
14 มี.ค.2566- นายอัษฎางค์ ยมนาค โพสต์เฟซบุ๊หกเอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค หัวข้อ อะไรบ้างที่สร้างความเป็นธนาธร? ธนาธรเดอะซีรี่ย์ ตอนที่ 2 “ปอกเปลือกธนาธร”
…………………………………………………………………
ธนาธนาและพานทองแท้ ชินวัตร เรียนเตรียมอุดมศึกษามาด้วยกัน พานทองแท้เป็นรุ่นพี่ธนาธรปีหนึ่ง หลังจากจบเตรียมอุดมก็ไปเรียนต่อธรรมศาสตร์ด้วยกัน เป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนกินเหล้าด้วยกัน
ข้อความต่อไปนี้จากปากของธนาธร….
ผมเป็นเด็กเที่ยว แล้วก็ขับรถเร็ว ด้วยความที่เราก็วัยรุ่น ชอบขับรถแข่ง ชอบแต่งรถ ตอนนั้นคิดเพียงว่าเป็นวิศวกรน่าจะดี ก็เลยเลือกเรียนวิศวะเครื่องกล แต่ในที่สุดก็แทบจะไม่ได้เข้าเรียนเลย
ตอนผมเด็กๆ ผมเลือกฟังแต่เพลงของคาราบาว เพลงของคาราวานนะ รู้สึกอินกว่าเพลงวัยรุ่น ถึงจะเป็นเด็กเที่ยวแต่ผมคิดว่าสำนึกทางการเมืองผมมีอยู่แล้ว
เพียงแต่ไม่เจอคนไม่เจอพรรคพวกไม่เจอช่องทางให้ผมไปทำกิจกรรม จนกระทั่งเมื่อผมสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม. ธรรมศาสตร์ได้ ผมมีโอกาสได้ไปค่าย ไปเข้าค่าย ๒ ครั้ง เพื่อนที่ไปด้วยกันก็มาชวนว่า เรามาทำกิจกรรมด้วยกันไหม
ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันโดนนะ มันเป็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกอยากเข้ามาทำ เราก็ได้ร่วมทีมกับเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งลงสมัคร อมธ. (องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ตัวผมเองได้รับเลือกเป็นอุปนายก อมธ. ปี ๒๕๔๒
หลังจากเข้ามาทำกิจกรรมผมก็พบว่า ผมมีความรู้สึกอยากเห็นสังคมดีงาม ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกท้อแท้กับการศึกษา ไม่อยากเรียนแล้ว รู้สึกว่าการศึกษามันเหลวแหลก เชื่อว่าความรู้เป็นเรื่องจริง ปริญญาเป็นสิ่งหลอกลวง
ไม่จำเป็นต้องมีปริญญาก็มีความรู้ได้ เป็นความรู้ที่เราสามารถแสวงหาเอง ไม่ต้องไปเรียนกับอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ได้ สรุปแล้วเรารู้สึกว่าการศึกษามันรับใช้กลุ่มคนเพียงบางกลุ่ม วันนั้นก็ปฏิเสธการศึกษา
…………………………………………………………………
ตอนนั้นปี ๒๕๔๓ สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ชาวบ้านมาชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล คืนนั้นเป็นวันมาฆบูชา หลังจากที่ชาวบ้านเดินเวียนเทียนที่วัดเบญจมบพิตร พอกลับมาที่ชุมนุม ชาวบ้านก็วิ่งไปเอาบันไดพาดปีนกำแพงเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ
คืนนั้นชาวบ้านส่วนหนึ่งอยู่ข้างใน อีกส่วนชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบ พอเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเรานักศึกษาก็เอาข้าวเอาน้ำไปส่ง และจะข้ามไปสมทบ เพื่อนผมก็กำลังปีนรั้ว
ท้ายที่สุดเข้าใจว่ามีคำสั่งลงมาให้ตำรวจสลายการชุมนุม ผมอยู่แถวหน้ากับเยาวชนกลุ่มปากมูล ก็โดนตีเข้าที่ขา ขยับไม่ได้เลย
ผมกับน้องเยาวชนเราล้มอยู่ด้วยกัน แล้วแนวรั้วเหล็กกั้นมันหล่นลงมาทับเราสองคน ตำรวจก็เหยียบขึ้นมาบนเหล็กแล้วก็ตี ตอนนั้นโชคดีที่ไม่ถูกจับ ถ้าถูกจับคงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะวันนั้นบังเอิญตอนที่เรานั่งชุมนุมกันอยู่ ช่างภาพก็ไปถ่ายภาพ ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นแม่เห็นรูปผมในหนังสือพิมพ์
…………………………………………………………………
ท่านก็ส่งคนเข้ามาตามหาผมทั่วม็อบ พอกลับบ้านเราก็ทะเลาะกัน ช่วงนั้นผมกับคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันบ่อยมากเรื่องว่าผมจะใช้ชีวิตยังไง
จนเรารู้สึกว่าเราจะมีชีวิตต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ ต้องทะเลาะต่อไปเรื่อยๆ หรือ ไม่เฉพาะกับคุณพ่อคุณแม่ เวลาเจอใครในครอบครัวก็โดนเขาถากถางตลอด ว่าเป็นพวกโน้น ไม่ใช่พวกเรา ถากถางบ้าง ต่อว่าบ้าง บอกให้กลับใจบ้าง บางคนก็ว่าโดนเขาหลอกไม่รู้ตัว ต่างชาติซื้อแกนนำไปหมดแล้ว ให้มาก่อความวุ่นวาย แล้วก็เอานักศึกษาโง่ๆ อย่างเราไปทำงาน
…………………………………………………………………
เราก็โดนอย่างนี้มาตลอด โดยเฉพาะกรณีโครงการก่อสร้างท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ทะเลาะกับคุณอา (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) บ่อยมาก
เพราะตอนนั้นคุณอาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปรกติผมกับคุณอาไม่ค่อยเจอกัน จะเจอกันตามงานครอบครัว งานเช็งเม้ง ไหว้อากง เจอกันทีไรก็ทะเลาะกันทุกที เวลานั้นมีการจัดประชาพิจารณ์ท่อก๊าซและชาวบ้านต่อต้านด้วย เราก็ทะเลาะกันตลอด
…………………………………………………………………
คณะวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ ที่ผมเรียนนั้น ตามหลักสูตรต้องเรียนที่เมืองไทย ๒ ปี และอีก ๒ ปีกว่าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม ประเทศอังกฤษ
ผมบอกแม่ว่าผมไม่ไปแล้วนะ ผมจะอยู่ที่นี่ เพราะตอนนั้นหลังจากทำ อมธ. ผมก็ไปทำกิจกรรมร่วมกับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ได้รับเลือกเป็นรองเลขาธิการ สนนท. ปี ๒๕๔๓
ตอนนั้นก็รู้สึกว่ามีพันธสัญญาร่วมกันกับเพื่อนอยู่ ผมก็ต่อรองแม่ว่าผมขอทำงาน สนนท. จนจบวาระนี้ก่อน ปีหน้าค่อยไป พอคุณแม่รู้ก็เสียใจ ผมก็ทะเลาะกับคุณพ่อคุณแม่ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่รักแม่มาก ไม่อยากให้แม่เสียใจ ไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้
สุดท้ายผมอยู่ในวาระได้ครึ่งเทอมก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่อังกฤษ คืนก่อนไปเรานั่งร้องไห้กับเพื่อนๆ สักพักพรรคพวกโทรศัพท์มาบอกว่าทหารจะเข้าไปไล่ที่เผาสลัม
…………………………………………………………………
ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ เรานั่งกินเหล้ากันอยู่ที่พัทยาก็รีบกลับมาตอนเช้า ก่อนจะไปอังกฤษผมยังไปนั่งอยู่ที่สลัมเลย ไปพูดคุยไปช่วยเหลือชาวบ้าน พอตกเย็นวันนั้นก็บินไปอังกฤษ
พอไปอยู่อังกฤษผมก็ไม่ได้เรียนเหมือนเดิมนะ ผมจบมาได้เพราะการเรียนที่อังกฤษมันค่อนข้างง่าย สามารถอ่านเองได้
ผมก็ไม่เคยเข้าเรียน แต่ผมอ่านหนังสือเยอะมาก ตอนผมอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ผมอ่านหนังสือแนวแสวงหา ฉันจึงมาหาความหมาย ของ วิทยากร เชียงกูล หนังสือของ ติช นัท ฮันห์ ศุ บุญเลี้ยง อะไรประมาณนั้น แต่พอไปอยู่อังกฤษ ผมเริ่มอ่านแนวเศรษฐศาสตร์การเมือง ผมอ่านงานของเลนินชิ้นแรกตอนผมอยู่อังกฤษ
ผมเริ่มอ่านงานของมาร์กซ์ของเลนินตอนอยู่ที่อังกฤษ แล้วตอนอยู่ที่โน่นผมยังไปสมัครเข้ากลุ่มที่อาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์ เคยอยู่มาก่อน คือ SWP-Socialist Worker Party เป็นองค์กรจัดตั้งใหญ่ องค์กรจัดตั้งระดับนักศึกษาเรียกว่า SWSS-Socialist Worker Student Society เป็นชมรมที่ค่อนข้างซ้ายซึ่งมีอยู่ชมรมเดียวในอังกฤษ
ผมก็ไปเข้าชมรมนี้ ร่วมทำกิจกรรมกับพวกเขา รณรงค์แจกแผ่นพับ จัดงานวันเมย์เดย์ ฯลฯ ก็เป็นประสบการณ์อีกด้านหนึ่งที่ได้เรียนรู้
ที่มา: (เข้าใจว่า) เป็นบทสัมภาษณ์ในนิตยสารสารคดี
…………………………………………………………………
เห็นมั้ยว่าธนาธรไปโรงเรียน(มหา’ลัย)แต่ไม่เรียน
เห็นความสนใจของธนาธรกับกลุ่มคนซ้ายจัดมั้ย
เห็นความสัมพันธ์ของธนาธรกับกลุ่มคนฝ่ายนั้นมั้ย
เห็นแนวทางการเมืองที่ธนาธรฝักใฝ่มั้ย
เห็นสิ่งที่สร้างธนาธรมั้ย
ผมเดาว่า พ่อของธนาธร ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของธนาธร และถ้าพ่อยังอยู่ เขาอาจถูกพ่อขวางไม่ให้ก้าวเข้ามาบนเส้นทางการเมืองแบบนี้ หรือไม่ก็ต้องแตกหักกับพ่อ
แต่พ่อไม่อยู่แล้ว และความผูกพันรักใคร่ของแม่ลูก ทำให้แม่ตามใจลูกมากกว่าพ่อ
ธนาธรจึงก้าวออกจากอาณาจักรธุรกิจทุนนิยมที่เขาไม่นิยม เพื่อสร้างสังคมนิยมที่เขานิยม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน
ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม
'ธนาธร' กล้าพูด หาก 'พิธา' เป็นนายกฯ สถานการณ์ชายแดนจะไม่มาถึงจุดนี้เด็ดขาด
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในกิจกรรม “ปิกนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจขอไปต่อด้วยกัน”
การเรียนประวัติศาสตร์ สำคัญต่อเรื่องการเมือง-นโยบายหรือไม่ 'เอ็ดดี้' มีคำตอบ
ไม่มีชาติใดกำหนดอนาคตได้ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาจากไหน ประเทศที่มองอดีตไม่ออก จะถูกครอบงำโดยผู้นำที่อ้างประวัติศาสตร์ผิดๆ
อัษฎางค์ ชี้สหรัฐใช้อำนาจเหนือความยุติธรรม ใช้การค้ากดดันไทย
นายอัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอนเซอร์การเมืองชื่อดังฝ่ายอนุรักษ์นิยม โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่บทความเรื่อง “วันนี้ผมหยุดสงครามไม่ได้ด้วยกำแพงภาษี” นี่คือจิตวิญญาณของนโยบาย “American first”
‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์’ มองต่างวาทกรรม ‘อนุทินขายชาติ’ ชี้ปัญหาชายแดนไม่มีรัฐบาลไหนปิดจบ
นายอัษฎางค์ ยมนาค ผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์”
'อัษฎางค์' ลากไส้ส.ส.ส้ม กี่ครั้งแล้วที่ทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมทางการเมือง
เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความว่า กี่ครั้งแล้วที่พรรคประชาชนทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมทางการเมืองเช่นนี้

