
25 ต.ค.2567- ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “คุยกับหม่อมกร” ระบุว่า
เนื่องในวันปิยะมหาราช
ก็รำลึกถึงพระองค์ท่านจึงหยิบสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสมาอ่าน เพราะกำลังเป็น กระแสว่า พื้นที่อ่าวไทยแท้ๆ กลับมีเจ้าของร่วมเป็นกัมพูชา ทั้งที่พระองค์ท่านได้คืนมาด้วยความเสียพระทัยอย่างยิ่ง ยอมเสียดินแดน พระตะบอง เสียมราฐ สีโสภณ ให้ฝรั่งเศสไป เพื่อแลกเอาจังหวัดตราดซึ่งเป็นชาวสยามกลับคืนสู่มาตุภูมิ สนธิสัญญาสยาม ฝรั่งเศส ระบุชัดเจนตามมาตรา 2 ว่า รัฐบาลฝรั่งเศสยกดินแดนด่านซ้าย และตราดให้แก่สยาม รวม ทั้งเกาะทั้งหมดที่ตั้งอยู่ทางใต้ของแหลมลิง (แหลมสิงห์) ลงไปและรวมถึงเกาะกูด เป็นอันชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทยโดยสมบูรณ์
ประเทศไทยได้ให้สัมปทานปิโตรเลียมในปี 2514 กลับบริษัทบริษัทยูโนแคล และบริษัท บริติส แก๊ส ต่อมา ในปี 2515 กัมพูชาได้ขีดเส้นพรมแดนทางทะเลข้ามเกาะกูดมายังกลางอ่าวไทย ทับพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมไทยอย่างไม่แยแส เส้นเขตแดนทางทะเลของกัมพูชาดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายสากลทั้งอนุสัญญาเจนีวา 1958 ราวกับการขัดขาไทยไม่ให้ดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ของไทยเอง
ในปี 2516 ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงมีพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย โดยยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศ “อนุสัญญาเจนีวา 1958” เพื่อแสดงแนวของไหล่ทวีปที่ติดกับประเทศข้างเคียง
แต่ฝ่ายกัมพูชากลับประกาศให้สัมปทานปิโตรเลียมทับบนพื้นที่ ที่แนบท้ายพระบรมราชโองการ แก่ชาติมหาอำนาจตะวันตก ดังนั้น สิ่งที่ไทยควรทำ คือ การแจ้งให้ฝ่ายกัมพูชา ทราบว่าสิ่งที่ดำเนินการไปนั้น มิได้เป็นไปตามกฎหมายสากล เป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยสูงสุดของไทย และมีผลกระทบกระเทือนต่อพระบรมราชโองการย่อมเป็นการเสียสัมพันธไมตรี และขอให้กัมพูชาขีดเส้นเขตแดนตามกฎหมายสากล
แต่รัฐบาลไทยในปี 2544 กลับกระทำตรงกันข้ามคือ ไปทำหนังสือ MOU ยอมรับเส้นเขตแดนที่ไม่มีกฎหมายสากลรองรับของฝ่ายกัมพูชา โดยรัฐบาลไทยโฆษณาว่า จะได้ขุดน้ำมัน และก๊าซร่วมกัน ราคาพลังงานจะได้ถูกลง ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเราได้ให้สัมปทานปิโตรเลียมให้แก่ชาติตะวันตกหมดสิ้นแล้ว สิทธิในทรัพยากรจึงเป็นของบริษัท ไทยจะได้เพียง ค่าภาคหลวงและภาษี ซึ่งถือว่า เล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของบริษัท ที่สำคัญคือหากฝ่ายไทยยอมรับว่ากัมพูชาเป็นเจ้าของร่วมในพื้นที่ดังกล่าวนั่น ย่อมหมายความว่า มิใช่เพียงสิทธิการขุดน้ำมันและก๊าซ ที่จะต้องสละให้กัมพูชาครึ่งหนึ่ง แต่รวมถึงพื้นที่น่านน้ำอ่าวไทยในการทำประมงและท่องเที่ยว และพื้นที่น่านฟ้าเหนือพื้นที่ทับซ้อนจะเป็นสิทธิร่วมกับกัมพูชาทันที คณะรัฐมนตรีจึงสมควรนำ MOU 2544 เข้าสู่รัฐสภาเพื่อยกเลิกโดยเร็ว
