19 พ.ย.2564 - เมื่อเวลา 13.20 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ได้ยื่นฟ้องนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์, นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์, นายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ แกนนำม็อบคณะราษฎร เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือ แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มาตรา 112
ร่วมกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 116, ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุม, ร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมฯ, ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร กรณีจัดการชุมนุมและปราศรัยเกี่ยวกับ "การโอนย้ายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ที่หน้าสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ถ.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 24-25 พ.ย. 2563
ทั้งนี้ ศาลได้ประทับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2887 /2564 จากนั้นศาลได้อธิบายคำฟ้องและสอบคำให้การแล้วจำเลยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ศาลจะได้นัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป
นอกจากนี้แล้ว พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ยังได้ยื่นฟ้องประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา, นายชินวัตร จันทร์กระจ่างหรือ ไบรท์, นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, น.ส.วรรณวลี เอมจิตต์ หรือ ตี้ พะเยา, นายพงศธรณ์ ตันเจริญ, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือ ฟ้า และ นายณวรรษ เลี่ยงวัฒนา แกนนำม็อบคณะราษฎร เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112
กรณีชุมนุมขึ้นปราศรัย หัวข้อ "คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และ บ้านพักประยุทธ์" บริเวณห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 1-3 ธ.ค. 2563
โดยนายพรหมศร หรือ ฟ้า กล่าวว่า วันนี้อัยการได้ส่งฟ้องคดี 112 ที่บริเวณหน้า SCB และห้าแยกลาดพร้าว ทั้งหมดนี้ก็อยู่ที่ตามดุลพินิจของศาลว่าประเทศเรายังมีความยุติธรรม และจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ การที่พวกเราออกมาชุมนุมเป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม ส่วนในกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้นการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยชอบธรรมหรือไม่ การที่เราออกมาชุมนุมก็เพื่อสอบถามว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปถูกต้องหรือไม่ เราทำตามกฎรัฐธรรมนูญทุกอย่าง
ขณะเดียวกัน น.ส.วรรณวลี หรือ ตี้ พะเยา กล่าวว่า วันนี้เรามาจับตาดูกันว่าสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศกล่าวอ้างในเวทีโลกเรื่องการประกันตัว จะเป็นความจริงไหม สิ่งที่พวกเราโดนกันในวันนี้ เป็นการกล่าวอ้างเกินความจริง จึงอยากให้กระบวนการยุติธรรมให้ความยุติธรรมกับทั้งคนเสื้อแดงในอดีตและคนที่โดนความผิด มาตรา 112 ในตอนนี้ด้วย
ทั้งนี้ ศาลได้ประทับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2888/2564 และจะได้นัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป
ต่อมาทนายความยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่อนุญาตให้ประกัน นายอานนท์ จำเลยที่ 1 นายพริษฐ์ จำเลยที่ 2 นายภานุพงศ์ จำเลยที่ 4 น.ส.ปนัสยา จำเลยที่ 5 พิเคราะห์แล้วเห็นว่าร้ายแรงประกอบกับจำเลย ถูกดำเนินคดีที่ศาลนี้หลายคดี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าจะก่ออันตรายประการอื่น หรือหลบหนีคดี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
ส่วนนายชินวัตรจำเลยที่ 3 พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 3 ระหว่างพิจารณา ตีราคาประกัน 2 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยที่ 3 กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหาซ้ำอีก หรือไปร่วมกิจกรรมที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ห้ามจำเลยที่ 3 เดินทางออกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลและให้มาศาลตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด และก่อนปล่อยตัวให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ
ขณะที่ น.ส.จิรฐิตา จำเลยที่ 6 นายคริษฐ์ จำเลยที่ 7 นั้น ศาลพิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณา ตีราคาประกัน 1 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามมิให้กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหาซ้ำอีก หรือไปร่วมกิจกรรมที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ห้ามเดินทางออกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนถญานจากศาลและให้มาศาลตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด และก่อนปล่อยตัวให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ
ส่วนคดีชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว คดีหมายเลขดำ อ.2888/2664 ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์และความหนักเบาแห่งคดีในส่วนของ นายอานนท์ จำเลยที่ 1, นายภานุพงศ์ จำเลยที่ 3 แล้ว เห็นว่าร้ายแรงประกอบกับจำเลยที่ 1, 3 ถูกดำเนินคดีที่ศาลนี้หลายคดี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าจะก่ออันตรายประการอื่น หรือหลบหนีคดี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
ส่วนนายชินวัตร จำเลยที่ 2 พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณา ตีราคาประกัน 2 แสนบาท โดยมีเงื่อนไข ห้ามมิให้จำเลยที่ 2 กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหาซ้ำอีก หรือไปร่วมกิจกรรมที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ห้ามจำเลยที่ 2 เดินทางออกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลและให้มาศาลตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด และก่อนปล่อยตัว ให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ
ขณะที่ น.ส.วรรณวลี จำเลยที่ 4 พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 4 ระหว่างพิจารณา ตีราคาประกัน 1 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยที่ 4 กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหาซ้ำอีก หรือไปร่วมกิจกรรมที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ห้ามจำเลยที่ 4 เดินทางออกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนถญานจากศาลและให้มาศาลตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด และก่อนปล่อยตัวให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ เช่นเดียวกับ นายพงศธรณ์ จำเลยที่ 5, นายพรหมศร จำเลยที่ 6 และ นายณวรรษ จำเลยที่ 7
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พูดแบบนี้ได้ยังไง! อดีตลูกจ้างวอยซ์ ลั่นไม่เห็นใจทักษิณ หลังคดี 112 ถูกอุทธรณ์
อินฟลูเอนเซอร์สายการเมือง และอดีตพิธีกรข่าววอยซ์ทีวีของตระกูลชินวัตร แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อออนไลน์ หลังอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ข
โฆษกอัยการ เเจงกรณีขอขยายอุทธรณ์คดี 112 'ทักษิณ'
นายเสวต อภัยรัตน์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดี มาตรา 112 และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ฯ นาย
อุทธรณ์แก้โทษจำคุกเหลือ 2 ปี แก๊งชิงตัวเพนกวิน-ไมค์ หน้าเรือนจำ
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ 420/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์
ตุลาการภิวัฒน์ นิติสงคราม: จาก 'นั่งลงลูก' ถึงคำพิพากษาที่สังคมตัดสินซ้ำ!
ศาลเคยถูกมองว่าเป็น ตุลาการภิวัฒน์ เมื่อคำพิพากษาพ้องใจกับฝ่ายหนึ่ง และถูกมองว่าเป็น นิติสงคราม เมื่อไม่ตรงใจกับอีกฝ่าย กระทั่งถ้อยคำสั้น ๆ ที่กลุ่มหนึ่งยืนยันว่าได้ยินว่า “นั่งลงลูก” ขณะที่อีกกลุ่มบอกว่า “นั่งลงครับ” ก็ยังถูกขยายเป็นชนวนความระแวง ที่ทำให้ทุกคำพิพากษาไม่เคยหยุดอยู่แค่บัลลังก์ หากยังถูกสังคมตัดสินซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉับไว 'พิกุลทอง' ขอบคุณศาลยกฟ้องคดี 112 ท่านทักษิณ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยโพสต์เฟซบุ๊กว่า ขอบคุ
เตือน 'ทักษิณ' รอด 1 คดี ไม่ได้แปลว่ารอดหมด!
อดีต สส.นครศรีธรรมราช วิเคราะห์หลังศาลยกฟ้องคดี ม.112 ของทักษิณ ระบุอย่าดีใจกันเกินไป ยังเหลืออีก 2 คดีใหญ่ ทั้ง “แพทองธาร” เสี่ยงหลุดเก้าอี้ และคดีชั้น 14 ลุ้นคำสั่งศาลฎีก


