โลกของธุรกิจยุคใหม่ “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่เป็นตัวชี้วัดสำคัญของการอยู่รอดและการแข่งขัน องค์กรที่ยังไม่เข้าใจผลกระทบหรือวางแผนเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาจต้องตามหลังคู่แข่งที่ปรับตัวได้เร็วกว่า วันนี้ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint Organization: CFO) จึงกลายเป็นเครื่องมือที่องค์กรทุกขนาดไม่อาจมองข้าม หากต้องการขึ้นมาเป็นหัวแถวในโลกที่กำลังเร่งขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจสีเขียว
ในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) หนึ่งในเวทีที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการและภาคธุรกิจ คือเวิร์กชอป “How to Start Calculating Your Organization’s Carbon Footprint by KCLIMATE 1.5 รู้ก่อนพร้อมกว่า: คำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรเริ่มต้นอย่างไร” ผ่านความร่วมมือจาก KCLIMATE 1.5 ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลายจากทั้งภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ไปจนถึงผู้ประกอบการ SME ที่กำลังมองหาแนวทางปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
เริ่มต้นด้วยความเข้าใจ “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
“ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 278.03 ล้านตัน โดยภาคพลังงานปลดปล่อยสูงสุดคือ 66% ภาคเกษตร 18% และภาคอุตสาหกรรม 10% จากสถิติในปี 2565 โชคดีว่าประเทศไทยมีภาคป่าไม้ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ส่วนหนึ่ง” คุณผกามาศ รัศมีจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการ KCLIMATE 1.5 เริ่มต้นเวิร์กชอปด้วยการทำให้เห็นภาพใหญ่ระดับประเทศของปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะโลกร้อน ก่อนปูพื้นฐานสำคัญด้วยการอธิบายคำว่า “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” หมายถึงปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งวัดผลรวมเป็นหน่วยเดียวกันคือ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂e) เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกมีหลายชนิด เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) มีเทน (CH₄) และไนตรัสออกไซด์ (N₂O) ซึ่งแต่ละชนิดมีศักยภาพในการทำให้โลกร้อน (Global Warming Potential: GWP) ที่แตกต่างกัน ระบบการคำนวณจึงใช้ค่าสากล GWP เพื่อเปรียบเทียบและแปลงปริมาณก๊าซแต่ละชนิดให้อยู่ในรูปแบบที่เทียบเท่ากับคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้สามารถรวมและวิเคราะห์ภาพรวมได้อย่างเป็นระบบ
กระดุมเม็ดแรกขององค์กรยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
คุณผกามาศ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ KCLIMATE 1.5 เกิดขึ้นจากความต้องการสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในสภาพแวดล้อมใหม่ที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตภูมิอากาศ “เราเห็นว่า
หลายองค์กรอยากลดคาร์บอน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน จึงเกิดแนวคิดสร้างเครื่องมือและเวิร์กชอปนี้ขึ้นเพื่อเป็นกระดุมเม็ดแรกให้องค์กรติดให้ถูกก่อนจะเดินหน้าต่ออย่างมั่นใจ”
การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร หรือ Carbon Footprint Organization (CFO) มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็น “จุดตั้งต้น” ที่ช่วยให้องค์กรรู้ว่ากิจกรรมใดคือแหล่งปล่อยหลัก เพื่อสามารถวางแผนลดการปล่อยก๊าซได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดรับกับการรายงานผลด้าน ESG ที่จะมีผลบังคับใช้ตาม พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกฎหมายภายในประเทศ อาทิ การที่บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจก พร้อมให้องค์กรปรับตัวตามมาตรการกีดกันทางการค้า เช่น มาตรการ CORSIA สำหรับธุรกิจสายการบิน มาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในวันที่ 1 มกราคม 2569
โครงสร้างคำนวณคาร์บอนตามมาตรฐานสากล
คุณวิชิดา สังขนฤบดี Head of Business Development, KCLIMATE 1.5 อธิบายกระบวนการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างละเอียด โดยเน้นว่าการคำนวณต้องอิงตามแนวทางที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น GHG Protocol และมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ที่เริ่มจากการกำหนด 3 ขอบเขตของการปล่อย (Scopes) ได้แก่
- Scope 1: การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางตรง (Direct Emissions) จากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรโดยตรง เช่น การเผาไหม้ของเครื่องจักร การใช้พาหนะขององค์กร การใช้สารเคมีในการบำบัดน้ำเสีย การรั่วซึม-รั่วไหลจากกระบวนการผลิต เป็นต้น
- Scope 2: การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Energy Indirect Emissions) เช่น การซื้อพลังงานมาใช้ในองค์กร ทั้งพลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน พลังงานไอน้ำ
- Scope 3: การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางอ้อมด้านอื่นๆ เช่น การเดินทางของพนักงานด้วยพาหนะที่ไม่ใช่ขององค์กร การขนส่งสินค้า หรือการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในตลอดห่วงโซ่อุปทาน
จากนั้นจึงเก็บข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร (Activity Data) เช่น ปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ จำนวนลิตรของน้ำมันที่เติม ระยะทางที่พนักงานเดินทาง และแปลงข้อมูลเหล่านี้เป็นค่าคาร์บอนด้วยตัวคูณที่เรียกว่า Emission Factor สุดท้ายเมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนก็สามารถจัดทำเป็นรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร และใช้เป็นพื้นฐานในการวางแผนลดการปล่อยdซอเรือนกระจก หรือเพื่อขอการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
ไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญก็เริ่มต้นคำนวณได้
“การส่งเสริมให้องค์กรเริ่มคำนวณการปล่อยคาร์บอนของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ กระดุมเม็ดแรกจึงต้องเป็นเรื่องง่าย เพราะถ้าแค่เริ่มต้นก็ยุ่งยากแล้ว เราก็จะไม่อยากทำ” คุณวิชิดา กล่าว
ดังนั้น หนึ่งในไฮไลต์ของเวิร์กชอปคือการสาธิตการใช้เครื่องมือคำนวณของ KCLIMATE 1.5 ที่ออกแบบมาให้ผู้ประกอบการทุกระดับสามารถใช้งานได้จริง โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคมาก่อน เครื่องมือนี้ออกแบบมาให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ อบก. และสามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ พร้อมแนะนำแนวทางการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ผลอย่างเข้าใจง่าย
นอกจากนี้ ยังมีกรณีศึกษาจริงจากองค์กรที่เริ่มต้นคำนวณคาร์บอนแล้วพบว่าข้อมูลที่ได้ช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของทั้งฝ่ายบริหารและพนักงาน เช่น การเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การลดการเดินทาง การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน และการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนทั้งห่วงโซ่อุปทาน
องค์กรตื่นรู้ คาร์บอนไม่ใช่ต้นทุนแต่เป็นโอกาส
หลังจบเวิร์กชอป ผู้เข้าร่วมได้แสดงความเห็นผ่านแบบสอบถาม ซึ่งส่วนใหญ่ประเมินว่า “ข้อมูลมีประโยชน์มาก” และช่วยให้เห็นภาพการจัดการคาร์บอนอย่างชัดเจน หลายองค์กรสนใจจะเริ่มต้นประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และมองว่าเป็นโอกาสในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ
“เราอยากให้ทุกคนเห็นว่าคาร์บอนไม่ใช่ภาระ แต่มันคือข้อมูลที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น ถ้าเรารู้ตัวเลขของเรา เราก็จะสามารถลดได้อย่างแม่นยำ และในอนาคตจะรายงานได้อย่างโปร่งใส สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจในสายตาลูกค้าและนักลงทุนได้มากขึ้น” คุณผกามาศ กล่าวทิ้งท้าย
แม้เวิร์กชอปจะจบลงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่สิ่งที่ผู้เข้าร่วมได้รับคือเครื่องมือ ความรู้ และแรงบันดาลใจที่จะนำกลับไปปรับใช้ในองค์กรของตน เพราะในโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว Carbon Footprint Organization (CFO) จะเป็นแต้มต่อสำคัญที่กำหนดอนาคตธุรกิจ แค่เริ่มต้นให้ถูกทาง ทุกก้าวต่อไปก็จะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมเรียนรู้และรับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของการพัฒนาที่ยั่งยืนในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2025 (SX2025) ชั้น G ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2458 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)
ติดตามข่าวสารและกิจกรรม SX ได้ทาง FB : SUSTAINABILITY EXPO , www.sustainabilityexpo.com และแอดไลน์ @sxofficial เพื่อร่วมสนุกไปกับกิจกรรมการสะสมแต้ม ลุ้นรับรางวัลมากมาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มคริสตอลลา มอบคาร์บอนเครดิต 1,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ให้งาน SX2025
กลุ่มคริสตอลลา มอบคาร์บอนเครดิต 1,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ขับเคลื่อนมหกรรมด้านความยั่งยืนครั้งยิ่งใหญ่ สู่ CARBAR NEUTRAL EVENT
เสียชีวิตเฉียบพลัน ป้องกันได้ด้วยการหมั่นเช็คอาการหัวใจและคุณภาพการนอน
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมนักกีฬาฟุตบอลระดับโลก นักวิ่งมาราธอน นักไตรกีฬา หรือแม้แต่คนที่ออกกำลังกายในยิม ถึงเสียชีวิตเฉียบพลันคาสนามได้ทั้งที่อายุไม่ถึง 30 ปี
“กรกต อารมย์ดี” ยกระดับจักสานไทยสู่เวทีโลก คว้าแชมป์ Win Win War Season 7
จากลูกชาวประมง สู่แชมป์นักธุรกิจแบ่งปัน ผู้ปลุกภูมิปัญญาจักสานไทย สร้างรายได้ให้ช่างพื้นบ้าน 400 คนด้วยงานคราฟต์
From Climate Change to Disaster จากวิกฤตภูมิอากาศสู่หายนะซ้ำซ้อน เราจะปรับตัวทันหรือไม่?
ครั้งหนึ่งภัยพิบัติจากภาวะโลกร้อนถูกพูดถึงในฐานะ “ปัญหาในอนาคต” แต่ปัจจุบันความถี่และความรุนแรงของพายุที่ซัดถล่ม น้ำท่วมใหญ่ คลื่นความร้อนที่ยาวนาน
คณะเยาวชนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 เรียนรู้แนวคิด Rapartment Store พร้อมต่อยอดธุรกิจ ในพื้นที่ภูมิลำเนา ขับเคลื่อนเศษฐกิจที่บ้านเกิด จุดประกายพลังเยาวชนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
เมื่อวันจันทร์ 3 ตุลาคม 2568 คณะเยาวชน โครงการ “ สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 จากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 320 คน ได้แก่ จังหวัดปัตตานี นราธิวาส สตูล ยะลา และสงขลา
เมื่อชาวบ้านเป็นเจ้าของตลาด: บทพิสูจน์ CBT ไทยที่ไม่ต้องพึ่งงบรัฐ 4 โมเดลท่องเที่ยวชุมชนที่ยืนหยัดได้หลังโควิด
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงกิจกรรมพักผ่อนหรือการสร้างรายได้


