แถลงข่าวมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลก
คลองเตย 0 21 กันยายน 2568 ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย 11 องค์กร จัดแถลงข่าว World habitat 2025 มหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกปี 2568 Urban crisis response“การรับมือกับวิกฤตการณ์ในเมือง” “สิทธิที่อยู่อาศัย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีรายได้น้อยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” โดย ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย เป็นการรวมกลุ่มองค์กรของชาวชุมชน - หมู่บ้าน ที่ไม่มีความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน จำนวน 11 องค์กร ได้แก่ เครือข่ายสลัม 4 ภาค , เครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ , เครือข่ายริมรางเมืองย่าโม , ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม , เครือข่ายบ้านมั่นคงชุมชนริมรางรถไฟ , เครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตย , เครือข่ายภาคประชาสังคม , เครือข่ายพัฒนาที่ดินและที่อยู่อาศัย 5 ภาค , เครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลอง ขบวนสภาริมรางเมืองขอนแก่น,สมาพันธ์คนไร้บ้านไทย เพื่อให้คนจนได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ในการรณรงค์วันที่อยู่อาศัยโลกในปี 2568 นี้ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน ณ โรงเรียนสามัคคีสงเคราะห์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
World habitat 2025 มหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกปี 2568
ตามที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม ของทุกปี เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก (Word Habitat Day) เพื่อให้สังคมโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ แต่สถานการณ์ปัญหาที่อยู่อาศัยทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ยังมีประชากรจำนวนมาก ไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และเหมาะสมในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ในประเทศไทย มีจำนวนคนที่ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยราว 5 ล้านครัวเรือน อีกทั้งพบว่ามีประชากรที่อาศัยหลับนอนในที่สาธารณะ หรือศูนย์คนไร้ที่พึ่งต่างๆ (Homeless) กว่า 4,000 คน และยังมีครัวเรือนจำนวนมากต้องเสี่ยงต่อสถานการณ์การไล่รื้อ จากภัยคุกคามของโครงการพัฒนาของรัฐที่มองข้ามความเป็นอยู่ของคนในชุมชน และปัญหาที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่การไร้ที่อยู่อาศัยจากสาเหตุอื่น ๆ ที่เห็นอยู่ทั่วไปในสังคม ดังที่ทราบกันดีว่า ที่อยู่อาศัยที่ไม่มั่นคง มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนจน และคนชายขอบที่จะหลุดพ้นจากความยากจน และเข้าสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างมีศักดิ์ศรี
รวมพลังชุมชน11องค์กรในงานแถลงข่าวมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลก2568
ในปี 2568 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดหัวข้อรณรงค์ในวันที่อยู่อาศัยโลกไว้ว่า urban crisis response “การตอบสนองต่อวิกฤตในเมือง” มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาวิกฤติต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเมือง เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้ง การส่งเสริมเครื่องมือ และแนวทางการรับมือกับวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำถึงความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการสร้างสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีความยืดหยุ่น ทนทาน และฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้อยู่อาศัยทุกคน จะได้รับการพัฒนาที่เท่าเทียม และยั่งยืน ซึ่งเราตระหนักว่า เป็นเรื่องสำคัญ เป็นภัยใกล้ตัวที่ทุกคนเผชิญร่วมกัน โดยเฉพาะคนจนจะได้รับผลกระทบต่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด และยังไม่เห็นมาตรการ และนโยบายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลที่จะรับมือต่อวิกฤตนี้ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม ไม่มีความยั่งยืน