ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ ฤดูกาล 2023/24 คืนวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมแดงเดือด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล
แมนฯ ยู ออกสตาร์ทได้อย่างคึกคัก เป็นฝ่ายขึงเกมบุกใส่ทีมเยือน และในนาทีที่ 10 ก็ได้ประตูออกนำ 1-0 จากลูกซ้ำของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนีย์
อย่างไรก็ตามกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่มายิง 2 ประตูรวด ในช่วงท้ายครึ่งแรก จาก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.44 และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.45+2 จบครึ่งแรกทีมเยือนแซงนำ 2-1
เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ “หงส์แดง” แต่แล้วในช่วงนาทีที่ 87 เจ้าถิ่นก็มาตามตีเสมอ 2-2 แอนโทนี ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ตวัดยิงด้วยขวาบอลหนีมือนายทวารทีมเยือนเข้าไป และจบ 90 นาทีด้วยสกอร์นี้ ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ น.105 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขยับนำอีกครั้ง 3-2 ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยิงด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษไปแฉลบขา คริสเตียน อีริคเซน ที่พยายามจะวิ่งมาบล็อกจนบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ได้ประตูตีเสมอ 3-3 น.112 สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ไหลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงตามน้ำแบบไม่จับบอลเสียบมุมล่างอย่างสุดสวย
เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอและต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ แต่แล้วในช่วง น.120 จังหวะที่ ลิเวอร์พูล ดันแนวรับขึ้นไปเพื่อลุ้นประตู แต่โดน แมนฯ ยู สวนกลับ และมาได้ประตูพลิกนำ 4-3 อเลฮานโดร การ์นาโช เลี้ยงจี้ไปหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ อาหมัด ดิยัลโล อีกหนึ่งตัวสำรอง ยิงหนีมือผู้รักษาประตูทีมเยือนเข้าไป
หลังจากจังหวะที่ ดิยัลโล ยิงประตูได้ เจ้าตัวดีใจด้วยการถอดเสื้อโดยลืมไปว่าตัวเองโดนใบเหลืองไปแล้ว สุดท้ายก็ไม่รอดผู้ตัดสินวิ่งมาแจกเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 120 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดดราม่า 4-3 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
