กกท.จับมือกรมราชทัณฑ์ยาว3ปี นำมวยไทยสร้างอาชีพผู้ต้องขัง

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา, นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.), นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือการสนับสนุน(MOU) ด้านกีฬาแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน “มวยไทยฟอร์ออล” ระหว่าง กกท. กับ กรมราชทัณฑ์ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท.หัวหมาก เมื่อวันที่ 24 เมษายน 
 
ผศ.พิลกล่าวว่า มวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่ใช้ได้กับคนได้ในทุกแขนง สามารถนำไปเสริมทักษะในชีวิตประจำวัน เป็นการออกกำลังกาย และการสร้างอาชีพได้ ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้ฝึกฝนมวยไทยเพื่อสุขภาพ หรือสามารถเป็นตัวแทนในการแข่งขันของกรมราชทัณฑ์ หรือต่อยอดไปเป็นนักมวยไทยในระดับอื่นๆ ได้ แบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในมวยสากล ซึ่งจะเป็นอาชีพของผู้ที่พ้นโทษให้ออกมาสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นนักมวยไทยหรือเป็นโค้ช ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้จะมีระยะเวลา 3 ปีด้วยกัน เบื้องต้นได้คัดเลือก 13 ทัณฑ์สถานทั่วประเทศ ที่ทางกรมราชทัณฑ์ประเมินแล้วว่ามีความพร้อมและเหมาะสม เป็นการนำร่องโครงการนี้ก่อนในการฝึกอบรม หลังจากนั้นจะขยายไปยังเรือนจำอื่นๆ ต่อไป
 
นางจิรภากล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญในการส่งเสริมทักษะ ประสบการณ์ด้านการกีฬาให้ผู้ต้องขังขณะที่ต้องโทษในเรือนจำอย่างเหมาะสม และสามารถนำความรู้มาต่อยอดในการประกอบอาชีพได้หลังพ้นโทษได้ เพื่อเป็นการคืนคนดีมีคุณภาพสู่สังคม การลงนามครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือเพื่อสนับสนุนด้านการฟื้นฟูและพัฒนาผู้ต้องขังทั้งด้านมวยไทยและกีฬาอื่นๆ 
 
ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการร่วมมือในลักษณะนี้มาแล้ว ก่อนจะยุติไป การกับมาร่วมมือครั้งนี้เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนด้านกิจกรรมให้แก่ผู้ต้องขัง ได้แก่ การจัดกิจกรรมด้านมวยไทย รวมถึงการใช้สถานที่ การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ตลอดจนบุคลากร ส่งเสริมและแนะนำ ผู้ต้องขังที่ประสบความสำเร็จในด้านกีฬาให้เป็นที่ยอมรับ และสมควรจะได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้านการศึกษาและกีฬาเพื่อสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับตนเอง ครอบครัว และคนไทย นอกจากนั้นจะมีการจัดอบรมตามหลักสูตรที่ กกท. กำหนดเกี่ยวกับหลักสูตรผู้ฝึกสอนกีฬา และหลักสูตรผู้ตัดสินกีฬามวยไทย ให้กับทั้งผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ในอนาคตก็จะเข้าไปสนับสนุนกีฬาอื่นๆ ต่อไป
 
ในพิธีการลงนาม ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ซึ่งเป็นต้นแบบเรือนจำเฉพาะทางด้านกีฬาได้นำการแสดงคีตะมวยไทย ชุด “อิฐเก่าเล่าตำนาน” ซึ่งเป็นการแสดงโดยผู้ต้องขังที่ได้นำทักษะความรู้ด้านมวยไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬาของไทยมาแสดงอีกด้วย
 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แฟร์เท็กซ์ ไฟท์-ไทวัสดุ แชมป์ฯซีซั่น3' ทุ่มอัดฉีด3แชมป์เปี้ยน มูลค่ารวมกว่า1ล้าน

ไทวัสดุ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเพื่อบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศความสำเร็จในการจัดการแข่งขันมวยไทย “Fairtex Fight Thaiwatsadu Champions Tournament Season 3” รอบชิงชนะเลิศ ณ สนามมวยลุมพินี รามอินทรา เรียกเสียงเชียร์กระหึ่มจากแฟนมวยไทยทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงลูกค้าไทวัสดุที่ได้รับเชิญเข้าร่วมเชียร์ติดขอบเวทีมวยอย่างล้นหลาม ท่ามกลางบรรยากาศการแข่งขันสุดเข้มข้นและโปรดักชันแสง สี เสียงที่ยิ่งใหญ่ตระการตา โดยไทวัสดุ เป็นผู้สนับสนุนหลักของรายการ พร้อมมอบเข็มขัดแชมป์ไทวัสดุและเงินรางวัลอัดฉีด รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท แก่นักมวยที่ชนะทั้ง 3 รุ่นน้ำหนัก ได้แก่ ปิ่นเพชร ม.ราชภัฎโคราช รุ่น 52 กิโลกรัม เมอห์แดด คานซาเดห์ รุ่น 57 กิโลกรัม และแสนศักดิ์ พิมายพงศธร รุ่น 67 กิโลกรัม ซึ่งนอกเหนือจากรางวัลอันทรงเกียรติที่นักมวยแชมเปี้ยนจะได้รับแล้ว ยังเป็นการสานฝันสู่เส้นทางเวทีมวยนานาชาติต่อไปในอนาคต

'มวยไทย'บุก'สกอตแลนด์' ตั้งเป้าดึงต่างชาติ กลับมาเที่ยวประเทศไทย 

"มวยไทย" ช่วยชาติ! อนุกรรมการ "ซอฟต์ เพาเวอร์" เร่งทำงาน เดินหน้าดึงชาวต่างชาติมาเรียน "มวยไทย" มั่นใจ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วง "โลว์ซีซั่น" เหตุ เรียนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวฝนตกแดดออก ด้าน "แสนชัย" สุดฮอต แฟนคลับชาวสกอตต์ แห่เรียนเต็มคลาส เจ้าตัวสุดปลื้ม วอนภาครัฐเดินหน้าผลักดันมวยไทยในต่างแดนต่อไป มั่นใจ โกยรายได้เข้าประเทศมหาศาล 

มวยไทย'มาสเตอร์ คลาส' ที่อังกฤษสำเร็จเกินคาด ต่างชาติแห่ฝึกกว่า400คน 

ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งประเทศสำหรับโครงการมวยไทย มาสเตอร์ คลาส 2025 (Master Class  Muay Thai Soft Power)  ซึ่งจัดโดยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ล่าสุดยกทีมไปจัดโครงการที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 3 ต่อจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และประเทศบราซิล