ส่งผลให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่เผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุดเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะโครงการพัฒนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนสร้างผลกระบทต่อความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย ทำให้คนจนต้องถูกไล่รื้อ ถูกขับไล่ออกจากที่ดิน หรือแม้กระทั่งการจะเข้าถึงที่ดิน และที่อยู่อาศัย ก็เกินกำลังความสามารถที่คนจนจะเข้าถึงได้ เนื่องจากที่ดิน และที่อยู่อาศัย มีราคาสูง เพราะรัฐบาลปล่อยให้เป็นเรื่องกลไกตลาด และยังไม่มีรัฐบาลใดตระหนักถึงปัญหา และให้ความสำคัญ ที่จะกำหนดให้ที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นหลักประกันที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้ จึงเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ใน 6 ประเด็น ดังนี้
จำนงค์ หนูพันธ์
ประเด็นที่ 1 การกำหนดกติกาประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญ
1.รัฐบาลต้องจัดทำประชามติเพื่อให้เกิดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจากประชาชนโดยตรง
2.รัฐธรรมนูญจะต้องให้ความสำคัญต่อที่อยู่อาศัยโดยการบรรจุเนื้อหา “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ
บรรจบ อินทร์นาง
ประเด็นที่ 2 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในย่านคลองเตย
กระทรวงคมนาคมต้องมีนโยบายการแบ่งปันที่ดิน และแนวทางการจัดที่อยู่อาศัยสำหรับชาวชุมชนคลองเตย โดยให้มีการแบ่งปันที่ดินร้อยละ 20 ของที่ดินการท่าเรือแห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อ “บ้าน สวน คนเมือง แบ่งปัน เพื่อความยั่งยืน” พร้อมทั้งจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับผู้แทนเครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตยหลังจบการเจรจาหารือทันที
สมัย เสน่หานุกูล
ประเด็นที่ 3 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
1.รัฐบาลต้องสานต่อนโยบายการนำที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยมาแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
2.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าที่ดิน จำนวน 28 แปลง 1,381 ครัวเรือน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อให้ทันการใช้งบระมาณโครงการบ้านมั่นคงของ พอช. ในปีงบประมาณ 2569
3.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินให้กับชุมชนเป็นสถานะปัจจุบันตามที่ชุมชนได้ชำระค่าเช่ามาให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568
4.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการส่งมอบพื้นที่เช่า จำนวน 10 แปลง ที่ได้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินกับบริษัทลูกของ รฟท. (SRTA) ที่คงค้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568 และหาแนวทางแก้ไขปัญหาสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ให้กับชุมชน
5.ให้มีการสั่งการถึงกระทรวงคมนาคมต้องกำหนดวันหารือแนวการแก้ไขเนื้อหาสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์มติคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2543 ภายในเดือนตุลาคม 2568
6.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องนำเรื่องชุมชนพระราม 6 ที่ได้ข้อยุติร่วมกันแล้วเสนอให้คณะกรรมการ รฟท.พิจารณาอนุมัติ ภายในเดือนตุลาคม 2568
7.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการขออนุญาตพัฒนาพื้นที่ด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 วัน
8.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องอำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในการเชื่อมต่อกับพื้นที่ที่ชุมชนเช่าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆกับทางชุมชน หรือหน่วยงานที่ดำเนินการ
9.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องประสานเจ้าของที่ดินข้างเคียงเพื่อดำเนินการชี้แนวเขตพื้นที่เช่าให้ชัดเจน สำหรับการดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่ให้เกิดข้อพิพาทระหว่างกัน
