22 ม.ค.2568 - พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “กาสิโนเป็นอะไรที่มากกว่าคุณทักษิณคิด” มีเนื้อหาว่า ทำไมคุณทักษิณ ถึงไม่เอาเรื่อง กาสิโน ใน ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ มาเป็นตัวอย่างในเรื่องการจัดตั้งกาสิโนในประเทศไทยบ้าง ที่ไม่เอามา เพราะว่าประเทศเหล่านั้นมีกาสิโนแต่ก็ยังยากจนอยู่ ซึ่งแสดงถึงความล้มเหลวของการพึ่งพากาสิโน ในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ
แต่คุณทักษิณ ดันยกเอาแต่กาสิโน ในสิงค์โปร์มาเป็นตัวอย่าง เพียงประเทศเดียว เท่านั้น เพราะสิงคโปร์มีกาสิโนแล้วดูดี ผมจึงขอนำลำดับการมีกาสิโนในสิงคโปร์มาเปรียบเทียบกับประเทศไทยให้ดูเป็นตัวอย่างบ้างอีกคนนะครับ
สิงคโปร์ เริ่มจากการเป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กมีเนื้อที่น้อยกว่ากว่ากรุงเทพครึ่งหนึ่ง ไม่มีทรัพยากรใดๆทั้งสิ้น ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีพื้นที่ให้ทำไร่นา ซึ่งแตกต่างกับประเทศไทย ที่อุดมสมบูรณ์โดยสิ้นเชิง สิงค์โปร์จึงดิ้นรน ทุกอย่าง เมื่อมาเลเซียไม่ยอมรับสิงคโปร์เข้าเป็นรัฐหนึ่ง ต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันอังกฤษก็ขอยกเลิกฐานทัพ ในสิงคโปร์ซ้ำเข้าไปอีก รายได้หลักที่จะเลี้ยงสิงคโปร์ก็จะหมดไป ลีกวนยูต้องบากหน้าไปขอให้อังกฤษอยู่ต่ออีก 3 ปี ตอนนี้ แนวคิดการจัดตั้งกาสิโนจึงเกิดขึ้น แต่ลีกวนยูก็ยังวิตกถึงผลเสียที่จะติดตามมา
สิงค์โปร์ใช้เวลาวางแผนเตรียมการนานถึง 15 ปี โดยเริ่มจากการพัฒนายกระดับการศึกษาของประชาชนก่อน เพื่อให้ชาวสิงคโปร์มีวิจารณญาณที่ดี จนทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่เป็นเลิศในด้านการศึกษา จากนั้นได้ต่อยอดทำสิงคโปร์ให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจ พร้อมกับสร้างกฎมายที่เปิดกว้างแต่เที่ยงตรงยุติธรรมต่อคนทุกชั้น อีกทั้งมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเข็มงวดขึ้น เพื่อทำให้นักธุรกิจต่างชาติเชื่อถือ (อาทิ ใครพ่นสีในที่สาธารณะ จะถูกปรับและลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีไม่ละเว้นแม้จะเป็นคนต่างชาติ เป็นต้น กรณี 3 นิ้วจึงไม่มีทางเกิดขึ้นที่นั่น)
กติกาการตั้งกาสิโนตามกฏหมายของสิงคโปร์จึงน่าเชื่อถือ ทั้งต่อประชาชนและนักลงทุน ซึ่งมาจากระบบกฏหมายที่เข็มงวด ว่าจะไม่มีการฟอกเงินของธุรกิจสีเทา การให้สินบนข้าราชการโดยการนำมาฝากไว้ที่กาสิโน เพื่อให้ผู้รับสินบนสามารถมารับเป็นงินที่ฟอกแล้วไปได้ง่ายๆ นอกจากนั้นทุกชาติจะต้องมั่นใจว่า เงินจากกาสิโน จะไม่เป็นแหล่งเงินที่สนับสนุน การก่อการร้าย และขบวนการค้ายาเสพติด และอาชญกรรมข้ามชาติอื่นๆ ที่อาจส่งผลเสียอีกแยะ ซึ่งถ้ากฏหมายไทยยังไม่มีการเตรียมการและกำหนดขอบเขตเหล่านี้ ก็ยากที่ประเทศไทยจะรับมือกับผลที่อาจเกิดขึ้นจากการมีกาสิโน
ประเทศไทยมีกระบวนการทางกฏหมายที่ไร้ประสิทธิภาพ ตามที่พวกเราทราบกันดีอยู่แล้ว นักการเมืองมีอิทธิพลต่อผู้บังคับใช้กฏหมาย และพึ่งพากันมาอย่างเด่นชัด ทุนเงินเทาอีกมากมายที่ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา ถึงเปิดเผยแล้วก็ยังหาคนผิดไม่ได้
จากกรณีดังกล่าว จึงไม่มีหลักประกันอะไรเลยสำหรับ “กาสิโน” ที่จะจัดตั้งขึ้นมาในไทย โดยจะไม่กลายเป็นศูนย์การฟอกเงินของอาเซียน เรื่องการพนัน ที่ทำกันอยู่ใต้ดินก็ไม่มีจะเลิกไปได้ มีแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการดึงดูดนักท่องเที่ยว ยิ่งเหลวไหลกันไปใหญ่ครับ ปัจจุบันไทยมีนักท่องเที่ยวอยู่ในอันดับ 2 ของโลก โดยยังไม่ต้องพึ่งการมีกาสิโน คิดกันบ้างหรือเปล่าครับ ว่านักท่องเที่ยวพวกเขามาดูวัฒนธรรมหรือมาเล่นกาสิโน กันแน่
ทำไมไม่ยกระดับการศึกษาของประชาชน และทำระบบกฏหมายให้เป็นกฏหมายเสียก่อน เมื่อต่างชาติเชื่อถึอแล้วค่อยตั้งกาสิโน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน.ลากไส้ กม.ยุคเพื่อไทยมีมารร้ายอยู่ในรายละเอียด!
'ชัยวัฒน์' โต้ 'เผ่าภูมิ' ยัน พรรคประชาชนอ่านกฎหมายชัดเจนทุกบรรทัด และมองระหว่างบรรทัดด้วย เพราะ 'มารร้ายอยู่ในรายละเอียด' ทุกวันนี้ทุนเทาเข้ายึดไทยเรียบร้อยแล้ว
แต่ละอย่าง! ฉก.นย.ตราด เข้าควบคุมพื้นที่บ่อนกาสิโนเขมร พบสิงโต–หมีถูกขังในกรง
พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ภายหลังที่ทหารนาวิกโยธินจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและต
ทภ.2 อายัดเงินสด 11 ล้าน ทองอีกเพียบ ซุกโกดังตรงข้ามกาสิโนช่องสะงำ โยงทุนเทาหนุนเขมรซื้ออาวุธ
กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการอายัดทรัพย์สิน หลังตรวจพบเงินสดกว่า "11 ล้านบาท และทองรูปพรรณ" บริเวณโกดังตรงข้ามคาสิโนช่องสะงำ โดยคาดว่ามีความเชื่อมโยงกับ "ทุนเทา" ที่
เปิดภาพ F-16 ไทย ถล่มสะพานจัยจุมเนี้ยะ-บ่อนกาสิโน ตัดเส้นทางอาวุธกัมพูชา
กองทัพเรือผนึกกองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ “ตราดปราบปรปักษ์” ส่ง F-16 ทิ้งระเบิดทำลายสะพานจัยจุมเนี้ยะ บ้านทมอดา จ.โพธิสัตว์ และบ่อนคาสิโนที่ถูก
ดีอีสั่งเลิก MOU กับบริษัทสิงค์โปร์ หลังโยงฟอกเงินดิจิทัล พบเบน สมิธ-บิ๊กเนมร่วมเป็นขยาน
วันนี้ (9 ธันวาคม) จากกรณีที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผย เมื่อวันที่ 24 พศจิกายน ว่า ได้สั่งยกเลิก บันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอี และ บริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore และส่งหนังสือเวียนถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับทราบ และหากมีการกระทำใดๆ ภายใต้ MOU นี้
รบเถิดอรชุน! 'อดีตบิ๊กศรภ.' หนุน 'อนุทิน' รบกัมพูชาเต็มที่ 'ฮุน เซน' ถึงจะรู้สึกรับผิดชอบบ้าง
'นันทเดช' ชี้การลอบวางระเบิดครั้งใหม่ของทหารกัมพูชา มีเจตนาเหยียดยามทหารไทยและรัฐบาลไทยว่าไม่มีน้ำยา หนุน 'อนุทิน' ยึดแนวคิดกองทัพในการแก้ปัญหา 'ฮุนเซน' ถึงจะรู้สึกออกมารับผิดชอบบ้าง

