อาจารย์ มธ.ฟันธง 'บิ๊กตู่' ไม่วางมือทางการเมืองแน่!

อาจารย์ธรรมศาสตร์เชื่อ 'บิ๊กตู่' ไม่วางมือทางการเมืองแน่ๆ ตราบใดที่ยังมีการแก้ไขมาตรา 112 และโจมตีกองทัพ เพราะเขามีหัวใจสีม่วง ที่สำคัญอยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี

01 มิ.ย.2566 - รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์รูปและเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในสหัวข้อ “บิ๊กตู่สู้ต่อ ไม่วางมือทางการเมือง!” ระบุว่า แม้จะมีความเสี่ยงทั้งเรื่องดีลข้ามขั้ว หุ้นสื่อและเสียงโหวตจาก ส.ว. แต่กระบวนการฟอร์มรัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย ก็ดำเนินต่อไป ทว่า ฝ่ายรัฐบาลรักษาการณ์ประยุทธ์ ก็ยังอยู่ในอำนาจต่อไปเช่นกัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้วิเคราะห์ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการมองไปที่กฎกติกาตามกรอบรัฐธรรมนูญที่ยังมีอีกหลายด่านหลายขั้น และ “The Ruling Game” ซึ่งนักการเมืองกำลังวางแผนโยกหมากกันไปตามจังหวะเวลากันอยู่ กระนั้นก็ดี สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ภูมิหลัง แนวคิดการเมืองและลักษณะการต่อสู้ของตัวพลเอกประยุทธ์เองที่ปกครองรัฐไทยมานานราวเก้าปีเศษแล้ว

Argument ของผม ก็คือ พลเอกประยุทธ์น่าจะตัดสินใจต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต่อไปเพราะเขามี “หัวใจสีม่วง” และ “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี”

หัวใจสีม่วงมาจากเครื่องหมายเชิดชูเกียรติทหารเสือราชินี ซึ่งหมายถึงทหารในกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์อันมีกองบัญชาการหลักอยู่ที่ค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี พลเอกประยุทธ์เคยรับราชการอยู่ที่นี่และทำหน้าที่ถวายความปลอดภัยให้แก่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ก็ทรงเคยดำรงตำแหน่งองค์ผู้บังคับการพิเศษของกรมทหารหน่วยนี้ พลเอกประยุทธ์จึงเป็นนายทหารที่จงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์และพระราชวงศ์จักรีเป็นอย่างมาก

สัญลักษณ์เครื่องหมายของทหารเสือราชินี ประกอบด้วย

1. หัวใจสีม่วงประดับพระนามาภิไธยย่อ สก. หมายถึง ผู้ที่ซื่อสัตย์สุจริตและจริงใจ ทั้งนี้เพราะผู้ที่ใกล้ตาย หัวใจจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วง ในห้วงนั้น บุคคลผู้นั้นจะไม่พูดปดหรือปิดบังสิ่งใด จึงเปรียบเหมือนกับคนที่มีจิตใจซื่อสัตย์จงรักภักดีอย่างแรงกล้า

2. เสือประคองหัวใจสีม่วง หมายถึง กำลังพลทหารเสือราชินีทุกนายที่ซื่อสัตย์ สุจริต และจงรักภักดีใต้เบื้องพระยุคลบาท

3.ภูเขา เกลียวคลื่น ก้อนเมฆ หมายถึง ทหารเสือทุกนายพร้อมจะดั้นด้นไปทุกแห่งหนในทุกภูมิประเทศเพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของชาติและองค์พระมหากษัตริย์

องค์ประกอบเหล่านี้นี่เองที่หล่อหลอมความเป็นตัวตนของพลเอกประยุทธ์ซึ่งทำให้เขาพร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบกับกลุ่มการเมืองที่โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้น ในเนื้อเพลง “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” ซึ่งพลเอกประยุทธ์ชื่นชอบเป็นพิเศษและมักสั่งให้เปิดเพลงนี้เพื่อปลุกใจกำลังพลและเหล่าข้าราชการ ก็สะท้อนบุคลิกลักษณะของพลเอกประยุทธ์ได้ชัดเจน เนื้อเพลงที่ขึ้นต้นด้วย “...เกิดบนแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ในศรัทธา ภูมิพลพระราชา เทิดฟ้าพระราชินี.....” และก็ลงท้ายด้วย “...จะอยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี หนึ่งชีวิตนี้ ขอยอมพลีไม่เสียดาย ใจที่จงรักจะยืนหยัดอย่างท้าทาย ใครจ้องทำลาย เราพร้อมจะยอมตาย เราไม่ยอม...” ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าพลเอกประยุทธ์จะสู้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อปกป้องไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

