เปิดปฐมบทแห่งจุดจบ 'ทอน-บูด-ช่อ' หลังโดนข้อหา ม.116 หมากพิฆาตของพุทธะอิสระ

1 ธ.ค.2565 - ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ปฐมบทแห่งจุดจบของแก๊งสามคน (Gang of Three) แห่งขบวนการล้มเจ้า "คงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้สินะ ทอน บุด ช่อ"

ธนาธร ปิยบุตร และพรรณิการ์ คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ตนเองโดนฟ้องข้อหาว่าล้มล้างการปกครองตาม ม.116 ... คือร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

นี่เป็นข้อหาที่ร้ายแรงมาก อย่างชนิดที่การโดนข้อหา ม.112 ดูกลายเป็นเรื่องเด็กๆไปเลย

ปิยบุตรเคยกล่าวในตอนที่ไปรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อ 5 พ.ย. 63 ว่า สาเหตุที่ตนเองถูกดำเนินคดี เนื่องจากนายสุวิทย์ (อดีตหลวงปู่พุทธอิสระ) อ้างถึงการกระทำหลายอย่างที่มองว่าเข้าข่ายมาตรา 116 ตั้งแต่บทความเก่า หนังสือ และการบรรยายในห้องเรียน สมัยที่ตนเองยังเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการไลฟ์เฟซบุ๊กว่าด้วยเรื่องการนำข้อเรียกร้อง 3 ข้อของผู้ชุมนุม มาพูดคุยในคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์

ส่วนธนาธรและพรรณิการ์ที่ถูกกล่าวหาด้วยข้อหา ม.116 เช่นกัน ก็อ้างอิงถึงการบรรยายเรื่องงบประมาณของสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ในการดำเนินคดี ซึ่งตนเองมองว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นเรื่องเก่านานกว่า 10 ปี แต่ถูกนำมาโยงเข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการอภิปรายด้วยความปรารถนาดี เพื่อหาทางออก แต่กลับถูกมองว่าเป็นความผิดในสายตาของนายสุวิทย์ทั้งหมด และยังไม่เป็นคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย เพราะต้องนำเรื่องนี้ไปต่อสู้ในชั้นศาล ...

ฝ่ายแก๊งสามคนจะมอง จะอ้างแบบเอาสีข้างเข้าถูยังไงก็ตามใจ แต่ความจริงก็คือว่า นี่เป็น "หมากพิฆาต" ของหลวงปู่พุทธะอิสระอย่างแท้จริง ที่ได้วางหมากพิฆาตหมากนี้ไว้ล่วงหน้าถึงสองปีกว่าราวกับหลวงปู่ท่านมีญานทิพย์หยั่งรู้ล่วงหน้าก็ไม่ปาน

เพราะใครจะรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญในอีก 1 ปีต่อมา (10 พ.ย.64) ได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการฝ่าฝืน ม.49 ของรัฐธรรมนูญปี 60 เกี่ยวกับคำปราศรัยของ อานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก(ไมค์ ระยอง) และ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ในการชุมนุมของกลุ่มธรรมศาสตร์ไม่ทน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63

สาระสำคัญของการวินิจฉัยคือ การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จำนวน 10 ข้อ เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 49 หรือไม่

พูดภาษาชาวบ้านคือคนพวกนี้อาศัยข้ออ้างเสรีภาพเสนอการปฏิรูปที่ไม่ใช่ปฏิรูป หากแต่เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่างหาก

โดยที่ศาลได้ให้เหตุผลในคำวินิจฉัยว่า ... เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริต ละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครองตามที่บัญญัติไว้ใน ม.49

แล้วมันไปเกี่ยวข้องแก๊งสามคน ที่ตอนนี้เปลี่ยนโฉมหน้าล่าสุดเป็นสามแกนนำคณะก้าวหน้าตรงที่ใด?

คำตอบง่ายๆก็คือ บุคคล เช่น อานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก(ไมค์ ระยอง) และ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ทั้งสามคนนี้มีสติปัญญาที่จะเสนอข้อเรียกร้องเพื่อปฏิรูปสถาบันทั้ง 10 นี้ขึ้นมาเองหรือไม่ ?

ถ้าดูจากคลิปถ่ายทอดการปราศรัยของรุ้งและคำสัมภาษณ์ในภายหลัง

รุ้งปราศรัยโดยอ่านจากข้อความในมือถือมิใช่หรือ?

แล้วใครเป็นคนส่งป้อนข้อมูลให้รุ้งขึ้นไปอ่านบนเวทีนั้น?

อีกทั้งการประพฤติปฏิบัติของแกนนำคณะก้าวหน้าทั้ง 3 คนที่ผ่านมา ก็แสดงออกถึงการเป็น “ศาสดา” ของ “ลัทธิตาสว่าง”และของขบวนการล้มเจ้า ใช่หรือไม่?

คนพวกนี้ต่างพร่ำพูดจนน้ำลายแตกฟองอยู่เสมอไม่ขาดปากมิใช่หรือว่า "ปฏิรูปไม่ใช่ล้มเจ้า" โดยอ้างว่าพวกตนพูดความจริงเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองไม่ใช่จาบจ้วง ใครไม่เชื่อไปถาม เจี๊ยบ “เตี้ยหลังม๊อบ” ดูได้

แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏล้วนชี้ไปทางที่ว่า ...พวกคุณแบ่งงานกันทำในลักษณะเป็นขบวนการเดียวกัน เพราะมีเจตนาเดียวกันตั้งแต่แรกใช่หรือไม่?

รุ้งและพวกก็มีพฤติกรรมกระทำผิดซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยมิได้ยำเกรงกฎหมาย แถมมีการใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จและมีลักษณะของการก่อให้เกิดความวุ่นวาย อีกทั้งยังใช้ความรุนแรงในการชุมนุมเรียกร้อง

แล้วใครละที่เป็นคนไปเป็นนายประกันให้คนพวกนี้? การเสนอให้มีการยกเลิกกฎหมาย เช่น ม.112 หรือ ม.6 ของรัฐธรรมนูญที่ห้ามผู้ใดล่วงละเมิด หมิ่นประมาท . . . ซึ่งจะส่งผลให้สถาบันกษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะที่ควรเคารพสักการะอีกต่อไป อันจะนำไปสู่ การสร้างความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน

แบบนี้เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐตาม ม.116 ที่ถูกฟ้อง ใช่หรือไม่?

"แก๊งสามคนเอ๋ย จุดจบจริงๆของพวกคุณทั้งสามมันเริ่มต้นนับถอยหลังแล้วตั้งแต่วันนี้

พวกเราคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่คิดโน้มน้าวพวกคุณให้กลับใจหรอก

เพราะพวกเราทราบดีว่าวิธีเดียวที่จะสามารถหยุดพวกคุณได้ คือคุก หรือกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น! ..."

ชวินทร์ ลีนะบรรจง และ สุวินัย ภรณวลัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักวิชาการ' ชงคัมภีร์การตัดสินใจในภาวะวิกฤต ทดสอบภาวะผู้นำ เมื่อหาดใหญ่จมน้ำ 7 เมตร

รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ คัมภีร์การตัดสินใจไร้รอยในภาวะวิกฤต ทดสอบภาวะผู้นำ : เมื่อหาดใหญ่จมน้ำ 7 เมตร มีเนื้่อหาดังนี้

กัดกันเหวอะหวะ! เพื่อไทยย้อนพรรคส้ม งัดภาพ ‘ชัยธวัช’ ดอดพบพุทธะอิสระ

กองเชียร์พรรคเพื่อไทยเปิดเกมโต้กลับพรรคประชาชน หลังถูกเหน็บกรณีคณะผู้บริหารร่วมอวยพรวันเกิด “สนธิ ลิ้มทองกุล” งัดภาพเก่า “ชัยธวัช-เลขาฯพรรคก้าวไกล‘ เข้าพบ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” พร้อมข้อความย้ำเป็นแค่มารยาททางการเมือง ไม่ได้ยกใครขึ้นเป็นศาสดา

ถอดรหัสโมเดลเนปาล เมื่อไม่มีสถาบันกษัตริย์ กองทัพไร้บทบาท บ้านเมืองอยู่ในมือนักการเมือง

รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ถอดรหัสโมเดลเนปาล: เมื่อไม่มีสถาบันกษัตริย์ กองทัพไร้บทบาท บ้านเมืองอยู่ในเงื้อมมือนักการเมือง 100% แล้วเกิดอะไรขึ้น? มีเนื้อหาดังนี้

'ปิยบุตร' ปลุกประชาชนสำแดงฤทธิ์เดช เป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ

'ปิยบุตร' มอง คำวินิจฉัย ปมประชามติวันนี้ เหมือน 'ศาล รธน.' คือผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเสียเอง ชี้ บังคับให้เดินตามกรอบ-เงื่อนไขจำนวนมาก จนเป็นแค่ส่วนต่อขยาย หรือส่วนแก้ไขภายใต้บ้านของ ฉบับ 60 ลั่น รธน.ใหม่ของแท้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ คำตอบอยู่ในสายลม

'พี่ศรี' ยื่น กกต. สอบ 'ทักษิณ-ธนาธร' ดีลโหวตนายกฯเพื่อไทย เข้าข่ายครอบงำพรรค

“ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.สอบ เพื่อไทย-ปชน. ปม “ธนาธร-ทักษิณ” ดีลโหวตหนุน “นายกฯจากเพื่อไทย” ตั้งรัฐบาล ขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง ยอมให้ครอบงำ ชี้นำ

'ทักษิณ-เนวิน-ธนาธร' ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ประจาน 'อนุรักษ์นิยมก้าวหน้าถอยหลัง'

นายวีระ สุดสังข์ หรือ "ฟอน ฝ้าฟาง" ศิลปินมรดกอีสาน ปี 2558 อดีตครูสอนภาษาไทย นักเขียนอิสระ ผู้ก่อตั้งกลุ่มวรรณกรรมลำน้ำมูลและสโมสรนักเขียนภาคอีสาน โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า หัวข้อ อนุรักษ์นิยมก้าวหน้าถอยหลัง มีเนื้อหาดังนี้