เตรียมตัว! 'คำนูณ' เผยกฎหมาย 'ฉีดจู๋ฝ่อ' เข้าวุฒิฯวาระ 2-3 จันทร์นี้

หลักการที่ให้มีผลย้อนหลังนี้ เพราะผู้ร่างไม่ถือว่ามาตรการทางการแพทย์หรือมาตรการแก้ไขฟื้นฟูอื่น ๆ เป็นโทษทางอาญา แต่ถือเป็นมาตรการที่เป็นคุณต่อผู้กระทำความผิดทางเพศหรือความผิดรุนแรงที่ระบุไว้จนติดเป็นนิสัย ควบคุมตัวเองไม่ได้ และถือเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยของสังคม

10 ก.ค.2565-นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn หัวข้อ กฎหมายฉีดจู๋ฝ่อ
เข้าวุฒิฯวาระ 2-3 จันทร์ 11 ก.ค. 65 เปิด 4 มาตรการสร้างสังคมปลอดภัย


ร่างพ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. … ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการมาแล้ว จะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 ในที่ประชุมวุฒิสภา 11 กรกฎาคม 2565 นี้

ถ้ากฎหมายมีผลบังคับใช้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่

ผู้กระทำผิดที่ทำผิดซ้ำ ๆ ในความผิดทางเพศ หรือความผิดที่ใช้ความรุนแรง จนติดเป็นนิสัยชนิดเป็นที่ประจักษ์ จะได้รับการปฏิบัติเพิ่มเติมด้วยมาตรการพิเศษนอกเหนือจากโทษจำคุก มาตรการใหม่นี้เรียกว่า…

“มาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด”

โดยที่ระบุไว้ขัดเจนแล้วแน่นอนในมาตรา 19 วรรคสอง (1) คือ…

“มาตรการทางการแพทย์”

ยังมีมาตรการอื่น ๆ อีก แต่รายละเอียดจะมีอะไรและมีกระบวนการอย่างไรบ้าง ร่างกฎหมายบัญญัติให้ไปอยู่ในกฎกระทรวง และข้อบังคับของประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา

การทำให้อวัยวะเพศชายฝ่อ หรือการกดฮอร์โมนเพศชาย เป็นหนึ่งในมาตรการทางการแพทย์นี้

การใช้มาตรการทางการแพทย์ต้องเป็นคำสั่งของศาล

อัยการเป็นผู้ยื่นคำร้องขอต่อศาล โดยยื่นไปพร้อม ๆ กับคำฟ้องได้เลย

หรือจะไปยื่นในช่วงที่ผู้กระทำความผิดอยู่ระหว่างการรับโทษตามคำพิพากษาก็ได้

ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะมีคำสั่งตามคำขอหรือไม่

ร่างกฎหมายมาตรา 19 วรรคสามกำหนดให้ศาลไต่สวนโดยคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งความรุนแรงของคดี สาเหตุแห่งการกระทำความผิด ประวัติการกระทำความผิด ภาวะแห่งจิต นิสัย และลักษณะส่วนตัวอื่นของผู้กระทำความผิด ความปลอดภัยของผู้เสียหายและสังคม โอกาสในการกระทำความผิดซ้ำ และการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด

ในการไต่สวน ศาลสามารถเรียกสำนวนการสอบสวนจากอัยการ รับฟังคำคัดค้านของผู้กระทำความผิด รวมทั้งสั่งให้เจ้าพนักงานคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม สืบเสาะตามกฎหมายว่าด้วยการคุมประพฤติ

หากศาลเห็นควรออกคำสั่งใช้มาตรการทางการแพทย์หรือมาตรการแก้ไขฟื้นฟูอื่น ๆ ให้รวมไว้ในคำพิพากษา
รวมทั้งให้ระบุคำสั่งดังกล่าวไว้ในหมายจำคุกด้วย

กรมราชทัณฑ์จะเป็นหน่วยงานผู้ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

และรายงานผลต่ออัยการอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

อัยการอาจยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงมาตรการ หรือยกเลิกมาตรการได้ ขึ้นอยู่กับผลการใช้มาตรการตีอผู้กระทำความที่กรมราชทัณฑ์รายงานมา

ทั้งนี้ มาตรการทางการแพทย์ทั้งหมดให้ดำเนินการโดยแพทย์อย่างน้อย 2 คนที่ต้องมีความเห็นพ้องกัน

หากมาตรการทางการแพทย์นั้นต้องมีการใช้ยา ไม่ว่ายารับประทาน หรือยาฉีด นักโทษเด็ดขาดต้องให้ความยินยอม
นักโทษเด็ดขาดที่ยินยอมรับมาตรการแก้ไขฟื้นฟู อาจได้รับการพิจารณาปล่อยตัวก่อนกำหนด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21 วรรคสอง

“ให้กรมราชทัณฑ์นำผลของการใช้มาตรการทางการแพทย์ตามวรรคหนึ่งมาใช้ในการพิจารณาลดโทษ พักโทษ หรือให้ประโยชน์อื่นใดอันเป็นผลให้ผู้กระทำความผิดได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดในคำพิพากษาตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ด้วย”

