'เทพมนตรี'ฉะ'กุลลดา'เขียนแถลงการณ์ไม่รู้เรื่อง ชี้ถูก'ราชสกุลรังสิต'ฟ้องไม่เกี่ยวกับเสรีภาพทางวิชาการ

'เทพมนตรี'ฉะ'กุลลดา-สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬา'เขียนแถลงการณ์กรณีถูก'ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต' เป็นโจทก์ฟ้อง แบบไม่รู้เรื่อง ชี้ไม่เกี่ยวกับเสรีภาพทางวิชาการ ไล่ไปลงนรกไม่มีความเท่าเทียม มีแต่กรรมดี กรรมชั่ว

10 พ.ย.2564 - นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลัง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญ มี้ด และ สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ กรณี ตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกฟ้องร่วมในคดีที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้องผู้เขียนหนังสือ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” และผู้เกี่ยวข้อง ว่า

เขียนไม่รู้เรื่อง

เห็นดราม่าที่ออกมาแล้วบอกตามตรงมันคนละประเด็นที่ถูกฟ้อง เขาเรียกค่าเสียหายเพราะไปทำให้เขาเสียหายใช้หลักฐานเท็จตีความผิดในวิทยานิพนธ์และป้าแกก็เป็นที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ทำอยู่ไม่น้อย ไม่เกี่ยวกับเสรีภาพทางวิชาการ มันเป็นเรื่องการกระทำส่วนบุคคล ผู้ฟ้องเขาไม่ได้ฟ้องจุฬาเป็นจำเลยร่วม หรือจุฬาไปขอให้ผู้ฟ้องเขาฟ้องร้องเอาผิด

อ่านงานวิชาการของคนเหล่านี้ มักพบว่า ทำกันเป็นขบวนการ เหมือนไม่อยากให้ประเทศนี้มีสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนไปกีดขวางความเจริญในความเป็นสากลโลก 55555 ของคนเหล่านี้

ถ้าอยากมีเสรีภาพมากๆก็ควรเคารพเสรีภาพคนอื่นๆเขาให้มากๆด้วย อยากเอาลูกเดียวฝ่ายเดียวมันไม่เท่าเทียม
แปลกแต่จริง จะเอาเสรีภาพ ความเท่าเทียม อยากทำลายศักดินาสาปแช่งเขาทุกวัน

ลองไปนรกดูสิ ที่นั่นนะไม่มีความเท่าเทียมมีแต่กรรมดีกรรมชั่ว ทำผิดลงนรกแต่ละขุม ทำดีขึ้นสวรรค์ชั้นวิมาน
ไม่ไปถึงจักรวาลยอดมนุษย์เสียเลยละ

ดราม่ามากๆระวังสังคมเขาจะระอาแบบปิยบุตร!

ทั้งนี้ศาลแพ่งจะมีการไต่สวนและนัดชี้สองสถานหรือนัดสืบพยาน กรณีรศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในผู้ถูกฟ้องร่วมในคดีที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้องผู้เขียนหนังสือ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” และผู้เกี่ยวข้อง โดยโจทก์อ้างว่าข้อความในหนังสือดังกล่าวมีบางตอนบิดเบือนทำลายชื้อเสียงของต้นราชสกุลรังสิต เรียกค่าเสียหาย 50,000,000 บาท ในฐานความผิดละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง

โดยเมื่อ 9 พ.ย.2564 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญช มื้ด ออกคำแถลง มีเนื้อหาดันี้

ดิฉันมีความเสียใจที่ต้องตกเป็นจำเลยในคดีที่เกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ของ ณัฐพล ใจจริง คดีนี้แยกเป็นสองส่วน คือส่วนแรกที่เกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ ซึ่งดิฉันมีบทบาทเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และส่วนที่สองคือหนังสืออันเป็นผลผลิตของวิทยานิพนธ์ ซึ่งดิฉันไม่มีบทบาทใด ๆ ทั้งสิ้น การดำเนินคดีในล่วนแรกเป็นความท้าทายต่อหลักการของเสรีภาพในการแสดงออก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเสรีภาพทางวิชาการ การฟ้องดำเนินคดีดิฉันซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นการละเมิดหลักการทั้งสองและย่อมมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวงการวิซาการในอนาคตด้วย คดีนี้จึงเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาหลักการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งมีหลักการเป็นสากลว่า ผลผลิตของวิทยานิพนธ์ย่อมเป็นความรับผิดชอบของผู้ทำวิทยานิพนธ์นั้น

คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ใช้เวลาตรวจสอบวิทยานิพนธ์แล้วและมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าวิทยานิพนธ์นี้สอบผ่านและเป็นวิทยานิพนธ์ดีมาก ซึ่งเป็นงานวิชาการที่เปิดให้มีการโต้เถียงได้โดยเสรี

หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความเป็นสถาบันวิชาการในระดับสากลก็ควรต้องรับรองหลักการดังกล่าวอันเกิดขึ้นภายในสถาบันของตนด้วย และควรต้องมีบทบาทในการปกป้องดิฉันซึ่งทำหน้าที่อันชอบธรรมตามคำสั่งของมหาวิทยาลัย แต่เป็นที่น่าเสียใจว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้ยอมรับหรือกระทำตามหลักการที่มีความเป็นสากลนี้ และไม่ได้ดำเนินการปกป้องดิฉันในฐนะอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งทำหน้าที่ตามคำสั่งของมหาวิทยาลัยอย่างที่ควร แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกลับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนบทบาทของดิฉันในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาดังกล่าว และในทางตรงกันข้ามดิฉันกลับได้รับการสนับสนุนกำลังใจ ไมตรีจิต และความช่วยเหลือจากอาจารย์อาวุโสของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทน ซึ่งดิฉัน ขอขอบพระคุณ ณ ที่นี้ด้วย

ขณะที่ สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ ระบุว่า

กรณี รศ.ดร. กุลลดา เกษบุญชุ มื้ด ถูกสั่งฟ้องร่วมในกรณีวิทยานิพนธ์ของ ผศ.ดร. ณัฐพล ใจจริง ตามที่ปรากฏว่า ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์"การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)"ซึ่งในเวลาต่อมาได้ตีพิมพ์ลงในหนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ และ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรีว่ามีความผิดฐานละเมิด-บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท รวมถึงฟ้องรศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มื้ด อดีตอาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพันธ์ฉบับดังกล่าว ทว่ามหาวิทยาลัยกลับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยปราศจากการคำนึงถึงหลักการด้านเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งเป็นหลักการที่เคารพกันในระดับสากล

สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงขอแสดงจุดยืนและประณามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ไม่ปกป้องบุคลากรของมหาวิทยาลัย ไม่ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งทำให้มหาวิทยาลัยที่กล่าวอ้างว่าเป็น 'สถาบันการศึกษาชั้นสูง' และระดับ 'สากสโลก' เสื่อมเสียที่ไม่เคารพหลักการอันเป็นสากลดังกล่าว

ทั้งนี้ สโมสรนิสิตฯ ขอเชิญชวนอาจารย์ นิสิต และบุคลากรร่วมให้กำลังใจ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริงและ รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มื้ด ในช่วงระยะเวลานี้ และขอเรียกร้องไปยังมหาวิทยาลัยให้ส่งเสริมเสรีภาพทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพในการอภิปรายหรือถกเถียงเชิงวิชาการ รวมถึงเสรีภาพในการตีพิมพ์และเผยแพร่ผลงานวิจัย/ผลงาน/สื่อสิ่งพิมพ์ให้สามารถกระทำได้โดยปราศจากการคุกคาม

#จุฬาฯต้องปกป้องเสรีภาพและมาตรฐานทางวิชาการ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นิสิตเก่าจุฬาฯ' ตามบี้ 'วิทยานิพนธ์ณัฐพล' อุทธรณ์คำสั่ง ให้จุฬาฯเปิดเผยมติสอบสวน

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก

'อดีตบิ๊กศรภ.' จับผิดอีกจุด 'ขุนศึก ศักดินา กับ ความล้มเหลวของการปฏิวัติ 2475'

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ขุนศึก ศักดินา กับ “ความล้มเหลวของการปฏิวัติ 2475” มีเนื้่อหาดังนี้

'เทพมนตรี' เผยเหตุผู้บริหารจุฬาฯ ไม่กล้าถอดวิทยานิพนธ์-ป.เอก ของณัฐพล ใจจริง

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก กล่าวถึงกรณีสอบสวนวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก "การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)" ของนายณัฐพล ใจจริง จุฬาฯ ว่า