เรื่อง “หัวใจสีม่วง” และ “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” ล้วนสะท้อนผ่านลีลาการปราศรัยหาเสียงของพลเอกประยุทธ์ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติหลายๆ ครั้ง เขาเคยพูดว่าเขามีหัวใจสีม่วง และต่อสู้มานานแล้วและพร้อมที่จะสู้ต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้านี่คือตัวตนที่ชัดเจนที่สุดของพลเอกประยุทธ์ ผมคิดว่าเราก็พออนุมานต่อได้ว่า ถ้ายังมีเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ถ้ายังมีการโจมตีกองทัพ (ที่พลเอกประยุทธ์เชื่อว่าเป็นเสาหลักที่ค้ำยันความมั่นคงชาติและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์) เมื่อนั้น พลเอกประยุทธ์ก็คงพร้อมที่จะสู้ต่อไปอยู่ ส่วนพลเอกประยุทธ์จะสู้ในฐานะนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลรักษาการณ์ หรือจะสู้ในฐานะคีย์แมนคนสำคัญของรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่อาจถูกตั้งขึ้นมาแข่งกับฝั่งก้าวไกล-เพื่อไทย จะสู้ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือจะสู้ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือจะสู้ในฐานะอะไรก็ตามแต่ พลเอกประยุทธ์ก็คงต้องขับเคลื่อนกลยุทธ์อย่างเต็มที่เพื่อรักษาประคับประคองอำนาจสืบต่อไป

ชัยชนะของพรรคซ้ายจัดอย่างก้าวไกลที่มีเหนือพรรคขวาจัดอย่างรวมไทยสร้างชาติแบบถล่มทลาย บวกกับการปักธงของก้าวไกลเรื่องปฏิรูปกองทัพและสถาบันกษัตริย์ที่สำเร็จลงแล้ว ล้วนทิ่มแทงเข้ามาที่หัวใจสีม่วงของพลเอกประยุทธ์ แต่หลังศึกเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์กลับไม่เคยประกาศยอมแพ้และวางมือทางการเมือง เกิดอะไรขึ้นกับท่าทีของพลเอกประยุทธ์

จริงแล้ว ในเชิงอุปมาอุปไมย หัวใจสีม่วงเป็นเรื่องของคนใกล้ตายที่หัวใจจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วง แต่หลังจากนี้ไป พลเอกประยุทธ์คงต้องสลับสีจากม่วงกลับไปเป็นแดงก่อนเพื่อยืดเวลาการตาย เพราะเขาคิดว่ายังต้องสู้กับศัตรูต่อไปอีก จึงยังตายไม่ได้ โดยระหว่างกระบวนการแปลงกลับนี้ เราอาจได้เห็น “The Ruling Game” และยุทธศาสตร์ยุทธวิธีการเมืองต่างๆที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากฝั่งพลเอกประยุทธ์เป็นระยะตามขนบธรรมเนียมที่ว่ากันว่า “ทหารเก่าไม่เคยตาย” หรือ “Old Soldiers never die” นั่นเอง

หมายเหตุ: ข้อวิเคราะห์นี้ ผมใช้แนววิเคราะห์ที่เน้นอ่านภูมิหลังและชุดความคิดทางการเมืองของชนชั้นนำทหารหรือผู้นำทหารเป็นการเฉพาะ แนววิเคราะห์นี้เป็นที่นิยมพอควรในกลุ่มนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องชนชั้นนำและอำนาจ ส่วนตัว ผมไม่ได้สนับสนุนพลเอกประยุทธ์หรือกลุ่มการเมืองใดๆเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าถ้าเราใช้แนววิเคราะห์แบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้รายละเอียดบุคคล/กลุ่มบุคคลที่ถูกวิเคราะห์ไว้ในปริมาณที่มากพอสมควร จนอาจถูกผู้อ่านมองว่าเราใกล้ชิดหรือโปรบุคคลนั้นมากเกินไปไหม ดังนั้น ผมจึงต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าผมนำเสนอเรื่องนี้ไปตามหลักวิชาการเท่านั้นครับ เพราะช่วงการเมืองไทยที่กำลังเข้มข้นอยู่นี้ ผมก็อยากวิเคราะห์เล่าให้ผู้อ่านได้ฟังบางจุดจริงๆครับ

สำหรับภาพพลเอกประยุทธ์ในวัยหนุ่มกับงานอารักขาความปลอดภัยให้แก่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ในโพสต์นี้ ผมนำมาจากคลิปในยูทูปของ SiamUpdate.com เรื่องสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถกับการทหารและความมั่นคงของประเทศ ส่วนอีกสองรูปที่เหลือที่เป็นเครื่องหมายทหารเสือราชินีและการสวนสนามของทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ก็นำมาจากวิถิพีเดีย

สำหรับใครที่สนใจเรื่องชนชั้นนำทหารไทยกับยุทธศาสตร์ทางการเมือง ก็มีงานที่น่าสนใจหลายเล่มครับ เช่นงานของผม ดุลยภาค ปรีชารัชช. The Ruling Game ชนชั้นนำและอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (กรุงเทพฯ: มติชน, 2566) ซึ่งนำเคสทหารไทยไปเปรียบเทียบกับทหารพม่าและทหารอินโดนีเซีย หรืองานของเทพ บุญตานนท์ เรื่อง ทหารของพระราชากับการสร้างสำนึกแห่งศรัทธาและภักดี (กรุงเทพฯ: มติชน, 2565) ที่วิเคราะห์นัยยะของพิธีกรรมหรือประเพณีของทหารไทยที่สัมพันธ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการ มธ. คนแรกของอาเซียน คว้ารางวัล People of ACM

นักวิชาการ มธ. คนแรกของไทยและอาเซียน ได้รับเลือกเป็น People of ACM จากบทบาทพัฒนาทักษะซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้ประชาชนภาคเหนือ เชื่อมเทคโนโลยีขั้นสูงสู่การสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาพื้นที่

นักวิชาการ มธ. ชูแผน 3 ระยะ แก้วิกฤติซากขยะหลังน้ำลดหาดใหญ่

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เสนอแผน 3 ระยะแก้วิกฤติซากขยะ “หาดใหญ่” หลังน้ำลด ระยะเร่งด่วน “เทศบาล-อบต.” ต้องกำหนดจุดทิ้งขยะใกล้ชุมชน

น้ำลดแต่ความเครียดยังพุ่ง! นักวิชาการเตือนภาวะ Survival Guilt

นักวิชาการ มธ. ห่วงแม้น้ำหาดใหญ่ลด แต่ความเครียดยังพุ่ง เสนอเร่งดูแลสุขภาพจิตและเฝ้าระวัง 3 กลุ่มเสี่ยง ชี้คนเสพข่าวหนักอาจเข้าสู่ภาวะ Survival Guilt ขณะเดียวกัน “ธรรมศาสตร์” ร่วมวุฒิสภาและหลายหน่วยงาน ตั้งฐานข้อมูลน้ำท่วมระดับประเทศ ช่วยเตือนภัยและวางนโยบายรับมือภัยพิบัติให้แม่นยำขึ้น

นักวิชาการ มธ. เชื่อ ‘จีดีพี Q4’ 1.1% ไม่เกินจริง หนุนรัฐปูพรมถก FTA ดันส่งออก  

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เชื่อมีความเป็นไปได้ที่จีดีพีไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 1.1% ชี้แม้ไม่บรรลุผลเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

ชวนรู้จักกับ “วารสารศาสตราธร” รางวัลคุณภาพคนวงการสื่อไทย พร้อมส่องรายชื่อคนดัง ที่เคยได้รับรางวัล 3 ปีย้อนหลัง สะท้อนไอดอลสื่อยุคใหม่ที่สังคมต้องการ

หากเอ่ยชื่อ “รางวัลวารสารศาสตราธร” ซึ่งในปีนี้จะมีอายุเพียง 4 ปี อาจรู้สึกว่าเป็น “รางวัลน้องใหม่” แต่ถ้าบอกว่าจัดตั้งและมอบโดยคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันผู้บุกเบิกการศึกษาด้านสื่อสารมวลชนแห่งแรกของประเทศไทย