“วันนี้คงต้องตั้งคำถามกันก่อนว่าเราจะสู้กับธรรมชาติ หรือเราจะอยู่กับธรรมชาติ ผมยังไม่เคยเห็นใครหรือประเทศไหน เอาชนะธรรมชาติได้ สิ่งที่ทำได้คือเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง” คุณวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เริ่มเปิดพื้นที่พูดคุยเรื่อง Global Adaptation การ “ปรับตัว” ของมนุษย์ท่ามกลางวิกฤตภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงบนเวที SX Talk Stage ภายในงาน Sustainability Expo 2025 (SX 2025)
Adaptation สำคัญไม่แพ้ Mitigation
วันนี้เสียงเตือนจากธรรมชาติ ผลกระทบของ Climate Change กระตุ้นให้คนเราต้อง “ปรับตัว” อย่างเร่งด่วน แล้วทำไมหลายประเทศยังคงให้ความสำคัญกับ “Mitigation” หรือการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ลดมลพิษในอากาศ ซึ่งเป็นเพียง 50% ของคำว่า Climate Change คุณวราวุธตั้งคำถาม พร้อมยอมรับว่าสิ่งที่ประเทศไทยและโลกยังพูดถึงกันน้อย คือคำว่า “Adaptation” หรือการปรับตัว
ในภาพใหญ่ของการปรับตัว กลุ่มที่ต้องการการสนับสนุนมากที่สุดกลับเป็นกลุ่มที่พร้อมน้อยที่สุด นั่นคือ “กลุ่มเปราะบาง” อย่างผู้สูงอายุ เด็กเล็ก คนพิการ และผู้มีรายได้น้อย ซึ่งล้วนใช้ชีวิตอยู่ในโครงสร้างที่ไม่ได้ออกแบบมาให้รับมือกับวิกฤตโลกร้อน ฉะนั้น ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมฯ คุณวราวุธย้ำว่าภาครัฐไม่ควรแค่ยื่นมือไปช่วยโดยการแจกอย่างเดียว แต่ต้อง “ติดล้อให้เขา” ยื่นมือเข้าไปช่วยเขา ให้ความรู้ว่าปรับตัวเพื่ออะไร ทำไมต้องปรับตัว แล้วจากนี้ไปเขาจะต้องเจออะไรบ้าง เพื่อให้เขาสามารถอยู่รอดได้ด้วยศักยภาพของตนเอง
รากเหง้าของไทยทำให้เราปรับตัวเก่ง
ท่ามกลางความท้าทายใหม่ แนวทางหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือการหันกลับไปมองอดีต คุณวราวุธยกตัวอย่างว่า บ้านทรงไทยที่ยกพื้นสูง หลังคามุงจาก หรือการใช้ใบตองแทนถุงพลาสติก ล้วนสะท้อนถึงภูมิปัญญาไทยในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของล้าสมัย แต่เป็นองค์ความรู้ที่โลกยุคใหม่ควรเรียนรู้ ในวันที่โลกเปลี่ยนไป หลังคาสังกะสีดูดความร้อนจากอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น นวัตกรรมหลังคาที่ต่อยอดมาจากภูมิปัญญาดั้งเดิมอาจเป็นคำตอบ และในวันที่ฝนตกหนักจนทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น หลักคิดเรื่องบ้านยกพื้นสูงที่ยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศมากกว่าอาจเป็นทางออกและความอยู่รอดอย่างแท้จริง
นอกจากการปรับตัว “Resilience” หรือความสามารถในการฟื้นตัวและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง คืออีกหนึ่งคำสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม ประเทศไทยมีศักยภาพในด้านนี้อยู่แล้ว ทั้งจากความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นและองค์ความรู้ดั้งเดิม
ผมคิดว่าสิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถอยู่รอดได้ในอนาคต แน่นอนเราต้องมีองค์ความรู้ใหม่ แต่ขณะเดียวกันเราต้องไม่ลืมองค์ความรู้ของคนรุ่นก่อนที่สั่งสมมา ผมย้ำเสมอว่าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าโดยใช้เจนใดเจนหนึ่งไม่ได้ เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้เราได้อานิสงส์จากรุ่น Silent รุ่น Baby Boomer รุ่น Gen X แต่ถ้าไม่มี Gen Y, Gen Z, Gen Alpha ประเทศไทยก็ไปข้างหน้าไม่ได้ ฉะนั้น จะต้องเดินไปด้วยกันทุกกลุ่ม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง คุณวราวุธ กล่าว
“คนไทยโชคดีที่เกิดภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เรามีพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง วันนี้โลกพูดถึง SDG แต่ในหลวงของเรามีแนวทาง SEP มาก่อนหลายสิบปี สะท้อนให้เห็นถึงองค์ความรู้ของคนไทยที่เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ เพียงแต่หลายคนอาจจะมองข้ามไปเห็นเทคโนโลยีใหม่ เห็นต่างประเทศทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็อยากจะทำแบบเขา โดยลืมไปว่าองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยเราคือเอกลักษณ์ คือความเข้มแข็งของคนไทย” คุณวราวุธ ย้ำ
Climate Clock ย้ำโลกเปลี่ยนไว…ไม่อาจย้อนกลับ
เหตุผลที่เราต้องเร่งปรับตัว เพราะ “นาฬิกาของโลก” กำลังนับถอยหลัง จากนี้ไปโลกใบนี้จะไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป หากใครได้เข้าไปดูเว็บไซต์ Climate Clock จะเห็นได้ชัดว่าเราเหลือเวลาเพียงประมาณ 3 ปี กับอีก 290 วัน ก่อนจะถึงจุดที่เรียกว่า Point of no Return หรือจุดที่ธรรมชาติไม่สามารถเยียวยาตัวเองได้อีกแล้ว พื้นที่สีเขียวที่เคยมีจะไม่สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้เพียงพออีกต่อไป สิ่งนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขเคาต์ดาวน์ แต่เป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ และกำลังบอกว่าเราต้องเร่งเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น ปรับตัวให้เร็วขึ้นและทันเวลา
คุณวราวุธ ทิ้งท้ายด้วยการกล่าวชื่นชมงาน Sustainability Expo 2025 (SX 2025) ซึ่งจัดโดยกลุ่มไทยเบฟฯ และภาคีเครือข่าย พร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันสร้างสรรค์เวทีแห่งการเรียนรู้ร่วมกันของสังคม เปิดโอกาสให้ภาครัฐ ภาคเอกชน เยาวชน และชุมชนท้องถิ่นได้มาอัปเดตแนวคิด แบ่งปันนวัตกรรม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
เพราะความอยู่รอดของโลก อนาคตของลูกหลาน อยู่ในมือของเราทุกคน การเข้าใจ การปรับตัว และการเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้คือกุญแจสู่ความยั่งยืน...ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้น - Never too late to begin.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มคริสตอลลา มอบคาร์บอนเครดิต 1,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ให้งาน SX2025
กลุ่มคริสตอลลา มอบคาร์บอนเครดิต 1,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ขับเคลื่อนมหกรรมด้านความยั่งยืนครั้งยิ่งใหญ่ สู่ CARBAR NEUTRAL EVENT
เสียชีวิตเฉียบพลัน ป้องกันได้ด้วยการหมั่นเช็คอาการหัวใจและคุณภาพการนอน
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมนักกีฬาฟุตบอลระดับโลก นักวิ่งมาราธอน นักไตรกีฬา หรือแม้แต่คนที่ออกกำลังกายในยิม ถึงเสียชีวิตเฉียบพลันคาสนามได้ทั้งที่อายุไม่ถึง 30 ปี
“กรกต อารมย์ดี” ยกระดับจักสานไทยสู่เวทีโลก คว้าแชมป์ Win Win War Season 7
จากลูกชาวประมง สู่แชมป์นักธุรกิจแบ่งปัน ผู้ปลุกภูมิปัญญาจักสานไทย สร้างรายได้ให้ช่างพื้นบ้าน 400 คนด้วยงานคราฟต์
From Climate Change to Disaster จากวิกฤตภูมิอากาศสู่หายนะซ้ำซ้อน เราจะปรับตัวทันหรือไม่?
ครั้งหนึ่งภัยพิบัติจากภาวะโลกร้อนถูกพูดถึงในฐานะ “ปัญหาในอนาคต” แต่ปัจจุบันความถี่และความรุนแรงของพายุที่ซัดถล่ม น้ำท่วมใหญ่ คลื่นความร้อนที่ยาวนาน
คณะเยาวชนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 เรียนรู้แนวคิด Rapartment Store พร้อมต่อยอดธุรกิจ ในพื้นที่ภูมิลำเนา ขับเคลื่อนเศษฐกิจที่บ้านเกิด จุดประกายพลังเยาวชนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
เมื่อวันจันทร์ 3 ตุลาคม 2568 คณะเยาวชน โครงการ “ สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 จากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 320 คน ได้แก่ จังหวัดปัตตานี นราธิวาส สตูล ยะลา และสงขลา
เมื่อชาวบ้านเป็นเจ้าของตลาด: บทพิสูจน์ CBT ไทยที่ไม่ต้องพึ่งงบรัฐ 4 โมเดลท่องเที่ยวชุมชนที่ยืนหยัดได้หลังโควิด
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงกิจกรรมพักผ่อนหรือการสร้างรายได้


