
‘เทพมนตรี’ โพสต์เฟซบุ๊กถึง ‘ปิยบุตร’ สอนบทเรียน บอกคดีที่โดนเป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีการเมือง หากมีจริยธรรมของนักนิติศาสตร์อยู่บ้างอย่าตะแบง
09 ธ.ค.2564 - นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าว่า ระหว่างเราไม่มีความแค้นส่วนตัว อยากให้อาจารย์เข้าใจ ดังนั้นคดีความที่อาจารย์กำลังจะเผชิญตรงหน้ามันคือคดีอาญา ไม่ใช่คดีการเมือง
ผมเป็นคนรักเจ้า รักสถาบันพระมหากษัตริย์ และศึกษาเรื่องแบบนี้มานาน อาจนานกว่าอาจารย์เพราะผมมีอายุแก่กว่าหลายปี ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นการปฏิรูปภายในพระบรมมหาราชวังทั้งในรัชกาลก่อนและรัชกาลปัจจุบันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ราชการงานภายในถูกจัดระบบ ระเบียบ มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างมากมาย จนถ้าใครได้ทำการศึกษาอย่างจริงจัง ก็จะได้ทราบความจริง
ผมเองมองดูทรงแล้ว อาจารย์ปิยบุตรไม่ได้ศึกษาแบบเจาะลึกในรายละเอียดหรือใช้ความถูกต้องยุติธรรมในการศึกษาค้นคว้าแต่อย่างใดเลย อาจารย์ใช้วิธีการเปรียบเทียบ หรือเทียบเคียงจากสถาบันกษัตริย์ในต่างประเทศ จนหลงลืมรากเหง้าความเป็นไทยเรา (สยาม) และคิดเพ้อไปเองในหลายเรื่อง
อันที่จริงแล้ว ถ้านายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เขามีความปรารถนาดีกับอาจารย์จริงๆ เขาต้องแนะนำอาจารย์ว่าให้ทำเรื่องราวการปฏิรูปสถาบันที่อาจารย์มุ่งมั่นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายความเห็นแด่พระองค์ท่านโดยตรงก็ได้ เพราะเขาย่อมทราบถึงพระราชอัธยาศัยของพระองค์ท่านที่ทรงมีพระเมตตา และพระมหากรุณาธิคุณสูงมาก โดยเฉพาะกับตัวของเขาเอง
ผมยังมองเห็นว่าถ้าอาจารย์ได้ทำเช่นที่ว่านั้นมันจะเป็นการดีกับทุกฝ่าย แต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมเองก็ไม่เคยได้เห็นเลย สิ่งที่อาจารย์ได้กระทำมิได้เป็นเช่นนั้น มิได้มุ่งหวังให้เกิดการปฏิรูปอย่างประนีประนอม หรือต้องการให้สังคมไทยสงบสุข มีความสมานฉันท์ต่อคำเรียกร้อง
ที่ผ่านมาอาจารย์พยายามสร้างวาทกรรมการปฏิรูปและการปฏิวัติสลับเล่นจนเกินความเหมาะสม จนกลายเป็นแบบอย่างให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ นิสิตนักศึกษานำไปใช้เป็นข้อเรียกร้องจนเป็นคดีความ
อันที่จริงแล้วผมดูที่เจตนาของอาจารย์เป็นสำคัญ เพราะเราสองคนไม่เคยรู้จักกันแต่อย่างใด ไม่มีอดีตหรือชาติที่แล้วที่เราเป็นศัตรูกันแบบข้ามภพข้ามชาติ ไม่มีแม้แต่ชาตินี้ที่เราได้เกิดมาจนปัจจุบัน
ขอให้อาจารย์จงจดจำไว้ด้วยว่าคดีความที่อาจารย์จะได้รับจากการพูด การเขียนมันเป็นคดีความอาญา ไม่ใช่คดีการเมือง ในฐานะอาจารย์สมอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายย่อมต้องมีอุดมการณ์ความซื่อสัตย์ในแง่เป็นครูบาอาจารย์หรือนักเรียนอยู่บ้าง ที่เขาเรียกว่า จริยธรรมของนักนิติศาสตร์ ถ้าไม่ได้ถูกสั่งสอนมา ผมก็คิดไปเองว่าช่างน่าเสียดาย เหมือนอย่างที่ผมเรียนประวัติศาสตร์มาก็ย่อมมีหลักการและจริยธรรมเรื่องประวัติศาสตร์ที่ต้องยืนยันความจริงในอดีตจากหลักฐานที่ถูกต้อง
…..แต่ทว่าความจริงในวันนี้ของอาจารย์ที่จะต้องใส่ใจเอาไว้ก็คือ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 108 และมาตรา 112 มันคือคดีความอาญา ไม่ใช่คดีความการเมือง การมุ่งหวังจะไปลี้ภัย มันจึงเป็นเรื่องที่ต้องอธิบายหลายชั้น ยกเว้นว่า อาจารย์สิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งในใจที่คิดและการกระทำที่แสดงออก!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นักประวัติศาตร์' ร่อนจม.เปิดผนึกถึงนายกฯแนะ 6 ขั้นตอน ขอคืน 'ปราสาทพระวิหาร'
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึก เรื่อง ขอคืนปราสาทพระวิหารและใช้ข้อสงวนสิทธิ์ เรียน ฯพณฯท่านนายกรัฐมนตรี มีใจความว่า
'เทพมนตรี' สงสัย JBC เล่นเกมยื้อ กีดขวางการทำงานของกองกำลังบูรพา-ความหวังของชาวบ้าน
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ลับ ลวง ลึก ให้เขมร
'เทพมนตรี' แนะ 'อนุทิน' ไม่ต้องเปิดด่านจนกว่า 'ฮุน เซน' ออกทีวีขอโทษที่คร่าชีวิตคนไทย
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา
'เทพมนตรี' ฟันธง ประชามติMOU43/44 ถ้าผูกไว้กับฝ่ายการเมือง-ขรก.ก็โน้มน้าวให้กอดเอาไว้
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ประชามติMOU43 ว่า
'เทพมตรี' ร่อนจม.เปิดผนึกถึงนายกฯแนะล้อมรั้วถาวร 'ปราสาทตาเมือนธม'
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เป็นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมตรี ว่า
เอาแล้ว! ทีมทวงคืน 'ปราสาทพระวิหาร' จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ถือฤกษ์ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

