
18 พ.ย. 2565 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “การประชุมเอเปกให้ประโยชน์แต่กลุ่มทุน เปิดให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุน เข้ามาแย่งที่ดินของคนไทย รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ออกนโยบายขายชาติ พลเอกประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปก ขับไล่ประยุทธ์หยุดเอเปก”
ข้อความข้างต้นเป็นเหมือนเสียงนกแก้ว นกขุนทอง ที่พวก 3 นิ้วที่ความคิดถูกครอบงำโดยแกนนำลัทธิชอบนำมาพูด แต่หากถามต่อในรายละเอียด เช่น กลุ่มทุนที่ว่าได้ประโยชน์ ได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง คนที่พูดเช่นนี้ส่วนใหญ่ตอบไม่ได้ การที่บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนซึ่งไม่ต้องประชุมเอเปกก็เข้ามากันอยู่แล้ว มีผลเสียอย่างไรบ้างก็มักตอบไม่ได้ ได้แต่ท่องเป็นนกแก้ว นกขุนทองอยู่อย่างนี้
เห็นข้อเรียกร้องของ กลุ่มราษฎรหยุดเอเปกแล้ว ได้แต่แปลกใจเพราะข้อเรียกร้องมี 3 ข้อคือ
1.ยกเลิก BCG model
2.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ในการลงนามในข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้นกับผู้นำเอเปก
3.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว
เรามาดูกันว่า BCG คืออะไร
BCG model มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
B คือ Bio Economy เศรษฐกิจชีวภาพ หมายถึงการนำเอาเทคโนโลยีชีวภาพระดับสูงหรือ Bio technology มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ
C คือ Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน หมายถึงการนำวัตถุดิบที่เคยเหลือทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เช่นสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ อันเป็นการลดขยะและความสูญเปล่า ทำให้เกิดผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม
G คือ Green Economy เศรษฐกิจสีเขียว หมายถึงการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
ถามว่าโดยหลักการ BCG model มีตรงไหนไม่ดีต่อประเทศ ทำไมต้องยกเลิก ที่อ้างเรื่องจะมีการตัดต่อพันธุกรรม(GMO) แล้วทำให้บริษัทต่างชาติได้ประโยชน์ เป็นคนละเรื่องกัน ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกัน หรือเป็นเพราะเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จึงต้องไม่ดีไว้ก่อน
ข้อเรียกร้องที่ 2 จะไม่ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามในข้อตกลงใดๆเพราะขาดความชอบธรรม ผู้ที่กำหนดข้อเรียกร้องข้อนี้ต้องทราบดีว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ เช่นนั้น จะร้องไปทำไม
ข้อเรียกร้องที่ 3 การยุบสภาอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหลังการประชุมเอเปก หรือหากไม่มีการยุบสภา อีกไม่กี่เดือน สภาก็จะครบวาระอยู่แล้ว อีกไม่นานก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ แล้วจะเรียกร้องให้ยุบสภาไปเพื่ออะไร
จะเห็นว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ เป็นข้อเรียกร้องที่ไร้สาระทั้งสิ้น ดังนั้นดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อหาเรื่องป่วนการประชุมเท่านั้น ไม่ได้หวังผลจากข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อจริงๆ แต่อย่างใด
ในการประชุมระดับโลกเช่นนี้ทุกครั้ง การชุมนุมเรียกร้องในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะเมื่อมีผู้นำชาติต่างๆ มารวมตัวกัน ก็เป็นโอกาสที่จะการแสดงออกให้ผู้นำเหล่านี้ได้เห็นบ้าง แต่เท่าที่ผ่านมาในประเทศอื่นๆ การแสดงออกมักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับส่วนรวม เช่น การลดภาวะโลกร้อน การประท้วงเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้นที่มีการจัดชุมนุมเพื่อป่วน หรือเพื่อทำลายการประชุมระดับโลก เพื่อหวังผลทางการเมือง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อกลุ่ม นปช บุกเข้าทำลายการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา ในช่วงรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน กลุ่มราษฎรหยุดเอเปก ไม่ได้ต้องการให้เกิดผลตามข้อเรียกร้อง แต่ต้องการให้เกิดผลทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อปกป้องประชาธิปไตยอะไรทั้งนั้น แต่ทำเพื่อให้กลุ่มการเมืองบางกลุ่มได้ประโยชน์ โดยทำให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เสียหน้าต่อหน้าผู้นำประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุม ดังนั้นจะไม่แปลกใจเลยหากจะเห็นม็อบยั่วยุเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดการกระทบกระทั่งจะได้เกิดความรุนแรง ตำรวจควบคุมฝูงชนจึงต้องระมัดระวังหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรง และต้องใช้ความอดกลั้นให้มากที่สุด เพราะหากเกิดความรุนแรง จะมีการนำไปขยายผลทันที
หากการประชุมเอเปกไม่สามารถดำเนินต่อได้ เนื่องจากมีความรุนแรงจนรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับการประชุมอาเซียนซัมมิทแล้ว ไม่ใช่เพียงรัฐบาลเท่านั้นที่จะเสียหน้า แต่ประเทศชาติโดยรวมจะเสียหายจนยากที่จะกู้ความมั่นใจของประเทศต่างๆ ให้กลับมาได้
ไม่ว่าจะอย่างไร กลุ่มราษฎรหยุดเอเปกก็คงไม่สนใจ ขอเพียงทำลายรัฐบาลนี้ให้ได้ และกลุ่มการเมืองที่ตัวเองสนับสนุนหรือกลับกัน กลุ่มการเมืองที่สนับสนุนตัวเองได้ประโยชน์ก็พอ
คำถามคือ ควรแล้วหรือที่เราจะฝากอนาคตของประเทศชาติไว้กับคนที่มีความคิดเช่นนี้ หรือเราไม่มีทางเลือกเลยจริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตรองอธิการบดี มธ. สะกิด 'สภาหอการค้า-สภาอุตฯ' หนุน 'นายกฯ' หาตลาดใหม่สู้สหรัฐ
อดีตรองอธิการบดี มธ. ขอเชียร์ให้นายกรัฐมนตรียึดมั่นในความถูกต้อง ไม่ยอมก้มหัวให้ประเทศมหาอำนาจ จัดการกับกัมพูชาให้จบให้ได้ หากทำได้โอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง จะเท่ากับ 100%
2553 จากรัฐบาลที่ถูกบีบด้วยอาวุธ สู่ประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังเลือกจำ
เหตุการณ์ในรั้ว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อกลุ่มนิสิตบางส่วนชูป้ายว่า “สลายการชุมนุม 53 คนสั่งฆ่าอยู่นี่” ระหว่างที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี มาบรรยายพิเศษให้หลักสูตรปริญญาเอกสาขานโยบายสาธารณะ
ดร.สติธร ชี้เวทีอาเซียน-เอเปค คือจุดเปลี่ยนบทบาทไทยบนเวทีโลก ‘อนุทิน’ คืนความเชื่อมั่นประเทศ เดินเกมทูตเชิงรุก ดึงการลงทุน-เสริมความมั่นคงภูมิรัฐศาสตร์
เวทีอาเซียน-เอเปค การเข้าร่วมครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่คือการวางยุทธศาสตร์นำไทยกลับสู่บทบาทแกนกลางของภูมิภาค ท่ามกลางการแข่งขันของมหาอำนาจ พร้อมเสริมความเชื่อมั่นแก่ประชาคมโลกว่า ไทยพร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือบนพื้นฐานสันติภาพ การเติบโตยั่งยืน และเศรษฐกิจอนาคต
ไม่ได้คลั่งรัฐบาลนี้! สื่ออาวุโส ยังขอซูฮก 'อนุทิน' นำไทยกลับคืนจอเรดาร์โลกสำเร็จ
นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า ไม่ได้คลั่งรัฐบาลนี้ แต่สัมผัสได้ว่ารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้นำประเทศไทยกลับสู่เรดาร์ในสายโลกตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐบาล โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วทำให้ประเทศไทยโดดเด่นในยูเอน จากผลพวงของถ้อยแถลงวันนั้น ทำให้ประเทศโดดเด่นในที่ประชุมระดับโลก


