฤษดาเน้นย้ำถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์สำคัญของโครงการนี้คือ 1.ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบท ให้มีรายได้มั่นคงควบคู่ไปกับการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง  2.สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายในครัวเรือนและชุมชน ผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชุมชนกำหนดเอง

กลุ่มเป้าหมายคือองค์กรชุมชนที่ขึ้นทะเบียนกับ พอช. เช่น สภาองค์กรชุมชน กองทุนสวัสดิการ หรือเครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยจะคัดเลือกพื้นที่ที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยแล้ว และพร้อมต่อยอดสู่การทำกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ

กลไกการสนับสนุน: อัดฉีดงบประมาณ 27 ล้านสู่ชุมชนโดยตรง

นายกฤษดากล่าวต่อไปอีกว่างบประมาณรวม 29.6 ล้านบาท จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่:

  • งบสนับสนุนตรงแก่ชุมชน: 27 ล้านบาท จะถูกจัดสรรให้แก่องค์กรชุมชน 270 แห่ง โดยพิจารณาตามจำนวนสมาชิก (เฉลี่ย 50,000-80,000 บาทต่อองค์กร) เพื่อให้เงินทุนเข้าถึงผู้เดือดร้อนอย่างรวดเร็ว
  • งบขับเคลื่อนโครงการ: 2.1 ล้านบาท สำหรับสนับสนุนการบริหารจัดการและการประสานงานในระดับพื้นที่และส่วนกลาง
  • งบติดตามประเมินผล: 500,000 บาท เพื่อใช้ในการติดตามและประเมินผลลัพธ์ของโครงการอย่างเป็นระบบ

พอช. ตั้งเป้าหมายว่าสมาชิกองค์กรชุมชนกว่าร้อยละ 80 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2,000 บาทต่อคนต่อเดือน และครัวเรือนสามารถลดรายจ่ายได้จากกิจกรรมที่ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง

เงื่อนไขและขั้นตอน: ‘ชุมชนเป็นเจ้าของการพัฒนา’

ในการเข้าร่วมโครงการ องค์กรชุมชนจะต้องจัดทำแผนพัฒนาอาชีพหรือเศรษฐกิจเพื่อเสนอขอรับการสนับสนุน จากนั้นกลไกของขบวนองค์กรชุมชนระดับจังหวัดจะทำหน้าที่กลั่นกรองก่อนส่งให้ พอช. พิจารณาอนุมัติ

นายกฤษดาทิ้งท้ายว่า “ประชาชนต้องเป็นเจ้าของการพัฒนาเอง” โดย พอช. จะทำหน้าที่เป็นเพียงหน่วยงานสนับสนุนและประสานงาน แต่ความยั่งยืนที่แท้จริงจะเกิดขึ้นจากพลังและความร่วมมือของคนในชุมชนเอง

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จึงเป็นเครื่องสะท้อนถึงแนวคิดการพัฒนาของ พอช. ที่มองว่าการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างต้องเริ่มต้นจากฐานราก ทั้งการมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และการมีแหล่งรายได้ที่ยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต

นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน

“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”

รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง

คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’

จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่

เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี

ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ

ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง

หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"

คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน