25 ก.ค.2567 - ที่รัฐสภา นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและการประกอบอาชีพของชาวประมง ร่วมกับ ผู้แทนอธิบดีกรมประมง, ผู้แทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, ผู้แทนสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย,ผู้แทนสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย และผู้แทนกรรมการประมงประจังหวัดจันทบุรี
โดยนายศักดินัย กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม ดังนี้ 1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องขับเคลื่อนและผลักดันให้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเป็นวาระแห่งชาติโดยเร็ว
2.คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าการกำจัดการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ต้องมีแผนการการดำเนินงานเป็นขั้นตอนที่ชัดเจนในแต่ละช่วงเวลาของการกำจัดและแต่ละพื้นที่ซึ่งมีความแตกต่างกัน พร้อมทั้งอาจต้องมีการผ่อนผันให้ใช้เครื่องมือประมงบางประเภทที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถกำจัดปลาหมอคางดำได้อย่างหมดสิ้นแท้จริง โดยรัฐบาลต้องให้ความสำคัญและจัดสรรงบประมาณในพื้นที่ที่ขาดแคลนเครื่องมือประมงกำจัดปลาหมอคางดำ
3.คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่ามาตรการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนด้วยการรับซื้อปลาหมอคางดำ กิโลกรัมละ 15 บาท จำนวน 2 เดือน สามารถแก้ไขปัญหาได้บางส่วน โดยกระทรวงเกษตรฯ ต้องขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีศึกษภาพแปปรูปปลาหมอคางน้ำเพื่อช่วยรัฐบาลรับซื้อ
4.กระทรวงเกษตรฯ ต้องประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ และสืบหาข้อเท็จจริงเอาผิดและดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำโดยเร็ว
5.กรมประมง ต้องเร่งหาจุดรับซื้อในจังหวัดที่ยังไม่มีจุดรับซื้อ โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทะเลของจังหวัดที่เป็นพื้นที่เขตกันชน เช่น จังหวัดจันทบุรี เพื่อลดการแพร่ระบาดลงสู่ทะเล
6.กรมประมง ต้องเสนอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง โดยเฉพาะมาตรา 65 ประกอบมาตรา 144 เพื่อใช้กฎหมายเป็นกลไกในการป้องกัน ควบคุมที่มีประสิทธิภาพไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต และที่สำคัญจำเป็นต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับผู้ที่เป็นต้นเหตุแห่งการแพร่ระบาด ตลอดจนความรับผิดชอบด้านการชดเชยความเสียหายและฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น
7.กรมประมง ต้องควบคุมการะบาดให้ได้โดยเร็ว และต้องป้องกันพื้นที่ที่ยังไม่พบมีการแพร่ระบาด ตลอดจนสร้างความร่วมมือกับองค์กรในท้องถิ่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน โรงเรียน และ อสม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เก็บตกจากงานเสวนา...กรมประมงชี้ปลาหมอคางดำลดลงชัดเจน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการบูรณาการทั่วประเทศ
กรมประมงรายงานสถานการณ์ปลาหมอคางดำจากการสำรวจในพื้นที่ระบาดและพื้นที่กันชนล่าสุด มีความคืบหน้าเชิงบวกจากการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลสำรวจเดือนกันยายน 2568 พบว่าพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดลดลงเหลือ 17 จังหวัด จากเดิม 19 จังหวัด
กรมประมงเดินหน้าปล่อย “ปลานักล่า” ต่อเนื่อง กทม.บูรณาการทุกภาคส่วนคุมเข้ม “ปลาหมอคางดำ”
กรมประมงยังคงเดินหน้ามาตรการควบคุมและจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความหนาแน่น และควบคุมการแพร่กระจาย โดยใช้แนวทางบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน
เกษตรกรปากพนังพลิกวิกฤตเป็นโอกาส! ใช้ปลาหมอคางดำเลี้ยงปูขาว ลดต้นทุน-สร้างรายได้ชุมชน
เกษตรกรในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส มอง “ปลาหมอคางดำ” ซึ่งถูกมองว่าเป็นปลาต่างถิ่นชนิดพันธุ์รุกรานในแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็น “ทรัพยากที่มีมูลค่า” ของชุมชน โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในลุ่มน้ำปากพนังมากกว่า 30 ราย ได้นำปลาหมอคางดำที่จับได้ใช้เป็นอาหารเลี้ยงปูขาว แทนการใช้ปลาทะเลสด ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรจากการเลี้ยงปู พร้อมทั้ง
ชะอำเดินหน้าแผนลดปลาหมอคางดำ ซีพีเอฟหนุนปลานักล่า เสริมโอกาสเกษตรกร
เพชรบุรีเดินหน้าบูรณาการองค์กรส่วนท้องถิ่น ชุมชนและชาวบ้านลดและกำจัดปลาหมอคางดำ ตามแนวทาง “เจอ แจ้ง จับ จบ” จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ทุกเดือนควบคู่กับการปล่อยปลานักล่า
อัยการนนทบุรีมีคำสั่งฟ้อง "ไบโอไทย" มีมูลใช้ภาพเท็จ
วันนี้ 10 ก.ย.68 -- ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการ จังหวัดนนทบุรี ว่า อัยการจังหวัดนนทบุรีได้มีคำสั่งฟ้อง นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการ มูลนิธิชีววิถี หรือ Biothai และมูลนิธิ
ตำรวจสมุทรสงคราม ปิ๊งไอเดีย ฝึกทักษะหมัก ‘น้ำปลาหมอคางดำ’ ช่วยบำบัดคนเสพยา
สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงครามเกิดไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด “ใช้ปัญหาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา” นำปลาหมอคางดำ มาใช้เป็นสื่อกลางในบำบัดและฟื้นฟูผู้เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการ ฝึกทักษะการหมักน้ำปลา เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน รวมถึงต่อยอดเป็นทักษะอาชีพที่ช่วยสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


