ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการครั้งแรก  

25 เมษายน 2568 - เวลา 06.47 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ (State Visit) ระหว่างวันที่ 25 - 28 เมษายน 2568 ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ จะเป็นการกระชับมิตรภาพและความร่วมมืออันใกล้ชิด ระหว่างราชอาณาจักรทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จากการมีมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกันในความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาและสายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ทั้งสองรวมทั้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน เฝ้ารับเสด็จ และถวายผ้าแพรคล้องพระหัตถ์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ตามธรรมเนียมท้องถิ่นในการรับเสด็จ ผ้าแพรสีขาวทำจากผ้าไหม เรียกว่า คาดาร์ (Khadar) ในภาษาซงข่า ใช้มอบให้แขกสำคัญในพิธีกรรมทางศาสนา และแขกสำคัญผู้มาเยือน ผ้าแพรสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาดีจากผู้ให้ไปยังผู้รับ

จากนั้น ทรงพระดำเนินผ่านแถวกองทหารเกียรติยศ แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังโรงแรมเพมาโกะ ทิมพู (Hotel Pemako Thimphu) ซึ่งเป็นโรงแรมที่ประทับ ซึ่งตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านมีนักเรียนและประชาชนชาวภูฏานเป็นจำนวนมาก มาเฝ้าฯ รับเสด็จ รวมทั้งมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรมของภูฏานถวายให้ทอดพระเนตร เป็นการถวายพระเกียรติและถวายการต้อนรับตามธรรมเนียมท้องถิ่นของภูฏาน

จากนั้น ในตอนบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ จากโรงแรมที่ประทับเพมาโกะ ทิมพู (Hotel Pemako Thimphu) ไปยังป้อมทาชิโช กรุงทิมพู ณ ที่นั้น สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ทรงจัดพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน เสด็จขึ้นแทนรับการถวายความเคารพ กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงชาติราชอาณาจักรภูฏาน เสร็จแล้ว ทรงพระดำเนินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ

ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังลานเทนเดรลทัง เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ทอดพระเนตรวีดิทัศน์ความเป็นมาของโครงการฝึกอบรมเกียลซุงและโครงการ จิตอาสาเดซุง การแสดงขบวนพาเหรดโดยสมาชิกโครงการ ฯ จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงทางวัฒนธรรม และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลโดยคณะบรรพชิตภูฏาน สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับโรงแรมเพมาโกะ ทิมพู ซึ่งเป็นโรงแรมที่ประทับ

ในตอนค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินจากโรงแรมที่ประทับเพมาโกะ ทิมพู ไปยังพระราชวังเดเชนโชลิง (Dechencholing Palace) กรุงทิมพู ในงานถวายพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการ (State Banquet) ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏานจัดถวาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

ในหลวง พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ รัชกาลที่ 9

ในหลวง พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

พระราชินี ทรงทำหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์ นำทีมเรือใบวายุ เข้าเส้นชัยอันดับ 1 ของเรซที่ 2 ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า

สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมการแข่งขันเรือใบนานาชาติ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 37” ประจำปี 2568 ณ บียอนด์ กะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายเควินรอเบิร์ต วิทคร๊าฟท์ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ฯ พ

พระราชทาน100ล. ‘ในหลวง’ทรงห่วงใยราษฎรผู้ประสบภัยนํ้าท่วมพื้นที่ภาคใต้

นายกฯ โพสต์หนังสือหน่วยราชการในพระองค์ 904 แจ้ง 4 พระราชกระแส ทั้งรับศพผู้เสียชีวิตฯ พระราชทานกำลังใจแพทย์ พระราชทานเงิน

นายกฯ ปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น 'ในหลวง' พระราชทานความช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งตนได้รับการเชิญพระราชกระแส จากท่านพล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว