'เอกนัฏ' ลั่นพร้อม 'พัง' การโกงกินทุกรูปแบบ ขอบคุณสื่อตั้งฉายาให้

23 ธ.ค.2567 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) เปิดเผยเพียงสั้นๆ ภายหลังสื่อทำเนียบรัฐบาลให้ฉายาตนเองว่า “รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ” ว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่คิดถึง เมื่อถามว่าเห็นฉายาโกรธหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า สีสัน เข้าใจครับ ขอบคุณสื่อที่ตั้งฉายาให้

ด้านนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม ในฐานะสมาชิกพรรค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กภายหลังสื่อทำเนียบรัฐบาลให้ฉายา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ว่า "พีระพัง" และให้ฉายานายเอกนัฏ โดยนายพงศ์พล ระบุว่า ไม่ใช่แค่พีระ “พัง” เอกนัฏ ก็พร้อม ”พัง“ กากพิษ ธุรกิจสีเทา สินค้าห่วยข้ามชาติให้หมดสิ้น #รทสช. พังให้ทุกปัญหา

ขณะที่น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรมว.อุตสาหกรรม และสมาชิกพรรค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ฉายา รมว.พีระพันธุ์ ว่าพีระ..พัง... การผูกขาด พีระ..พัง...ระบบที่เน่าเฟะ พีระ..พัง...การโกงกินทุกรูปแบบ # ฉายารัฐบาล 67

รมว.เอกนัฏ ก็ “พร้อมพัง”สุดซอย พร้อมพัง=โรงงานเถื่อน พร้อมพัง = โรงงานสายไฟไม่ได้มาตรฐาน เหล็กเบา สินค้าไม่ได้มาตรฐาน พร้อมพัง = กากเพชรอุตสาหกรรม

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สมาชิกพรรครทสช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุด้วยเช่นกันว่า นักข่าวตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรีพีระพันธุ์ “พีรพัง”

พีระ..พัง...การผูกขาด

พีระ.. พัง…ระบบที่เน่าเฟะ

พีระ..พัง...การโกงกินทุกรูปแบบ

รมต.ขิงบอกผมว่า เอกนัฏก็ “พร้อมพัง” นะครับ พร้อมพัง=โรงงานเถื่อน พร้อมพัง = กากพิษอันตราย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พีระพันธุ์' เผยมีนโยบายงดส่งออกน้ำมันอยู่แล้ว ถ้าใช้งานในประเทศยังไม่เพียงพอ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. มีมติให้ตัดไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในบริเวณ 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมาเพื่อสกัดแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์

พรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน ยึดหัวหาดนายกอบจ.ถ้วนหน้า

พรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน ยึดหัวหาดนายกอบจ.ถ้วนหน้าพรรคสีฟ้าเห็นเงียบๆฟาดเรียบหลายจังหวัด “ชทพ.-รทสช.-ปชช.-พปชร.-ปชป.-กล้าธรรม  ”แชร์เก้าอี้บ้านใหญ่ยึดหัวหาดหมด “มาร์ค”แบกไม่ไหวเด็กปั้นแพ้ที่พัทลุงแม้ถ่อไปขึ้นเวทีหาเสียงให้ 

‘รทสช.’ ปลื้มคะแนนนิยมพรรค ยอดเงินอุดหนุนอันดับ 1 ‘เอกนัฏ’ ลั่นลุยงานเพื่อ ปชช.

‘เอกนัฏ’ ขอบคุณทุกการสนับสนุนทำพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อันดับ 1 พรรคที่ได้เงินอุดหนุนมากที่สุด ย้ำเร่งเดินหน้านโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้างอุตสาหกรรมไทย

‘เอกนัฏ’ ลั่นขอทำงานเต็มสูบ ไม่หวั่นถูกตั้งค่าหัว 

‘เอกนัฏ’ เมินโดนตั้งค่าหัว 300 ล้านย้ายพ้นเก้าอี้รมว.อุตสาหกรรมทำงานขับเคลื่อนตามนโยบายต่อไป  พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ ปลื้ม พรรคอันดับ 1 ได้เงินอุดหนุนมากที่สุดปี 68

เลขาฯรมว.อุตสาหกรรม ยันไม่ก้มหัวให้ธุรกิจสีเทาตั้งค่าหัว 300 ล้าน เขี่ย 'เอกนัฏ'

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีข่าวการตั้งค่าหัวเพื่อโยกย้ายตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า ในวันแรกที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

บี้ 'อิ๊งค์' ปกป้อง 'เอกนัฏ' ล่าไอ้โม่งลงขันเปลี่ยนตัว รมว.อุตสาหกรรม

24 ม.ค. 2568 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ปกป้อง เอกนัฏ" โดยระบุว่า ติดตามข่าวการตอบกระทู้ถามสด ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี ถึงการเลือกปฏิบัติในการรับซื้ออ้อยเผาของ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย รู้สึกตกใจกับคำตอบของนายเอกนัฏ ตอนหนึ่งในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีการลงขันจำนวนเงิน 200- 300 ล้านบาท เพื่อย้ายนายเอกนัฎ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการเมืองไทย ที่มีกลุ่มทุนอิทธิพลเหนือการเมือง ใช้เงินลงขันด้วยเงินหลักร้อยล้านบาท เพื่อเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ขอให้กำลังใจนายเอกนัฎ ในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และควรจะเปิดเผยชื่อตัวการลงทุนย้ายนายเอกนัฎออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หากไม่สามารถเปิดเผยชื่อต่อสังคมได้ ก็ควรนำเรื่องนี้ไปเรียนให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือการเมือง สามารถใช้เงินทุนโยกย้ายเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ หากนางสาวแพทองธาร ยังเอาไม่อยู่ เพราะไม่มีอำนาจที่แท้จริง ก็ต้องนำเรื่องนี้ให้ถึงมือของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุด เป็นเจ้าของรัฐบาลตัวจริง และสามารถสั่งการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีได้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง นางสาวแพทองธาร จะต้องปกป้องนายเอกนัฎ เพราะการดำเนินนโยบายห้ามไม่ให้โรงงานน้ำตาลรับซื้ออ้อยเผา เป็นมาตรการป้องกันมลพิษ PM 2.5 ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร แต่ถ้าเมื่อนายเอกนัฎได้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของนางสาวแพทองธารแล้ว แต่ไปสะดุดต่อ นางสาวแพทองธารในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องรับผิดชอบ และสืบหาตัวไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังการลงขัน เพื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีอุตสาหกรรมให้ได้ ขอให้สังคมเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาล เปิดโปงขบวนการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีออกมาให้สังคมรับรู้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลกลุ่มทุนใดๆ ทั้งสิ้น.