หลังจากที่ “เดอะ ไฟแนนเชียล ไทม์ส” สื่อชื่อดัง รายงานข่าวว่า จาห์ม นาจาฟี มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่าน และผู้ถือหุ้นทีมบาสเกตบอล ฟีนิกซ์ ซันส์ ในลีกเอ็นบีเอ เตรียมวางแผนที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
ตามการรายงานดังกล่าว ระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ โดย นาจาฟี กับ “เอ็มเอสพี สปอร์ตส แคปิทัล” เป็นผู้ถือหุ้นหลัก คิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ขณะที่ผู้ลงขันรายอื่นๆ ซึ่งคาดว่ามาจากย่านตะวันออกกลาง รวม อาบู ดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ถือรวมกัน 30 เปอร์เซ็นต์
ข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่ารวม 3,100 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 129,000 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าสโมสร 2.5 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 104,000 ล้านบาท ก่อนรวมหนี้สินปัจจุบันของสโมสร 610 ล้านปอนด์ หรือราว 25,000 ล้านบาท
ซึ่งข่าวนี้ทำให้แฟนบอลของ “ไก่เดือยทอง” ดูจะดีใจมิใช่น้อยเมื่อเจ้าของสโมสรกลุ่มเดิม อย่าง “อีเอ็นไอซี กรุ๊ป” ของ โจ ลูอิส เจ้าของทีม และ แดเนียล เลวี ประธานสโมสรคนปัจจุบัน มีอันต้องวางมือเพราะการเทคโอเวอร์ในครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาแฟนบอลสเปอร์ส ไม่พอใจการบริหารงานของบอร์ดบริหารชุดปัจจุบันอยู่แล้ว
สาเหตุหลักที่ทำให้แฟนบอล ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไม่ชื่นชอบเจ้าของทีมชุดปัจจุบัน เป็นเพราะว่าพวกเขาคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายคือในฟุตบอลลีก คัพ เมื่อปี 2008 ซึ่งหากนับถึงปัจจุบัน ในปี 2023 พวกเขาไร้โทรฟีมาครอบครองนานถึง 15 ปีเต็ม ทั้งๆที่เป็นสโมสรใหญ่
แต่ล่าสุด “บีบีซี” สื้อชั้นนำของอังกฤษ รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า โจ ลูอิส เจ้าของทีม และ แดเนียล เลวี ประธานสโมสร ไม่มีความตั้งใจที่จะขายสโมสรในเวลานี้ตามที่เป็นข่าวลือเป็นอย่างใด ซึ่งพวกเขาพร้อมมุ่งมั่นที่จะวางแผนในระยะยาวเพื่ออบริหาร “ไก่เดือยทอง” ต่อ
