มติเอกฉันท์ 'ปปช.' ตีตกข้อกล่าวหา 'ยิ่งลักษณ์-ครม.' อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาม็อบปี 48-53 มิชอบ

ปล่อยผีครม.ยุคยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหาอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ระบุ ทำชอบด้วยกม.แล้ว นักการเมืองคนดังใน พท.-พปชร.-ชทพ.-ชัชชาติ โล่งหมด

25 พ.ย.2565 - รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติตีตกข้อกล่าวหาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวม 36 ราย กรณีถูกกล่าวหาว่า จ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจและไม่มีกฎหมายรองรับ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 66 และตามประมวลกฎหมายอาญา

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 มี.ค.55 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาและฟื้นฟูเหยื่อและผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง หรือความขัดแย้งทางการเมืองตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 10 ม.ค.55 ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธาน โดยนำหลักการเยียวยาของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธานขึ้นกล่าวอ้าง แต่ได้ยกข้อเสนอขึ้นเพียงบางส่วนและเพิ่มเติมหลักเกณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ คอป. เสนอ และอนุมัติวงเงิน จำนวน 2,000 ล้านบาท ให้มีการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองตั้งแต่ปลายปี 48 จนถึงเดือนพ.ค.ปี 53 รวมผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาครั้งนี้ จำนวน 2,369 ราย ประมาณการวงเงินเยียวยา จำนวน 1,931,530,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาในส่วนของนายสุชาติ ธาดาธํารงเวช เมื่อครั้งดํารงตําแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ นางนลินี ทวีสิน เมื่อครั้งดํารงตําแหน่ง รมต.ประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ เมื่อครั้งดํารงตําแหน่ง รมช.คลัง ว่า ในวันที่ 5 มี.ค.55 นายสุชาติ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม. เนื่องจากมีภารกิจเปิดงานอนาคตการศึกษาไทยที่อิมแพค เมืองทองธานี ส่วนนางนลินี ได้เข้าประชุม ครม.เพียงครึ่งชั่วโมงและกลับบ้าน เพื่อเตรียมเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ขณะที่นายวิรุฬ หลังจากผ่านวาระของกระทรวงการคลังแล้ว ได้รีบออกจากห้องประชุม ครม. เพื่อประชุมร่วมกับคณะกรรมการกําหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ได้นัดไว้ จึงไม่ปรากฏพยานหลักฐานได้กระทําการอันมีมูลตามข้อกล่าวหา จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียงให้ข้อกล่าวหาตกไป

ขณะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้พิจารณาในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรีที่เหลืออีกรวม 30 รายว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามสิบราย จะได้ร่วมลงมติในวันดังกล่าว แต่เป็นการทําหน้าที่ในฐานะองค์กรบริหารหรือครม. ซึ่งเป็นการกระทําตามอํานาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 174 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แต่ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามสิบรายได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีหรือ ครม.ให้มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รับผิดชอบในการดําเนินการเกี่ยวกับการเยียวยาครั้งนี้ เนื่องจากมีการมอบหมายและแต่งตั้งคณะบุคคลขึ้นมาดำเนินการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองไว้เป็นการเฉพาะ ได้แก่ ปคอป. คณะอนุกรรมการด้านเยียวยาทางแพ่ง และการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น และคณะทํางานช่วยเหลือ เยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม ฉะนั้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามสิบรายมิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายให้นํานโยบายเกี่ยวกับการเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ.2558 - 2553 ตามที่ ครม.มีมติไปปฏิบัติ ให้บรรลุผล ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่มีอํานาจหน้าที่ ไม่อาจกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาตามที่ถูกกล่าวหาได้ กรณีไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้กระทําการอันมีมูลตามข้อกล่าวหา ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง ให้ข้อกล่าวหาตกไป

คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้พิจารณาในส่วนของนายยงยุทธ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดํารงตําแหน่ง รมว.คลัง โดยที่ประชุมเห็นว่า จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า การจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ.2558 - 2553 เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ ครม.ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่าจะเยียวยาและฟื้นฟูแก่บุคคล ทุกฝ่ายซึ่งได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากความเห็นที่แตกต่าง สอดรับกับความเห็นของ คอป. ที่เสนอให้ใช้มาตรการพิเศษที่ไม่ยึดติด อยู่กับสิทธิที่มีอยู่ตามกรอบของกฎหมายและแนวปฏิบัติของหน่วยงานและองค์กรที่ดําเนินการในกรณีปกติ ซึ่งนายยงยุทธมีบทบาทเป็นผู้เสนอหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ด้านการเงินต่อครม. ส่วนการกระทําของนายกิตติรัตน์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสํานักงบประมาณและ กระทรวงการคลัง มีบทบาทที่ต้องบังคับบัญชาข้าราชการหน่วยงานทั้งสองแห่งให้ต้องดําเนินการเสนอเรื่อง จ่ายเงินเยียวยาต่อ ครม. จึงเป็นการกระทําอันเป็นผลโดยตรงมาจากนโยบายที่ครม.ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องทางรัฐประศาสโนบาย หรือเป็นการกระทําในทางการเมือง ซึ่งอยู่ในอํานาจของครม.ที่จะกระทําได้สอดคล้องกับคําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 87/2557 ฉะนั้น การกระทําของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองรายจึงหาใช่ เป็นการกระทําโดยพลการหรืออําเภอใจ กรณีไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้กระทําการอันมีมูล ตามข้อกล่าวหา จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้พิจารณาในส่วนนายปกรณ์ พันธุ เมื่อครั้งดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการ และในฐานะประธานคณะทํางานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง ว่า นายปกรณ์ มีหน้าที่ในดําเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับ ผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินจาก เหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง พ.ศ.2548 - 2553 และเป็นการปฏิบัติตามมติครม.ให้นโยบาย กรณีนี้ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้กระทําการอันมีมูลตามข้อกล่าวหา ให้ข้อกล่าวหาตกไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด มีดังนี้ 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 2.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และในฐานะประธาน ปคอป. 3.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี 4.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง 5.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี 6.นายชุมพล ศิลปอาชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา 7.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 8.นางนลินี ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 9.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 10.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม

11.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.คลัง 12.นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.คลัง 13.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ 14.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 15.นายธีระ วงศ์สมุทร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.เกษตรและสหกรณ์ 16.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ 17.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม18.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมช.คมนาคม 19.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมช.คมนาคม 20.นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

21.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 22.นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.พลังงาน 23.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ 24.นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ 25.นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมช.มหาดไทย 26.นายฐานิสร์ เทียนทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมช.มหาดไทย 27.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.ยุติธรรม 28.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.แรงงาน 29.นางสุกุมล คุณปลื้ม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรม 30.นายปลอดประสพ สุรัสวดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

31.นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ 32.นายศักดา คงเพชร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ 33.นายวิทยา บุรณศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข 34.นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมช.สาธารณสุข 35.หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม และ36.นายปกรณ์ พันธุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จำคุกคนละ 18 ปี 24 เดือน อดีตผอ.-รองผอ.สามเสนวิทยาลัย เบียดบังเงินแป๊ะเจี๊ยะ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ถนนเลียบรางรถไฟ ศาลกลางอ่านคำพิพากษา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นโจทก์ฟ้องนายวิโรฒ สำรวล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย

'เศรษฐา' ยืนยันไม่มีการกดดันฝ่ายใด หลัง 'บิ๊กโจ๊ก' ถอนเรื่องเอาผิดแต่งตั้งผบ.ตร.

จากกรณีที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาเปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งตัวแทนยื่นหนังสือถอนเรื่องที่ยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน

'บิ๊กโจ๊ก' ถอย! ดอดยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด 'เศรษฐา' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้งผบ.ตร.

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่23เม.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้ส่งตัวแทนมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อขอถอนเรื่องที่ยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน

กรมคุกตอบ 5 ประเด็น ปม 'หมอวรงค์' ร้อง ป.ป.ช.เอาผิดช่วย 'ทักษิณ' ป่วยทิพย์

กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสารชี้แจงโดยระบุว่า วันจันทร์ที่ 22 เม.ย. 2567 ตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าวนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส่งข้อมูลผู้ตรวจฯ ยื่นคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ​ (ป.ป.ช.)​ ในการช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องติดคุก โดยมีประเด็นต่างๆ เพื่อเรียกร้องคำตอบให้กับสังคม นั้น

'เศรษฐา' ไม่กังวล 'บิ๊กโจ๊ก' ยื่นป.ป.ช.สอบแต่งตั้ง 'ต่อศักดิ์' เป็นผบ.ตร. สงสัยทำไมเพิ่งมาร้อง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เอาผิดนายกฯกรณีละเว้นปฎิบัติหรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

'ประวิตร' ยันไม่รู้จัก 'สุชาติ' กรรมการป.ป.ช. เป็นการส่วนตัว หลังโดนบิ๊กโจ๊กโยนระเบิดใส่

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธไม่ทราบกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารคัดค้านการปฏิบัติหน้ากรรมการป.ป.ช. และขอให้ตรวจสอบพ