เวนิสผลักดันนโยบายลดพลาสติก ชวนนักท่องเที่ยวดื่มน้ำจากน้ำพุทั่วเมือง

เวนิส เมืองท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของอิตาลี ต้อนรับนักท่องเที่ยวหลายล้านคนในแต่ละปี และเพื่อแลกกับเม็ดเงินมหาศาลที่ได้รับ เมืองแห่งนี้ต้องผจญกับปัญหาขยะที่เกิดจากการท่องเที่ยวมากถึง 40% ในแต่ละฤดูกาล ตามข้อมูลของหน่วยงานท้องถิ่น

ในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะขยะพลาสติกซึ่งกำจัดได้ยากและส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด หน่วยงานท้องถิ่นได้ส่งเสริมการใช้ขวดน้ำแบบเติมดื่มได้ แทนการใช้แบบครั้งเดียวทิ้ง โดยทำแคมเปญกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้ใช้ขวดน้ำดังกล่าวไปเติมน้ำดื่มสะอาดได้ตลอดเวลาในทุกเครือข่ายน้ำพุทั่วจัตุรัสต่างๆ และตรอกซอกซอยของเมือง

“เมืองแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของเรา มีน้ำพุกว่า 126 แห่งกระจายอยู่ทั่วบริเวณเมือง ซึ่งพบเจอได้ไม่ยากในทุกๆ 100 เมตร เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนไม่รู้มาก่อนว่าน้ำในเวนิสนั้นดื่มได้” ชาวเมืองเวนิสคนหนึ่งกล่าวเอาไว้

เพื่อร่วมสนับสนุนแคมเปญนี้ให้สะดวกยิ่งขึ้น บริษัทจำหน่ายน้ำดื่มเวริตัส ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นที่แสดงแผนที่เวนิสพร้อมน้ำพุที่ใกล้ที่สุดในแต่ละจุดให้นักท่องเที่ยวได้ใช้

หน่วยงานท้องถิ่นเชื่อมั่นว่า การส่งเสริมบริการน้ำดื่มฟรีทั่วเมืองจะทำให้เกิดของเสียน้อยลง รวมถึงขวดพลาสติกมากมายที่จะกลายเป็นขยะยั่งยืนในอนาคตหากไม่รีบหาทางออกให้สิ่งแวดล้อมเสียตั้งแต่ตอนนี้

ถึงแม้ปัจจุบันจะยังคงพบเห็นขวดพลาสติกที่ลอยไปมาในแหล่งน้ำทั่วเมือง หรือแม้กระทั่งในแกรนด์คาแนลซึ่งคราคร่ำไปด้วยเรือกอนโดลา แต่หน่วยงานท้องถิ่นใช้ภาพเหล่านี้เป็นแรงผลักดันเพื่อตอกย้ำว่า ชัยชนะจากการต่อสู้กับพลาสติกนั้นยังอยู่อีกห่างไกล

การให้ความร่วมมือของคนในพื้นที่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่แคมเปญนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ ธุรกิจโรงแรมและที่พักในเวนิสเป็นโต้โผหลักในการให้ความรู้และข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว นอกจากคอยจูงใจให้นักท่องเที่ยวใช้ขวดน้ำแบบเติมได้แล้ว กิจการเหล่านี้ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาชนะแก้วทั้งหมดในห้องอาหาร รวมทั้งเลิกใช้ขวดแชมพูและขวดเจลอาบน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในห้องพัก และเปลี่ยนเป็นเครื่องกดอัตโนมัติแบบรีฟิลแทน แม้จะทำให้มีต้นทุนในการบริหารกิจการเพิ่มขึ้นก็ตาม ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าการกระทำเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ จะสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบต่อเมืองแห่งนี้ได้

เวนิสฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วหลังการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสที่ทำลายเศรษฐกิจของทั้งเมืองมาตลอด 3 ปี และการกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หน่วยงานท้องถิ่นจึงถือโอกาสนี้ในการสร้างเวนิสแบบยั่งยืนและปลอดมลพิษ ด้วยการเปิดแคมเปญเติมน้ำฟรีทั่วเมือง และเสนอเก็บภาษีนักท่องเที่ยวเพื่อนำเงินเหล่านั้นมาใช้บริหารปัญหาด้านต่างๆของเมือง นอกเหนือไปจากงบประมาณที่ได้รับจากรัฐบาลกลาง โดยภาษีที่นักท่องเที่ยวต้องชำระนั้นอยู่ระหว่าง 3 ยูโร ถึง 10 ยูโร หรือประมาณ 112 บาท ถึง 373 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนคน โดยเชื่อว่าการเก็บภาษีนอกจากจะได้งบประมาณเพิ่มแล้ว ยังเป็นการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวไปในตัวด้วยเช่นกัน.