แต่แม้จะพ้นโทษแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังมีมาตรการใช้กับผู้พ้นโทษแล้วนั้นอีก 3 มาตรการ

  • “มาตรการเฝ้าระวัง”
  • “มาตรการคุมขัง”
  • “มาตรการคุมขังฉุกเฉิน”

โดยสามารถใช้มาตราการใดมาตรการหนึ่ง หรือสลับสับเปลี่ยนมาตรการ ต่ออดีตนักโทษเด็ดขาดที่พ้นโทษออกมาแล้วได้ต่อเนื่องกัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 10 ปี

สรุป จะมีมาตรการดำเนินการต่อผู้กระทำผิดทั้งที่เป็นนักโทษและที่พ้นโทษออกมาแล้วรวมทั้งสิ้น 4 มาตรการ
เพื่อความปลอดภัยของสังคม

โดยทุกมาตรการตัองเป็นร้องขอจากอัยการ จากข้อมูลของคณะกรรมการ 2 ระดับตามกฎหมายฉบับนี้ และศาลเป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่ง

ร่างกฎหมายน่าจะผ่านมติวุฒิสภาออกมาได้ในการประชุม 11 กรกฎาคม 2565 นี้

สำหรับคดีที่เกิดขึ้นก่อนร่างกฎหมายมีผลใช้บังคับ บทเฉพาะกาลมาตรา 43 บัญญัติให้มีผลย้อนหลังสำหรับคดีที่ยังอยู่ในการพิจารณาของศาล และกรณีที่จะมีการปล่อยตัวนักโทษที่กระทำความผิดทางเพศและความผิดที่ใช้ความรุนแรงตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 3 ด้วย

หลักการที่ให้มีผลย้อนหลังนี้ เพราะผู้ร่างไม่ถือว่ามาตรการทางการแพทย์หรือมาตรการแก้ไขฟื้นฟูอื่น ๆ เป็นโทษทางอาญา แต่ถือเป็นมาตรการที่เป็นคุณต่อผู้กระทำความผิดทางเพศหรือความผิดรุนแรงที่ระบุไว้จนติดเป็นนิสัย ควบคุมตัวเองไม่ได้ และถือเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยของสังคม

เป็น ‘การุณยมาตรการ’ ว่างั้นเถอะ !

ส่วนมาตรการคุมขัง และคุมขังฉุกเฉิน ที่จะใช้กับผู้ที่พ้นโทษออกมาแล้ว คณะกรรมาธิการมีความเห็นร่วมกันว่านอกจากจะไม่ใช่โทษทางอาญาแล้ว ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายยัอนหลังเสียทีเดียว เพราะผู้กระทำความผิดต้องมีพฤติกรรมพิเศษชัดเจนที่ส่อว่าเสี่ยงจะกระทำผิดซ้ำเสียก่อน พฤติกรรมที่ว่านี้เกิดขึ้นในขณะที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้ว

ร่างกฎหมายมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำฯนี้น่าจะผ่านมติวุฒิสภาออกมาได้ในการประชุม 11 กรกฎาคม 2565
จะมีผลบังคับใช้เร็วแค่ไหนอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าสภาผู้แทนราษฎรจะเห็นด้วยกับที่วุฒิสภาแก้ไขมั้ย เป็นเงื่อนไขให้ตัองมีการตั้งกรรมาธิการร่วม 2 สภามั้ย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คำนูณ' จ่อซักฟอกปมเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ดักคอ 'อุ๊งอิ๊ง' บินกัมพูชา

'คำนูณ' เตรียมซักฟอกรัฐบาล ปมเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ขุมทรัพย์ใต้อ่าวไทย 20 ล้านล้าน ดักคอ 'อุ๊งอิ๊ง' บินกัมพูชา ไม่ใช่เรื่องมุบมิบทำอะไรได้ ชี้ต้องเป็นข้อตกลง รธน. ม.187 รัฐสภาเห็นชอบ

'คำนูณ' เตือน! ขุมทรัพย์ 20 ล้านล้านและสิทธิอธิปไตยไทยยับเยินแน่ หากแยกประเด็นเจรจา

นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา แสดงความคิดเห็นต่อกรณีเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา ที่กำลังถูกจับตาในเวลานี้ว่า“เรื่องสำคัญที่สุด

'สว.คำนูณ' เผยได้วันเปิดอภิปรายรัฐบาลแล้ว เลื่อนให้ช้าลงไปอีก

นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยถึงการประชุมวิปวุฒิสภาว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงห

'สว.คำนูณ' จี้รัฐบาลทบทวนวันซักฟอกให้เร็วขึ้น หากยื้อเวลาก็ไร้ประโยชน์

นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.กล่าวถึงญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ลงมติตามมาตรา 153 ของวุฒิสภา ว่า โดยปกติการเสนอญัตติให้รัฐมนตรีมาชี้แจงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ

วุฒิสภาตั้ง 45 กมธ.ศึกษางบ 67

ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีการพิจารณาเรื่องด่วน