
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน เป็นการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ ที่สังเวียนเวมบลีย์ โคเวนทรี ม้ามืดจากแชมเปียนชิพ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่จากพรีเมียร์ลีก
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 23 จากจังหวะที่ ดิโอโก ดาโลต์ เติมขึ้นมาทางฝั่งขวา เปิดเข้ากลาง แบร็ดลีย์ คอลลินส์ พยายามล้มตัวตัดบอล เเต่พลาดทำให้ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ แท็บอินเข้าไปง่ายๆ
ก่อนจบครึ่งแรก นาทีที่ 45+1 แมนฯยู มาบวกประตูที่สอง หนีห่าง 2-0 จากลูกเตะมุม แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขึ้นโหม่งบอลซุกก้นตาข่าย และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง แมนฯยู ยังดีกว่ามาได้ประตูที่สามในนาทีที่ 58 ขยับห่าง 3-0 กองหลังโคเวนทรีเคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทางบรูโน่ แฟร์นานเดส ยิงยัดบอลเเฉลบเข้าประตูไป
เเต่นาทีที่ 71 โคเวนทรี มาได้ประตูตีไข่เเตกจาก เอลลิส ซิมม์ส ไล่มาเป็น 1-3 ต่อเนื่องมาถึงนาทีที่ 79 โคเวนทรี มาได้ประตูไล่มาอีก 2-3 จังหวะที่ คาร์ลัม โอฮาร่า ตั้่งป้อมยิงไปเเฉลบ อารอน วาน-บิสซากา บอลกลายเป็นย้อยข้ามหัวอังเดร โอนาน่า เข้าประตูไป
เกมทำเหมือนจะจบลงด้วยชัยชนะของ แมนฯ ยู เเต่ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+3 โคเวนทรี มาได้ลูกจุดโทษจากการทำแฮนด์บอลของ อารอน วาน-บิสซากา ก่อนที่ ฮาจิ ไรท์ จะรับหน้าที่สังหารไม่พลาด ตีเสมอ 3-3 แบบสุดช็อก
ครบ 90 นาที แมนฯ ยู จากที่นำ 3-0 มาโดนตีเสมอ 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ในช่วงท้ายของต่อเวลาพิเศษ แมนฯ ยู เกือบโดนทีเด็ดโคเวนทรีน็อกนาทีสุดท้าย วิคเตอร์ ทอร์ป ตัวสำรองส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย เเต่ถูก VAR ริบคืนเพราะเป็นจังหวะล้ำหน้าเสียก่อน ครบ 120 นาที ไม่มีใครยิงกันได้ เสมอกัน 3-3 ต้องตัดสินด้วยจุดโทษ
ช่วงของการยิงจุดโทษปรากฎว่า “ปีศาจแดง” ยิงได้แม่นกว่า พลาดเพียงแค่คนแรกคือ คาเซมิโร นอกนั้นยิงเข้าหมด ส่วน โคเวนทรี ยิงไม่เข้าคนที่ 3 และ 4 ทำให้ แมนฯ ยู เอาชนะในการดวลเป้า 4-2 ตบเท้าผ่านเข้ารอบชิงฯ ไปดวล แมนเชสเตอร์ ซิตี วันที่ 25 พฤษภาคม เวลา 21.00น.