'ดร.พิชาย' ซัดการหนุน 'ระบบจัดสรรปันส่วนกลายพันธุ์' สะท้อนของความอัปลักษณ์การใช้อำนาจตามอำเภอใจ

'ดร.พิชาย' ชี้การหนุนสูตรหาร500 -ระบบจัดสรรปันส่วนกลายพันธุ์ เกิดจากฝ่ายตนเองคะแนนนิยมตกต่ำฝ่ายตรงข้ามเพิ่มขึ้นกลัวคู่แข่งชนะแบบท่วมท้น จึงใช้วิธีคิดแบบ'มาเคียเวลลี'เพื่อให้บรรลุเป้าหมายย่อมใช้วิธีการใดก็ได้จะถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม สะท้อนของความอัปลักษณ์ในการใช้อำนาจตามอำเภอใจ

8 ก.ค.2565-รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ผมคิดว่าการสนับสนุน “ระบบจัดสรรปันส่วนกลายพันธุ์” (กลายพันธุ์มาจากระบบจัดสัดปันส่วนผสมของมีชัย) ที่เกิดขึ้นในกระบวนการแก้กฎหมายเลือกตั้งครั้งนี้

หาใช่ว่าเกิดจากความคิดที่เที่ยงธรรม คำนึงถึงผลประโยชน์แก่ประชาชน และการสร้างความก้าวหน้าแก่ระบอบการเมืองแต่อย่างใด

หากแต่เกิดจากความเชื่อ ความกลัว ความกังวลว่า หากใช้ “ระบบแยกจัดสรร ส.ส.” (การแยกกันอย่างเด็ดขาดระหว่าง ส.ส.เขตเลือกตั้ง กับการคิดจำนวน ส.ส.บัญชี่รายชื่อพรรคการเมือง) แล้ว พรรคการเมืองคู่แข่งจะชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น

ความกลัวนี้มาจากความจริงว่า พรรคการเมืองฝ่ายตนเองคะแนนิยมตกต่ำแทบทุกพรรค ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านกลับมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นแทบทุกพรรค

ขณะเดียวกันก็เชื่อว่า “ระบบจัดสรรปันส่วนกลายพันธุ์” จะสามารถทำลายโอกาสแห่งการชนะแบบท่วมท้นของพรรคการเมืองคู่แข่งได้

ชัยชนะของ “ระบบจัดสรรปันส่วนกลายพันธุ์” เมื่อวาน สะท้อนภาพแห่งความทะยานอยากของผู้มีอำนาจที่ต้องการอยู่ในอำนาจต่อไปอย่างชัดเจน (ใครที่คิดว่าเขาจะลงจากอำนาจด้วยความสมัครใจ เห็นทีจะคิดผิด)

จึงใช้วิธีการภายใต้วิธีคิดแบบ มาเคียเวลลี ( Machiavelli) ที่ว่า “เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ย่อมใช้วิธีการใด ๆ ก็ได้ ไม่ว่าวิธีการนั้นจะถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม” ในการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งครั้งนี้

ไม่แยแสว่าว่าวิธีการนั้นละเมิดหลักการแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติหรือไม่

ไม่สนใจว่าการกระทำนั้นขัดแย้งกับความเที่ยงธรรมของหลักการนิติธรรมและรัฐธรรมนูญหรือไม่

หากการกระทำใดสามารถตอบสนองเป้าหมายและความต้องการของตนเองแล้ว

แม้วิธีการเช่นนั้นจะเลวร้ายหรือทำลายความเที่ยงธรรมของระบอบการเมืองและนิติธรรม พวกเขาก็จะเลือกทำเช่นนั้น

การเมืองเรื่องการแก้กฎหมายเลือกตั้ง จึงเป็นภาพสะท้อนของความอัปลักษณ์ในการใช้อำนาจตามอำเภอใจอีกเรื่องหนึ่ง ในยุคสมัยนี้

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เชื่อประชุมรัฐสภา 15 ส.ค.ล่มอีก! ‘พีระพันธุ์’ บอก ‘ศาลรธน.’ ผู้ชี้ชะตาอนาคตประเทศ

พีระพันธุ์ ชี้หลังการประชุมรัฐสภาที่จะล่มอีกครั้งในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ การจะนำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้บังคับต่อไปคงต้องรอศาลรัฐธรรมนูญอีกเรื่องหนึ่งแน่

'คำนูณ' จับตา 10 สิงหา โอกาสสุดท้ายก่อนสูตร 'หาร 100' จะกลับมาตามช่องทางพิเศษ

'สว.คำนูณ'จับตา 10 สิงหา ประชุมร่วมรัฐสภาก่อน15ส.ค.หากร่าพรป.สส.ไม่แล้วเสร็จให้ถือว่าเห็นชอบร่างหลักที่ผ่านวาระ 2 เผยร่างหลัก4 ฉบับ มีหลักการใกล้เคียงกัน คือใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 ปิดประตูสูตรหาร 500

'วิษณุ' ชี้หากกม.ลูกเสร็จไม่ทัน ต้องเซ็ตซีโร่กลับไปใช้ร่าง กกต. 'บัตร 2 ใบ-หาร 100'

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีในที่ประชุม ครม.ได้มีการหารือสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ ว่า ไม่มีการหารือกัน มีแต่นายอนุชา

'พิชาย' เตือนสติส.ส.หากกลับไปใช้หาร 500-บัตรใบเดียว รัฐสภาไทยคงกลายเป็น 'สภาโจ๊ก'

'ดร.พิชาย' ฟาดสมาชิกรัฐสภาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งกลับไปกลับมา น่าอับอายและอัปยศ เตือนสติหากกลับไปใช้หาร 500 -บัตรใบเดียวบรรลุผล รัฐสภาไทยคงกลายเป็น'สภาโจ๊ก' ซัดนักรัฐประหารสนใจแต่การสืบทอดอำนาจ กัดกร่อนสถาบันประชาธิปไตยให้เสื่อมลง