10.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยในกรณีการเข้าพื้นที่เพื่อพัฒนาตามนโยบายโครงการบ้านมั่นคง หากพบปัญหาอุปสรรคที่ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาได้ การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการแก้ปัญหาอุปสรรคดังกล่าว และหลังจากมีการพัฒนาพื้นที่แล้วเกิดปัญหาอุปสรรคในการบริหารสัญญาเช่าที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องมาร่วมเป็นโจทก์ในการดำเนินการทางคดีด้วย
จิราภรณ์ เขียวพิมพา
ประเด็นที่ 4 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของประชาชนในที่ดินสาธารณประโยชน์
1.รัฐบาลต้องมีนโยบายการนำที่ดินสาธารณประโยชน์มาแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ให้กับประชาชน
2.กระทรวงมหาดไทยต้องมีมาตรการคุ้มครอง และชะลอการดำเนินคดีกับชุมชนที่อยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดิน
3.กระทรวงมหาดไทย ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เป็นปัจจุบันและสามารถนำมาจัดสรร เพื่อการทำกินและที่อยู่อาศัยได้ โดยประชาชนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว และให้มีข้อสั่งการไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดทุกจังหวัดสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ
4.กระทรวงมหาดไทย ต้องพิจารณาระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพที่ดินอันเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. 2568 เพื่อขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะที่หมดความจำเป็นแล้ว ให้สามารถนำมาจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินได้
5.กระทรวงมหาดไทย ต้องพิจารณาอนุมัติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการจัดทำทะเบียนบ้านชั่วคราวและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในชุมชนในที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา
6.กระทรวงมหาดไทย ต้องมีข้อสั่งการให้ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเสนอพื้นที่ ชุมชนบึงลำไผ่ เขตมีนบุรี เป็นพื้นที่นำร่อง ภายใน 30 วัน
7.เสนอให้ กระทรวงมหาดไทย มีการทบทวนสัดส่วน บทบาทหน้าที่ ขั้นตอนการขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ ของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช. จังหวัด)
8.กระทรวงมหาดไทย ต้องมีคำสั่งให้มีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ของชุมชนในที่ดินสาธารณประโยชน์ ระดับจังหวัดทุกจังหวัด ที่มีกลุ่มผู้เดือดร้อนที่ต้องการมีสิทธิในที่ดิน และที่อยู่อาศัย
ธนสร ทองฉ่ำ
ประเด็นที่ 5 การแก้ปัญหาการรวมกลุ่มเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ในรูปแบบสหกรณ์
1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องพิจารณาจัดตั้งรูปแบบประเภทสหกรณ์ ประเภทที่ 8 เคหสถานบ้านมั่นคง โดยแก้ไข เพิ่มเติมในพระราชบัญญัติสหกรณ์ ฉบับ พ.ศ. 2542
2.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องทบทวนกฎกระทรวง ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ คำแนะนำ ว่าด้วยการจัดตั้งสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง โดยต้องเกิดการพิจารณาร่วมกับเครือข่ายองค์กรชุมชน เพื่อให้สอดคล้องการบริหารสหกรณ์เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยลักษณะแปลงรวม
3.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องทบทวนและมีแนวทางแก้ไขเรื่องการยกเลิกสหกรณ์บ้านมั่นคง จำนวน 33 สหกรณ์ ให้ที่ดินและที่อยู่อาศัยบริหารโดยชุมชนดังเดิม
4.กรมส่งเสริมสหกรณ์ ต้องมีคำสั่งให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง
จรัสสี จันทรอ้าย
ประเด็นที่ 6 การขับเคลื่อนนโยบายโฉนดชุมชน
1.รัฐบาลต้องยืนยันแนวทางการแก้ปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัย ในรูปแบบโฉนดชุมชน ให้เป็นหนึ่งในรูปแบบการจัดการที่ดิน
2.ให้จัดทำระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. .... ฉบับที่ 3 / ฉบับปรับปรุงแก้ไข ในการนำเสนอมาตรการและแนวทางการยกระดับโฉนดชุมชน เพื่อให้การดำเนินการโฉนดชุมชนเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดิน ตามมาตรา 10(4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562
3.ให้กำหนดวันประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน ภายในเดือนตุลาคม เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนการขับเคลื่อนงานของสำนักงานประสานงานจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) และเริ่มดำเนินงานทันทีหลังการประชุม
ไพสิทธิ์ ภิรมย์
ประเด็นที่ 7 การแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านและผู้เช่าห้องราคาถูก
1.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ติดตามและมีมติลงนาม รับรองระเบียบและข้อหารือนโยบาย “โครงการห้องเช่าคนละครึ่ง” และ “โครงการการขยายสิทธิระบบครอบครัวอุปถัมภ์ให้ศูนย์พักพิงคนไร้บ้านเข้าเงื่อนไขการเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ได้”
2.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ติดตามและมีมติลงนามใน 2 กลไก
2.1 การแต่งตั้งกลไกคณะทำงานในระดับจังหวัด ที่มีองค์ประกอบหลัก 3 ฝ่าย คือ สมาชิกคนไร้บ้าน/ตัวแทนสมาพันธ์คนไร้บ้านในพื้นที่ ภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัด และ องค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ที่มีความเข้าใจและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง
2.2 คณะทำงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพชีวิตคนไร้บ้านในระดับชาติ เพื่อเป็นกลไกร่วมกันในการตัดสินใจทางนโยบายทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน
ทั้งนี้ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก นายกรัฐมนตรีจะต้องมาประกาศนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 7 ประเด็นข้างต้น ในขบวนรณรงค์ โดยเฉพาะประเด็นที่ 1 ที่รัฐบาลจะต้องประกาศความสำคัญของสิทธิที่อยู่อาศัย และบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไข รวมถึงให้สั่งการรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่เรียกร้องทั้ง 6 ประเด็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปตามข้อเรียกร้องดังกล่าวในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ด้วย และรัฐบาลต้องนำข้อสรุปการหารือทั้ง 7 ประเด็น เข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบในการประชุมครั้งถัดไปนี้ด้วย
ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย คาดหวังว่า รัฐบาลปัจจุบันที่มาจากการเลือกตั้งจะมุ่งเน้นเห็นความสำคัญต่อปัญหาที่อยู่อาศัย อย่างเอาจริงเอาจังให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
เวที “บ้าน+สวน คนเมือง แบ่งปันเพื่อความยั่งยืน”
รับมอบผังชุมชนคลองเตย
////////////////////////
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘นายกฯ’ ลงพื้นที่ชุมชนบ่อนไก่ แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย สั่งพม.เข้าช่วยเหลือ
นายกรัฐมนตรี ยังใช้เวลาช่วงวันหยุดเดินทางลงพื้นที่ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ เขตคลองเตย เป็นการส่วนตัว
ตำรวจ เปิดตลาดนัดแก้หนี้ ‘คลองเตย-วัฒนา-ปทุมวัน’ หวังลูกหนี้เจ้าหนี้ไกล่เกลี่ยกัน
กองบัญชาการตำรวจนครบาลเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดตลาดแก้หนี้นอกระบบ แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน นำร่องพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 มั่นใจประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืน
รร.-นร.-ผู้ปกครอง ร่วมจัดกิจกรรมไว้อาลัย 'ครูเจี๊ยบ'
คณะผู้บริหารโรงเรียนได้มีการจัดกิจกรรมร่วมไว้อาลัยกับการสูญเสีย นางสาวศิรดา สินประเสริฐ หรือ "ครูเจี๊ยบ" อายุ 45 ปี ครูสอนคอมพิวเตอร์
คนกรุงคลายร้อน! ฝนตกเล็กน้อย 11 เขต ‘บางนา’ สูงสุด 29.0 มม.
เมื่อเวลา 11.45 น. มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตพระโขนง คลองเตย ยานนาวา สาทร พญาไท วัฒนา ประเวศ บางกอกใหญ่ ดินแดง จตุจักร
ลงพื้นที่ครั้งแรก! 'เศรษฐา' ประเดิมลุยชุมชนคลองเตย ซัด 8 ปีทำประชาชนลำบาก
พรรคเพื่อไทย นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
'อนุทิน' อ้อนชาวคลองเตย จะพลิกฟื้นให้เป็นแดนสวรรค์ ลั่นผู้ว่าฯกทม.ก็ทำไม่ได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และ ส.ส. ช่วยนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตวัฒนา-คลองเตย ลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในชุมชนคลองเตย


