บูธไทยงานเทศกาลหนังเมืองคานส์คึกคัก ยักษ์ฮอลลีวู้ด เตรียมหอบเงินกว่า 2 พันล้าน ถ่ายทำหนังในไทย

เนื้อหอม ต่างชาติเยี่ยมชมบูธไทยใน งานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ คับคั่ง “อิทธิพล” เผยเป็นผลจากแรงโปรโมทเปิดตัวมาตรการใหม่ แรงจูงใจคืนเงิน 20% หรือ Cash Rebate ที่ปรับเพดานเป็น 150 ล้าน ด้านปลัดก.ท่องเที่ยวเผยครั้งแรกของไทย ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวู้ด เตรียมหอบเงิน กว่า 2 พันล้าน เข้ามาถ่ายทำหนังในไทย

19 พ.ค.2566- เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐฝรั่งเศส) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)เข้าร่วมเปิดคูหาประเทศไทย โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บริหารกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ ผู้ประกอบการภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน เข้าร่วม ณ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ คานส์ ฟิล์ม เฟสติวัล 2023 (Village International Cannes Film Festival 2023) เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-22 พฤษภาคม 2566

นายอิทธิพล กล่าวว่า วธ.มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย และขยายตลาดภาพยนตร์ไทยสู่ระดับนานาชาติ และผลักดัน “Soft Power” ความเป็นไทย เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศสู่ระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรม 5F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) มวยไทย (Fighting) และเทศกาลประเพณี (Festival) สู่ระดับโลก ซึ่งในปีก่อนเกิดโควิด ซอฟต์ เพาเวอร์ไทย สามารถสร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจ ไทยประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่ในปี 2566 คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ประมาณ 1หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น ในอีกไม่นานนี้

สำหรับมูลค่าซอฟต์ เพาเวอร์ ในด้านภาพยนตร์ หลักๆ มาจาก การเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายส่งเสริม และสร้างแรงจูงใจ ที่สำคัญหรือที่เรียกว่า Cash Rebate หรือมาตรการคืนเงินให้กับบริษัทหนังต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทย 20% ของเงินที่เข้าใช้จ่ายในไทย และในงานเทศกาลคานส์ในปีนี้ ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งที่ 76 เป็นโอกาสแรกที่ประเทศไทย ออกมาโปรโมท Cash Rebate ที่มีการปรับเนื้อในมาตรการขึ้นใหม่ที่จะสร้างแรงจูงใจมากขึ้น กว่าเดิม

“จะเห็นได้ว่าบูธพาวิลเลียนของไทยคับคั่งมากในปีนี้ เพราะต่างชาติสนใจในความพร้อมของเรา ในเรื่องสถานที่ เรื่องskill ของคนในอุตสาหกรรมหนังของเรา ซึ่งศักยภาพที่เรามี จึงนับได้ว่าเราเป็นฮับแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลก ไม่ใช่แค่ระดับในภูมิภาคเท่านั้นการเข้ามาลงทุนต่างชาติ ได้สร้างงานสร้างเศรษฐกิจ เพราะต้องมีการใช้จ่ายต่างๆ มากมาย ในประเทศเรา ซึ่งเชื่อว่าสิทธิประโยชน์ในมาตรการใหม่ที่เราโปรโมท เรื่อง 20% ของ Cash Rebate จะทำให้ มีการเข้ามาลงทุนมากกว่าเดิม ซึ่งเห็นได้จากการเดินเข้ามาขอข้อมูลกันเยอะมาก “นายอิทธิพลกล่าว

ด้าน นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยมีมาตรการจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนด้านภาพยนตร์ในไทย หรือ Cash Rebate ประมาณ 4- 5 ปีที่ผ่านมา สามารถดึงดูดเงินเข้าประเทศจำนวนมาก โดยในปี 2565 มีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนคิดเป็นเงินประมาณ 6,400 ล้านบาทและ ล่าสุดมติ ครม. ยังได้ปรับมาตรการคืนเงิน Cash Rebate เป็น 30% แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด เงื่อนไขต่างๆ ซึ่งคาดว่าอัตราคืนเงินที่ปรับเพิ่มใหม่ จะสร้างแรงจูงใจบริษัทสร้างภาพยนตร์ให้เข้ามามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ต้องยอมรับว่าในมาตรการ 20%ที่ปรับเพดานการคืนเงินใหม่ จาก 75 ล้าน เป็น 150 ล้าน เป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ต่างชาติสนใจเข้ามาทำหนัง ถ่ายทำในบ้านเรามากขึ้น และการที่เราปรับ Cash Rebate เป็น 30% ก็จะทำให้มาตรจูงใจของเราใกล้เคียงกับประเทศมาเลเซียหรือสิงคโปร์ ที่เขาคืนเงินให้ถึง 40% แม้เขาจะให้มากกว่า แต่ เรากลับได้รับความสนใจจากต่างประเทศมากกว่า เพราะเรามีความได้เปรียบมากมายหลายด้าน ทั้งสถานที่ถ่ายทำ ที่มีความหลากหลายทีมงานที่มีทักษะสูง “

นายอารัญ กล่าววอีกว่า ผลจากการสร้างมาตรการจูงใจของเรา ขณะนี้มีค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวูด ติดต่อเข้ามาเจรจาขอถ่ายทำหนังในไทยมูลค่า กว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นรายแรกที่เข้ามาลงทุนในวงเงินสูงถึง 2พันล้าน

สำหรับการเปิดบูธของไทยในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ ตั้งเป้ามีษัทหนังต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชมบูธ ไม่ต่ำกว่า 1,300 ราย ขณะนี้ มีผู้สนใจลงทุนจริงๆ 18 ราย จาก 13 ประเทศและมี 2 รายตกลงใจ จะลงมือเข้าไปถ่ายทำหนังในประเทศไทยอีก 3 เดือนข้างหน้า เรื่องแรกมีมูลค่า 35 ล้านบาท ส่วนอีกรายมูลค่า 100 ล้าน

“ต่างชาติที่เข้ามา มีทั้งอเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย เยอรมัน แต่ค่ายใหญ่ที่เข้ามา ในวงเงิน 2 พันล้าน เป็นรายแรกเรา ยังเปิดเผยชื่อไม่ได้”

ถาพรวมของงาน ทางการไทยได้คัดเลือก บริษัทเอกชนผู้ผลิตของไทย เข้าร่วมงานเทศกาลฯ จำนวน 12 บริษัท อาทิ Benetone Films, BrandThink, Film Frame Productions, GDH 559, Halo Productions, Kantana Motion Pictures, M Pictures, Right Beyond, Sahamongkolfilm International Yggdrazil Group เนรมิตรหนังฟิล์ม และเวลา ฟิล์ม โดยให้ความร่วมมือในหลากหลายกิจกรรม อาทิ กิจกรรมตลาดซื้อขายภาพยนตร์ และนิทรรศการคูหาประเทศไทย (Thailand Pavilion)

คูหาประเทศไทย ยังมีการจัดกิจกรรม Thai Film Pitching Project 2023 นำเสนอโครงการการสร้างภาพยนตร์เพื่อการร่วมลงทุน 2 เรื่อง ได้แก่ ทองหล่อคิดส์ โดย อาทิตย์ อัสสรัตน์ และ เจ้าหงิญ โดย เอมอัยย์ พลพิทักษ์ ซึ่งขณะนี้มี 43 บริษัท ที่สนใจเข้าร่วมลงทุน ประมาณการมูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทไทย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม โชว์ ซอฟ เพาเวอร์ไทยด้านอาหาร โดยมีการจัดเลี้ยงอาหารไทยให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน นักท่องเที่ยว ที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธได้ลิ้มลอง อาหารไทย ที่มีเมนู ส้มตำ ข้าวผัดกุ้ง ข้าวเหนียวมะม่วง และอื่นๆ อีกมากมาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

20 ชุมชนชิงต้นแบบ'เที่ยวชุมชน ยลวิถี'

ชุมชนท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมนั้นกระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย แต่ละชุมชนมีความโดดเด่นด้วยอัตลักษณ์ วิถีชีวิต เอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวตามบริบทของชุมชน เพื่อคัดเลือกชุมชนต้นแบบ”เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ที่มีเรื่องราวน่าสนใจ

รองปลัดก.ท่องเที่ยวฯ-กีฬาลุย เพิ่มประชากรกีฬา'หัวใจสีเขียว'

นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมเพื่อนำเสนอเกณฑ์มาตรฐานการจัดกิจกรรมการออกกำลังกายและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์ม (Calories Credit Challenge: CCC) ภายใต้ BCG Model หรือเกณฑ์มาตรฐานผู้จัดกิจกรรมหัวใจสีเขียว (Green Heart Event) ณ ห้อง Conference 1 โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย. 2567

ค้นหาอัตลักษณ์ 6 จังหวัด จัดฉลองสงกรานต์ยิ่งใหญ่

26 มี.ค.2567 - นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ร่วมกับประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด 6 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรปปราการ และชลบุรี

สัมผัสสถานที่จริง'สังเวชนียสถาน' ต่อยอดงานศาสนา

พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนได้เดินทางไปสัมผัสสถานที่จริงที่สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ซึ่งเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ 4 แห่ง สถานที่ประสูตร  สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่ปรินิพพาน ในประเทศอินเดียและเนปาลอีกครั้งจากการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน