'ธนกร' ยัน กม.PDPAหวังยกระดับไทยทัดเทียมสากล!

โฆษกรัฐบาลเผย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบังคับใช้ 1 มิ.ย. มุ่งยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทยทัดเทียมระดับสากล

01 มิ.ย.2565 - นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA : Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิ.ย.นี้ เป็นหนึ่งในกฎหมายสำคัญด้านดิจิทัล 12 ฉบับ ที่รัฐบาลและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผลักดันเพื่อให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างมาตรฐานการใช้ เก็บ เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคลของไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมีหลักการสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกนำไปใช้อย่างเป็นธรรมโปร่งใส และได้รับการดูแลมิให้มีการนำข้อมูลไปใช้งานในทางที่ผิด กำหนดมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ข้อมูลในทางที่ไม่ก่อให้เกิดเป็นการละเมิดสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลมากจนเกินไป รวมถึงจะต้องรักษาความปลอดภัยในการใช้ข้อมูลอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังเป็นมุ่งยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศด้วย

โฆษกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รีย้ำว่า พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ จะมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองและให้สิทธิกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นประโยชน์ต่อประชาชน องค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงประเทศชาติ รวมถึงได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นกับบุคคลหรือนิติบุคคลในการเก็บข้อมูล รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการใช้ข้อมูล หรือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ หากผู้ใดหรือองค์กรใดไม่ปฏิบัติตามนั้น มีโทษทั้งทางแพ่ง โทษทางอาญา และโทษทางปกครอง โดยตัวอย่างการกระทำที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้แก่ 1. เอาประวัติการทำความผิดคนอื่นไปโพสต์ในเฟซบุ๊กโดยที่เจ้าตัวเขาไม่ได้ยินยอม 2.เอาเรื่องราวการเจ็บป่วยของคนอื่นมาเผยแพร่ให้คนอื่นรู้ 3.ไปเอารูปคนอื่นในกูเกิ้ลแล้วมาตกแต่งรูปภาพ แล้วใส่ข้อความไม่ว่าจะชื่นชม หรือด่าทอ คนอื่นโพสต์รูปภาพ-ข้อความในเฟซบุ๊กของเขา แล้วเราหมั่นไส้เลยเข้าไปคอมเม้นต์ แล้วทำให้เขาเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง 4.หัวหน้างานลงโทษออกใบเตือนลูกน้องแล้วเอาใบเตือนมาติดบอร์ด หรือส่งในไลน์กลุ่ม หรือไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก 5.การไปแจ้งความว่าโดนคนอื่นฉ้อโกง พอได้ใบแจ้งความจากตำรวจแล้วเอาไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนคนอื่นไม่ให้หลงกลถูกหลอกอีก เป็นต้น โดยการกระทำดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"รัฐบาลและดีอีเอส ให้ความสำคัญ การคุ้มครองสิทธิของประชาชนในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล เป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับการผลักดันเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรม และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมรองรับการเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ของไทย ที่ต้องแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและการบริหารจัดการข้อมูล ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังใช้ระบบดิจิทัล เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในทุกมิติด้วย"นายธนกร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลลุยต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' ขยายตลาดช่วยชุมชนโกยรายได้

รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' เพิ่มมูลค่าขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการชุมชนโกยรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

นายกฯ หนุน 'สมุนไพรไทย' ต่อยอดสินค้าซอฟต์พาวเวอร์

โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ ส่งเสริมการต่อยอดในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย พร้อมยกระดับเป็นสินค้าซอฟต์พาวเวอร์ สนับสนุนเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยในตลาดโลก