3 แนวรุกควงแขนซัดเบิ้ล 'ลิเวอร์พูล' ยิงไม่ยั้ง สอยยับ 'แมนฯ ยู' 7-0

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 เกมแดงเดือด “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

“หงส์แดง” ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ เกมนี้นำทัพมาโดย 3 แนวรุก อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี กักโป และดาร์วิน นูนเญซ ขณะที่ “ปีศาจแดง” ของกุนซือ เอริก เทน ฮาก วาง มาร์คัส แรชฟอร์ด, แอนโทนี และเวาต์ เวกฮอร์สต์ เป็น 3 ประสานในแดนหน้า

เกมเปิดแลกกันอย่างสนุกตั้งแต่เริ่ม เจ้าถิ่นลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า มีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า แต่จังหวะจบสกอร์ยังไม่เข้ากรอบ ขณะที่ทีมเยือนอาศัยจังหวะสวนกลับได้ลุ้นหลายครั้ง แต่ยังไม่คมเช่นกัน

น.42 แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายไปก่อนจากจังหวะลูกฟรีคิกที่ บรูโน่ แฟร์นานเดส เปิดมาให้ คาเซมิโร โหม่งเข้าไป แต่มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ไม่ได้ประตู

น.43 จากที่เกือบจะเสียประตูกลายเป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่มาขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จ่ายให้ โคดี กักโป หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนล็อกเข้ากลางแล้วปั่นโค้งๆ บอลหนีมือ ดาบิด เด เกอา เข้าไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งเวลาหลังเริ่มมาเพียง 2 นาที ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากจังหวะที่แนวรับทีมเยือนเสียบอลในแดนตัวเอง ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เปิดบอลให้ ดาร์วิน นูนเญซ โหม่งเข้าไป

เท่านั้นยังไม่พอ น.50 ลิเวอร์พูล ขยับหนีห่างไปเป็น 3-0 จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กระชากบอลเข้ามาริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจ่ายให้ โคดี กักโป ชิพมุมแคบผ่านตัว ดาบิด เด เกอา เข้าประตูไปแบบนิ่มๆ

น.66 เจ้าถิ่น “หงส์แดง” ขยับสกอร์เพิ่มไปอีกเป็น 4-0 จากจังหวะสวนกลับ ดาร์วิน นูนเญซ จ่ายบอลไปแฉลบ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ มาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดบอลเสียบใต้คานเข้าไปแบบสุดสวยชนิดที่นายทวารทีมเยือนได้แค่มอง

น.75 ลิเวอร์พูล ยังยิงไม่หยุด ได้ประตูเพิ่มอีกเป็น 5-0 จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดบอลจากริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายมาให้ ดาร์วิน นูนเญซ โหม่งเช็ดเข้าไป

น.83 “หงส์แดง” มาบวกประตูเพิ่มอีกหนึ่งเม็ด จากลูกขลุกขลิกหน้าประตู ก่อนบอลเด้งมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดโล่งๆ เข้าไป เจ้าถิ่นหนีห่าง 6-0

น.88 โรแบร์โต ฟีร์มิโน หัวหอกชาวบราซิเลียน มายิงประตูให้ ลิเวอร์พูล ขยับสกอร์เพิ่มหนีห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็น 7-0

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ลิเวอร์พูล เปิดบ้านไล่ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบขาดลอย 7-0 เดินหน้าทำสถิติไม่แพ้ “ผีแดง” 8 เกมติดต่อกันเมื่อลงเล่นที่แอนฟิลด์

จากชัยชนะในเกมนี้ทำให้ “หงส์แดง” มีเพิ่มเป็น 42 แต้ม แซง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ขึ้นมารั้งอันดับ 5 ของตาราง ไล่จี้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ อันดับ 4 เหลือ 3 แต้ม และแข่งขันน้อยกว่า 1 นัด ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด มี 49 แต้มเท่าเดิม รั้งอันดับ 3 ต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ฟาน ไดจ์ค' เซ็ง 'หงส์' พลิกสถานการณ์ไม่ได้ 'คล็อปป์' มองแง่ดีอย่างน้อยทีมก็ชนะ

ลิเวอร์พูล บุกไปเก็บชัยเหนือ อตาลันตา ด้วยสกอร์ 1-0 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเข้าสู่รอบต่อไปของศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก เนื่องจากเกมแรกพ่ายคาบ้านให้คู่แข่งจากอิตาลีมาก่อน 0-3 ทำให้รวมผลสองนัด "หส์แดง" พ่าย 1-3 จอดป้ายรอบ 8 ทีมสุดท้าย

'หงส์แดง' บู่ต่อเนื่อง พ่าย 'พาเลซ' คาบ้าน 0-1 ลุ้นแชมป์ลีกเหนื่อย

ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023/24 วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ คริสตัล พาเลซ

'ฟาน ไดจ์ค' ลั่น ยังไม่ยอมแพ้แม้ 'หงส์แดง' พ่าย 'อตาลันตา' คาบ้าน 0-3

ลิเวอร์พูล ฟอร์มบู่คาบ้านของตัวเอง เมื่อพ่ายแพ้ให้กับ อตาลันตา 0-3 เสียสถิติพ่ายแพ้ในถิ่นแอนฟิลด์เป็นเกมแรกในรอบ 14 เดือนหลังสุด ในเกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกแรก เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา

'หงส์แดง' จ๋อย โดน 'อตาลันตา' ลูบคม พ่ายคาบ้าน 0-3 รอบ 8 ทีมยูโรปา นัดแรก

ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2023/24 รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกเเรก คู่ที่น่าสนใจ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ เปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ อตาลันตา ยอดทีมจากอิตาลี

'เมอร์เท่อห์' อำลาตำแหน่งผอ.กีฬา 'แมนฯยู' รอตั้ง 'แอชเวิร์ธ' เสียบแทน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จอห์น เมอร์เท่อห์ อำลาตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรเป็นที่เรียบร้อย โดยมีผลทันทีนับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

'หงส์แดง' นัดถกตัวแทน 'อโมริม' คุมทีมแทน 'คล็อปป์' ซีซั่นหน้า

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดพบเอเยนต์ของ รูเบน อโมริม เฮดโค้ชสปอร์ติง ลิสบอน ยักษ์ใหญ่ลีกโปรตุเกส เพื่อคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ต่อจาก เจอร์เกน คล็อปป์