สินเชื่อส่วนบุคคล เงินกู้ที่เป็นตัวช่วยวางแผนการเงินยามจำเป็น

สินเชื่อส่วนบุคคล

คนส่วนใหญ่ย่อมมีช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงินก้อน การเรียนรู้วิธีหาตัวช่วยทางการเงินที่เชื่อถือได้และถูกกฎหมายจึงเป็นสำคัญ ตัวช่วยอย่างสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว

หากกำลังมองหาช่องทางกู้เงินด่วนหรือแหล่งสินเชื่อที่อยู่ในระบบและโปร่งใส บทความนี้พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนทางการเงินภายหลัง

สินเชื่อส่วนบุคคล คืออะไร

สินเชื่อ

สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) คือเงินกู้ถูกกฎหมายที่สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอให้กับบุคคลทั่วไป โดยผู้กู้สามารถนำไปใช้จ่ายตามความจำเป็นได้โดยอิสระ ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน

เมื่อกู้สินเชื่อส่วนบุคคลผ่าน ผู้กู้สินเชื่อจะต้องผ่อนชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นงวดรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนด อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคล โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 15% ไม่เกิน 25% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย วงเงินจะคิดตามเงินเดือนของผู้กู้

สินเชื่อส่วนบุคคล มีกี่แบบ อะไรบ้าง

สินเชื่อส่วนบุคคลสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ ได้ตามลักษณะการให้วงเงินและการชำระคืน ดังนี้

  1. บัตรกดเงินสด: บัตรกดเงินสดช่วยให้ผู้กู้สามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ได้ตามวงเงินที่อนุมัติ นับเป็นสินเชื่อแบบหมุนเวียน เมื่อชำระคืนคืนจะสามารถกดเงินสดได้ตามวงเงินเดิมโดยไม่ต้องขออนุมัติเพิ่ม
  2. สินเชื่อรีไฟแนนซ์: การรีไฟแนนซ์คือการกู้เงินกับธนาคารอื่นเพื่อไปปิดหนี้เดิมในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือใช้ในการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว โดยทั่วไปแล้วมักนิยมทำรีไฟแนนซ์บ้าน
  3. สินเชื่อเงินสด: หากอยากได้เงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว สินเชื่อเงินสดหรือสินเชื่อส่วนบุคคลอเนกประสงค์คือสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุด ผู้กู้สามารถนำเงินนี้ไปใช้ได้ตามความจำเป็น
  4. สินเชื่อเพื่อการศึกษา: เป็นสินเชื่อที่มีขึ้นเพื่อใช้สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น จ่ายค่าเทอม สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทนี้มักมีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ

สินเชื่อส่วนบุคคลแตกต่างจากบัตรกดเงินสดอย่างไร?

บัตรกดเงินสดเป็นประเภทหนึ่งของสินเชื่อส่วนบุคคล ในหัวข้อนี้จึงเป็นการเปรียบเทียบระหว่างสินเชื่อเงินสดหรือสินเชื่อส่วนบุคคลอเนกประสงค์และบัตรกดเงินสด สินเชื่อทั้งสองประเภทไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันและสามารถใช้เป็นเงินด่วนยามฉุกเฉินได้ แต่มีข้อแตกต่างดังนี้

  • ลักษณะการรับเงิน
    • สินเชื่ออเนกประสงค์: ผู้กู้จะได้รับเงินก้อนเต็มจำนวนตามที่ได้รับการอนุมัติ โอนเข้าบัญชีในครั้งเดียว
    • บัตรกดเงินสด: ผู้กู้สามารถเบิกถอนเงินสดได้ตามความต้องการไม่จำกัดจำนวนครั้งภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติ และเมื่อชำระเงินครบจะสามารถใช้วงเงินเดิมต่อไปได้
  • รูปแบบการชำระคืน
    • สินเชื่ออเนกประสงค์: มีการกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระที่ชัดเจนและแน่นอน เช่น 12 เดือน 36 เดือน หรือ 60 เดือน ตามเงื่อนไขของแต่ละสินเชื่ ยอดผ่อนชำระรายเดือนจะรวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ทำให้เห็นกำหนดการปลดภาระหนี้ชัดเจน
    • บัตรกดเงินสด: สามารถชำระเพียงยอดขั้นต่ำต่อเดือนได้ ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญา หากขาดวินัย ยอดหนี้อาจคงค้างสะสมได้
  • วิธีการคำนวณดอกเบี้ย
    • สินเชื่ออเนกประสงค์: ดอกเบี้ยจะถูกคิดแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ตามยอดหนี้ที่เหลืออยู่ อัตราดอกเบี้ยตามที่สถาบันการเงินกำหนด มักไม่เกิน 25% ต่อปี
    • บัตรกดเงินสด: คิดดอกเบี้ยตามยอดเงินที่เบิกถอนมาใช้ในแต่ละวัน และอัตราดอกเบี้ยโดยทั่วไปมักคิดสูงสุดที่ 25% ต่อปี 
  • ความเหมาะสมในการใช้งาน
    • สินเชื่ออเนกประสงค์: เหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในคราวเดียวและมีแผนการชำระคืนที่แน่นอน เช่น ค่ารักษา หรือค่าซ่อมแซมบ้านฉุกเฉิน
    • บัตรกดเงินสด: เหมาะสำหรับใช้เป็นเงินด่วนสำรองหรือเงินกู้ด่วนสำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่ยอดไม่สูงมากและสามารถชำระคืนได้ในระยะสั้น ๆ
  • วงเงิน
    • สินเชื่ออเนกประสงค์: มักให้วงเงินสูงกว่าบัตรกดเงินสด แต่หากต้องการเงินเพิ่มจะต้องทำเรื่องกู้ใหม่อีกครั้ง
    • บัตรกดเงินสด: เมื่อได้รับการอนุมัติวงเงินแล้วจะสามารถใช้เงินภายในวงเงินนั้นเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่มีการชำระคืน

ไม่ว่าจะเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรกดเงินสด สิ่งสำคัญที่สุดคือการกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว ไม่ใช้จ่ายเกินตัว

แนะนำ 5 สินเชื่อส่วนบุคคลเหมาะกับพนักงานประจำ

สินเชื่อถูกกฎหมาย

สำหรับผู้ที่ต้องการเงินกู้ ควรพิจารณาสินเชื่อส่วนบุคคลจากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ อย่ามองเพียงแค่ความยากง่ายของการอนุมัติสินเชื่อแต่พิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น อัตราดอกเบี้ย วงเงิน และระยะเวลาผ่อนชำระ เป็นต้น

1. สินเชื่อส่วนบุคคล Promise

Promise (พรอมิส) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจ ดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานของ ธปท.

สินเชื่อ Promise วงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท* ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึง 428 เดือน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกันและสามารถกู้เพิ่มโอนไวใน 3 วินาที* แม้ยังไม่ปิดบัญชี สามารถสมัครได้ที่สาขาหรือขอสินเชื่อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน สมัครได้สะดวกและเข้าถึงง่าย อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 15% สูงสุด 25% ต่อปี

เอกสารที่ใช้มีเพียงบัตรประชาชนและสลิปเงินเดือน เหมาะสำหรับพนักงานประจำที่มีเงินเดือนคงที่

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว 

ดอกเบี้ย 15% - 25% ต่อปี

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ศึกษาเพิ่มเติม promise.co.th

*3 วินาที หลังจากยืนยัน OTP และไม่มีเหตุขัดข้อง

2. สินเชื่อส่วนบุคคล ttb Cash 2 Go 

สินเชื่อส่วนบุคคลของ ttb เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการกู้เงินธนาคาร วงเงินสูงสุดถึง 2 ล้านบาท และมีระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 6 ปี อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 17% - 25% ต่อปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินกู้ก้อนใหญ่และมีแผนผ่อนชำระที่ยาวนาน

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

3. สินเชื่อส่วนบุคคล บัวหลวงสุขใจ

สินเชื่อบัวหลวงสุขใจจากธนาคารกรุงเทพ วงเงิน 15,000 ถึง 1 ล้านบาท มีการผ่อนแบบลดต้นลดดอกสูงสุด 60 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 14% - 23% ต่อปี โดยอัตรา 14% เป็นเงื่อนไขพิเศษสำหรับพนักงานบริษัท MOU ร่วมกับธนาคารกรุงเทพเท่านั้น

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

4. สินเชื่อส่วนบุคคล Happy Cash

สินเชื่อส่วนบุคคล Happy Cash จาก LH Bank วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 60 เดือน มีจุดเด่นที่อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 8.88% สูงสุด 25% ต่อปี ขึ้นอยู่กับรายได้ต่อเดือนและเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

5. สินเชื่อส่วนบุคคล Krungsri iFIN

สินเชื่อส่วนบุคคล Krungsri iFIN สามารถสมัครได้ผ่านแอปพลิเคชัน มีวงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท ไม่ต้องมีการค้ำประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 60 เดือน อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 21% - 25% ต่อปี

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

สินเชื่อส่วนบุคคล เครื่องมือทางการเงินที่ควรใช้อย่างระมัดระวัง

แม้ปัจจุบันจะมีสินเชื่อส่วนบุคคลให้เลือกมากมายและสมัครได้ง่ายขึ้น แต่ก่อนกู้เงินควรพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้จ่าย ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย หากต้องการกู้เงินออนไลน์ ควรตรวจสอบว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นเป็นสินเชื่อถูกกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการกู้เงินจากแหล่งที่ผิดกฎหมาย

การใช้สินเชื่อส่วนบุคคลอย่างมีเหตุผลและรับผิดชอบจะช่วยให้สามารถก้าวผ่านสถานการณ์ทางการเงินที่คับขันไปได้ โดยไม่สร้างภาระหนี้สินที่ไม่จำเป็นในระยะยาว ควรจำไว้เสมอว่ากู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ตั้งวงถกเอกชน เปิดโหมดล้างเมืองสู่ปกติ ยืดเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย 1 ปี

‘นายกฯอนุทิน’ตั้งวงถกเอกชน วางแผนเร่งฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ ต่อรอง ‘เอกนิติ’ ปรับเงินกู้ 1 แสนปลอดดอกเบี้ย จาก 6 เดือนเป็น 1 ปี