ตร.เอาจริงเตรียมลุยตรวจ 'สถานการประกอบการสุขภาพ'

ตำรวจเอาจริง หลังเจอเคสเนอร์สซิ่งโฮมผู้สูงอายุไม่ได้มาตรฐาน 'สุวัฒน์' สั่งร่วมมือหน่วยงานด้านสาธารณสุขลุยตรวจตรา เจอกระทำผิดไม่ได้มาตรฐานฟันไม่เลี้ยง

20 ม.ค.2565 - พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า ขอเตือนผู้ประกอบกิจการ ผู้ดำเนินการ และผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ต้องขอใบอนุญาตให้ถูกต้อง ผู้เข้ารับการบริการควรตรวจสอบสถานประกอบการเพื่อสุขภาพว่าได้มาตรฐานหรือไม่ก่อนเลือกใช้บริการ โดยปัจจุบันประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้กิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง เช่น เนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือโรงพยาบาลผู้สูงอายุ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีผู้ฉวยโอกาสหวังที่จะหารายได้ โดยไม่คำนึ่งถึงความถูกต้อง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และที่เลวร้ายที่สุดไม่สนแม้แต่สิทธิมนุษยชน สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ไม่สมควรถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือถูกพรากสิทธิและเสรีภาพไป เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้าย ทารุณ ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อว่า กรณีเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจค้นอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง หลังมีการร้องเรียนว่าลักลอบเปิดเป็นสถานที่ดูแลผู้สูงอายุโดยไม่ได้รับอนุญาต พบการดูแลและสภาพความเป็นอยู่ไม่ได้มาตรฐานอีกทั้งพบว่ามีการล่ามโซ่กับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ กรณีดังกล่าว สถานที่ดูแลผู้สูงอายุถือเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ตาม พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 มาตรา 3(3) ซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตให้เปิดกิจการ หากประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท อีกทั้งการล่ามโซ่ผู้สูงอายุ เป็นการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ โดยให้ประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุข ในการออกตรวจตราและสร้างการรับรู้ให้กับสถานประกอบกิจการและประชาชนทราบ ทั้งนี้หากตรวจพบการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก็ให้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด จริงจัง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม”รองโฆษก ตร.กล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่ออีกว่า ขอประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางในการเลือกใช้บริการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ดังนี้ 1.หากมีความจำเป็นจะต้องพาผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงไปฝากดูแล ควรเลือกที่มีมาตรฐานทั้งด้านสถานที่และการบริการ ที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดกิจการอย่างถูกต้อง 2.ในส่วนของผู้ดำเนินการ ผู้ให้บริการ หรือพนักงานทุกคนต้องผ่านการอบรม ผ่านการสอบ มีใบอนุญาตจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข และมีการลงทะเบียนเป็นผู้ให้บริการก่อนปฏิบัติงาน 3.หากผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ได้รับความเสียหาย ญาติหรือผู้แทนโดยชอบทำหรือผู้อนุบาล สามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โควิดพุ่ง! ไทยติดเชื้อใหม่รอบสัปดาห์ 630 ราย ดับเพิ่ม 5 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 630 ราย

'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก'รายงานตัว สปน.แล้วลั่นพร้อมมาทำงานทุกวัน!

'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก เข้า สปน.รายงานตัว หลังถูกเด้ง 'ผบ.ตร.' ยัน ไม่เครียด รู้มานานแล้ว ลั่นโรงละครของเราเลิก เก็บฉากหอบเสื่อกลับบ้าน ขณะ 'สุรเชษฐ์' ยิ้มรับกลับบ้านเก่า บอกเคยอยู่มา 2 ปี

'บิ๊กโจ๊ก' ลั่นจบแล้ว! เตรียมควงบิ๊กต่อแถลงคู่หลัง 'เศรษฐา' เรียกเป่ากระหม่อม

'บิ๊กโจ๊ก' เผยหลังถูกเรียกพบตึกไทย เคลียร์ใจ กับ 'ผบ.ตร.' ลั่น ทุกอย่างจบแล้ว เรื่องคดีก็ว่ากันไป ส่วนจะพักราชการหรือไม่ ให้เป็นอำนาจ 'นายกฯ'

ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 501 ราย ดับเพิ่ม 4 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 501 ราย