เรื่อง MOU 2544 นี้ เงียบหายไปหลายปี จนกระทั่งปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้กลับมาพูดเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง ว่าจะเร่งเจรจาให้จบโดยเร็ว และมีข่าวลือว่า US Asean business council มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลักดันอย่างเต็มที่เพราะเป็นผลประโยชน์ของบริษัทสัญชาติตะวันตก แต่คำถามที่ประชาชนต้องหาคำตอบคือ ฝ่ายรัฐบาลไทยเร่งรีบเจรจาตามกรอบเดิม เพื่อผลประโยชน์ของใคร ทั้งที่ MOU 2544 มีผลขัดแย้งกับพระบรมราชโองการ ปี 2516 และสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนดังเช่นกรณีเขาพระวิหาร
และที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อ MOU 2544 สัมฤทธิ์ผลจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน เพราะพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นของมหาอำนาจตะวันตก จึงเป็นเป้าหมายการโจมตีทางยุทธศาสตร์หากเกิดสงครามขึ้น ผลกระทบอย่างใหญ่หลวงก็จะขึ้นกับประเทศ และคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อุ้ย! รองเลขาฯพท. เปิดเหตุผลไม่ไว้วางใจรัฐบาล โชว์ประเด็นเด็ด 'มุบมิบเซ็นMOU-เสี่ยงทำไทยเสียดินแดน'
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเหตุผลที่เราไม่สามารถไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้
ตามรอยพระปิยมหาราช เสด็จประพาสสวีเดน
เวลาเย็นแต่ฟ้าได้มืดสนิทลงนานแล้ว เพราะตรงกับช่วงกลางเดือนมกราคมที่ประเทศสวีเดน ผมยืนอยู่หน้าศาลาไทย พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เทศบาลรากุนดา เทศมณฑลแยมต์แลนด์ ห่างจากกรุงสตอกโฮล์ม 460 กิโลเมตร
พปชร.จี้รัฐเลิกลีลาเร่งปราบสแกมเมอร์!
'รองหัวหน้า พปชร.' จี้ รัฐบาลปราบแก๊งสแกมเมอร์ ตัดไฟ-ตัดเน็ต-ระงับบัญชีม้า-ยึดทรัพย์ หยุดค้าทองคำ และค้าขายทุกอย่างกับกัมพูชาจนกว่าแก้ปัญหาได้ อย่าลีลาเต้นรำ หากช้าอาจถูกชาวโลกสงสัยเกี่ยวข้อง
หมอวรงค์ชี้ทางเลือก MOU43 มีสองอย่าง 'เสียดินแดน - ต่างชาติแทรกแซง'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #ระหว่างเสียดินแดนกับต่างชาติแทรกแซง
เพื่อไทย หวั่นยกเลิก MOU 43 มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ประท้วงไม่ได้ เสี่ยงปะทะสู้รบ
"นพดล" ห่วงยกเลิก MOU 43-44 มีผลเสียมากกว่าดี เหตุการแก้ไขเขตแดนไม่มีกรอบเจรจา ทำให้กัมพูชาอาจยกระดับเรื่องเขตแดนไปศาลโลก
'เท้ง' แทงกั๊กเลิก MOU 43-44 ชงศึกษา 4 ข้อส่งต่อรัฐบาลหน้า มีความชอบธรรมสูงกว่า
"เท้ง" มองไม่จำเป็นต้องรีบหาข้อสรุปยกเลิก MOU 43-44 แต่ควรศึกษาไว้เป็นแนวทาง 4 ข้อ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งและมีความชอบธรรมสูงกว่านี้ ชี้ต้นตอปัญหามาจากรัฐบาลปัจจุบัน-ผู้นำสองประเทศขัดแย้งกัน


