หลังจากที่ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ได้เก็บตัวฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสงขลา และการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2569 ที่จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ทั้งงบประมาณเบี้ยเลี้ยงเก็บตัวฝึกซ้อม และวิทยาศาสตร์การกีฬา นำมาเสริมความแข็งแกร่งครบทุกด้าน
สำหรับการนำวิทยาศาสตร์การกีฬา เข้ามาสนับสนุน เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ปัจจัยหนึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงในเรื่องโภชนาการที่ได้นำเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มทุกรายละเอียดให้กับนักกีฬาไทยได้มีความพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับการสร้างผลงานในศึกซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์ ในครั้งนี้
มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของชาติสมาชิกในอาเซียน 2 รายการ ที่จะเปิดขึ้นในประเทศไทยเร็วๆนี้ ทางกกท. ได้จัดเตรียมในการดูแลเรื่องโภชนาการให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เชื่อมั่นได้ว่า นักกีฬาไทยได้รับประทานอาหารที่เหมาะสมถูกหลักโภชนาการและปลอดภัยที่จะทำให้นักกีฬามีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์สำหรับการฝึกซ้อมและพร้อมที่จะเข้าร่วมการชิงชัย
สำหรับโภชนาการในนักกีฬานั้น จะมีความแตกต่างจากคนปกติทั่วไป เนื่องจากนักกีฬาที่จะต้องฝึกซ้อมอย่างหนักจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารพลังงานที่สอดคล้องกับความต้องการเร่งด่วนในการเผาผลาญ เพื่อนำพลังงานมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย รวมไปถึงโภชนาการที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูร่างกายอีกด้วย
ขณะเดียวกัน กกท. ได้ร่วมมือกับ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) เปิดศูนย์โภชนาการหลักสำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทยที่อาคารที่พักนักกีฬา 300 เตียง ภายในศูนย์กีฬา กกท.หัวหมาก ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางโภชนาการกีฬาของประเทศ เพื่อเติมพลังให้ทีมชาติไทยเตรียมพร้อมออกไล่ล่าชัยใน 2 มหกรรมกีฬาแห่งอาเซียน
ศูนย์โภชนาการแห่งนี้ สามารถรองรับนักกีฬาทีมชาติไทยได้กว่า 300 คนต่อวัน พร้อมกับพื้นที่รับประทานอาหารออกแบบตามมาตรฐานระดับโลก โดยมี 12 เมนูพิเศษ “มื้ออาหารแห่งชัยชนะ” ที่ผ่านการรังสรรค์มาจากเชฟกูรูอาหารมากฝีมือ เป็นเมนูยอดนิยมของคนไทยที่นำมาครีเอทใหม่ตามหลักโภชนาการ ทั้งเรื่องกินเพื่อคงสมดุล, กินเพื่อเตรียมพร้อม และกินเพื่อฟื้นฟู
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ระบุว่า เราได้นำหลักโภชนาการมาใช้ในการดูแลนักกีฬาไทยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาที่ซ้อมอย่างหนัก และใกล้แข่งขัน เมื่อกินอาหารเข้าไปแล้วท้องเสีย ก็จะทำให้เสียโอกาสในการแข่งขัน ดังนั้นเรื่องอาหารจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องอาหารจะต้องมีการแนะนำนักกีฬาว่า ควรจะกินอย่างไรทั้งก่อนแข่งขัน ระหว่างแข่งขัน และหลังแข่งขัน
“เราได้นำเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้กับนักกีฬาอย่างเต็มที่รูปแบบ โดยในด้านโภชนาการเรายังได้ร่วมกับ อายิโนะโมะโต๊ะ เปิดศูนย์โภชนาการหลักสำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทยขึ้นมา ซึ่งได้มีนักกีฬาลงทะเบียนเข้ามารับประทานอาหาร 3 เวลาต่อวัน โดยศูนย์โภชนาการแห่งนี้เป็นโมเดลของประเทศญี่ปุ่นที่ทำแล้วประสบความสำเร็จอย่างมาก อาหารอร่อยและถูกหลักโภชนาการ และมีความปลอดภัยด้วย”
ทั้งหมดคือการที่ กกท. ได้นำวิทยาศาสตร์การกีฬามาเสริมแกร่งให้กับทัพนักกีฬาไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในด้านโภชนาการที่ได้มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นเสบียงให้กับนักกีฬาได้มีความพร้อมสมบูรณ์แบบก่อนออกไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ
เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ซึ่งครั้งนี้ทัพนักกีฬาไทยได้อิ่มท้องอย่างถูกหลักโภชนาการและพร้อมแล้วสำหรับการออกไปประกาศศักดาในเวทีกีฬาระดับอาเซียนในครั้งนี้...