ติเพื่อก่อ 'ติ่งตัวพ่อ' ยังติง 'ชัชชาติ' นั่งมอเตอร์ไซค์ซิ่งไปทั่วกรุงหลังฝนตก


ขอบคุณเจ้าของภาพ

22 ก.ค.2565 - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ “น้ำท่วม” ในพื้นที่กรุงเทพฯ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดังนี้...

กลืนไม่เข้า คายไม่ออก

นายศรีสุวรรณ นักร้องคนดังขาประจำ ไปตำหนิผู้ว่าฯ อย่าง “ประชดประชัน”

มันใช่เวลาไหม?!

ฝนกระหน่ำ พายุเข้า กรมอุตุฯ เขาแจ้งเตือนเอาไว้ล่วงหน้า

หากเป็นคนกรุงเทพฯ และสนับสนุนผู้ว่าฯ คนขยัน เราต้อง “ติเพื่อก่อ”

ท่านผู้ว่าฯ ควรจะจัดตั้ง “วอร์รูม” ที่สำนักระบายน้ำ เรียกประชุม ผอ.เขต ทั้งหมด เพื่อวางแผนรับมือล่วงหน้า เพราะพายุใหญ่จะเข้า ระดับท่านผู้ว่าฯ ต้องรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว กรมอุตุฯ ป่าวประกาศปาวๆ ให้ทราบอยู่ ว่าพายุลูกไหนจะถล่ม

ท่านผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ด้วยตัวเองกับมอเตอร์ไซค์ 1 คัน

ความเป็นจริง ตัวท่านมีศักยภาพมากกว่านั้นแยะ และต้องบริหารจัดการได้อย่างดีเยี่ยม

หากเปรียบเทียบกับเอกชนก็คือ CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เจอภาวะวิกฤติ จะต้องบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

ผู้ว่าฯ คนเดียวทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าท่านได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข

แต่การช่วยเหลือประชาชนคนกรุงเทพฯ ต้องเตรียมการล่วงหน้า

จัดระดับเตือน “ความเสี่ยง” ปริมาณน้ำท่วม ระดับ 1 ถึง 5 หากระดับ 5 ก็เอาเป็นว่าทุกคนต้องระวังสูงสุด ให้ชาวบ้านรู้ตัว หาใช่ไปจัดการหลังน้ำท่วมแล้ว

ท่านมาใหม่ ไม่มีใครไปโทษท่านได้

เข้าทำนอง “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก”

น้ำนอกจากท่วมกรุงเทพฯ แล้ว ยังท่วมปากผมด้วย

ไม่มีอะไรที่ไปตำหนิท่าน

ฝนตกหนักระดับปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตร ยาวนานตั้งแต่ค่ำยันเช้า จะไปโทษท่านที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งก็ไม่ถูก

สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คือ “แผนรับมือล่วงหน้า” จากการแจ้งเตือนของ กทม. จะขนของหนี จะรีบกลับบ้านเร็ว หรือวางแผนอะไรก็แล้วแต่

ชาวบ้านต้องรู้ศักยภาพของ กทม. ว่าเครื่องดูดน้ำเสียเขตไหน? พื้นที่ไหนมีปัญหา? ผอ.เขต น่าจะต้องรายงานท่านได้ หากพายุเข้า

ท่านจะตระเวนดูด้วยตาทั่วพื้นที่ 1,600 ตารางกิโลเมตร มันไม่ไหวนะครับ สงสารท่าน

การเรียก ผอ. 50 เขต มาประชุมด่วน เพื่อรับมือกับวิกฤติ ความสามารถระดับท่านผู้ว่าฯ คิดได้อยู่แล้ว

ท่านจะไลฟ์สดให้เห็นว่ามีการตั้งวอร์รูม ชี้แจง ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านรู้เพื่อเตรียมรับมือ วางแผนกลับบ้านให้เร็วขึ้น จัดเทศกิจเตรียมรถรับส่งประชาชนที่กลับบ้านไม่ได้

ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ควรแจ้งล่วงหน้าก่อนพายุเข้า ไม่ใช่หลังพายุเข้าแล้ว

ทีมงานของท่านต้องประสานกับบรรดาข้าราชการ กทม. ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้

เว้นเสียแต่ว่า ทุกวันนี้ที่ท่านต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว เพราะเกิดปัญหาการประสานงานกับข้าราชการ กทม.

ลำพังกำลังของท่าน แม้จะขยันขันแข็ง เป็น “ผู้แข็งแกร่งในปฐพี”

แต่ท่านไม่ใช่ “หนุมาน” ที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศไปทุกเขตได้ในเวลาเดียวกัน

เห็นใจท่านในการแก้ปัญหา เป็นเพียงข้อแนะนำ ช่วยๆ กันครับ

ท่านเป็นคนขยัน แต่การนั่งมอเตอร์ไซด์ซิ่งไปทั่วกรุงเทพฯ หลังน้ำท่วมแล้ว ไม่น่าจะใช่นะครับ

ส่วนแฟนคลับผู้ว่าฯ ก็อย่าเชียร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา

เราต้องกล้าติในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม

นี่คือสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่หรือ?

ผู้ว่าฯ ที่เปลี่ยนกรุงเทพให้ดีขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลโอนเยียวยาน้ำท่วมใต้ครั้งที่ 6 'สงขลา-ตรัง' 40,935 ครัวเรือน กว่า 300 ล้านบาท

โฆษกเผยการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่ายในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ใน 4 รูปแบบ

สมาคมสถาบันการเงิน ผนึกกำลังแบงก์รัฐ ผุด 3 โครงการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขานรับนโยบายรัฐบาล ผนึกกำลังแบงก์รัฐประกาศช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ผุด 3 โครงการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู

'อนุทิน' ยกคณะบินหาดใหญ่ บิ๊กคลีนนิ่งหลังน้ำลด เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย-มอบถุงยังชีพชาวสตูล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 (บน.6) ดอนเมือง เพื่อตรวจราชการจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

อวยไส้แตก! สิ่งที่เท้งทำตอนน้ำท่วม ถ้าได้บริหารประเทศ จะตอบโต้สถานการณ์น้ำท่วมได้

ตอนน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ปีก่อน เท้งมาแบบคนที่ตาใสเลย นับ 1 จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มีความตั้งใจ มาแต่ตัวจริงๆ ไม่มีแม้อุปกรณ์ล้างบ้าน ตั้ง

อุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก เหนือ-อีสาน-กลางอุณหภูมิลดลง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล