'สุริยะใส' วิเคราะห์ 'เพื่อไทย-ปชน.' พันธมิตรทางอุดมการณ์ ขาดสะบั้นแล้วจริงหรือ?

26 มีนาคม 2568 - ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเผยแพร่บทวิเคราะห์ “เพื่อไทย vs พรรคประชาชน: พันธมิตรทางอุดมการณ์ ขาดสะบั้นแล้วจริงหรือ?” มีเนื้อหาดังนี้

หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันที่ผ่านมา บรรยากาศในสภาไม่ได้มีแค่เสียงตึงเครียดระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล แต่ยังสะท้อนรอยร้าวลึกระหว่าง พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน ที่เคยร่วม กอดคอกันทะลายขั้วอนุรักษ์นิยมและเข็นวาทกรรม “มีลุงไม่มีเรา” และ “ไม่เอาประหาร”

คำถามคือ ความสัมพันธ์ทางการเมืองของทั้ง 2 พรรค “ขาดสะบั้น” แล้วจริงหรือ? หรือยังมีโอกาสกลับมาจับมือเป็นพันธมิตรทางการเมือง โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า?

2 แนวโน้มที่ต้องจับตา

1. ขาดสะบั้น จากมิตรกลายเป็นคู่แข่ง

• ผู้นำฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาลแบบตรงไปตรงมา โดยเฉพาะนโยบาย “Digital Wallet” ของเพื่อไทย

• และกล่าวชัดในสภา: “การเมืองไม่มีสองก๊ก หรือสามก๊ก มีแต่ฝ่ายที่ร่วมกับอำนาจเก่า vs ผู้ต่อต้านรัฐประหาร”

• พรรคประชาชนเดินเกมเดี่ยว ไม่ไว้วางใจที่ สองพ่อลูก ซึ่งเป็นหัวใจของเพื่อไทย ลบล้างข้อครหา ดีลรับฮ่องกงระหว่าง ทักษิณกับธนาธร

2. ยังมีโอกาสกลับมาเป็นพันธมิตร

• ฝ่ายค้านยังไม่วิจารณ์เพื่อไทยในฐานะพรรค หรือแนวคิดประชาธิปไตยโดยรวม

• ระดับท้องถิ่นยังมีพื้นที่ “แบ่งเขต” กันไม่ให้ตัดคะแนนกันเอง

• หากต้องการสกัดฝ่ายอนุรักษนิยม + ส.ว. ในสนามเลือกตั้งใหญ่ ทั้งสองอาจจำเป็นต้องจับมืออีกครั้ง ยังไม่ได้ยินจากปากผู้นำ และแกนนำพรรคประชาชนว่า “ จะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลในครั้งหน้าไม่ว่ากรณีใดๆ”

สรุป ความสัมพันธ์ของ 2 พรรค ไม่ใช่ศัตรูทางอุดมการณ์ เป็นเพียงคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์
พรรคประชาชนต้องยืนยันหลักการ เพื่อยึดฐานเสียงคนรุ่นใหม่ พรรคเพื่อไทยต้องพิสูจน์ผลงานรัฐบาล เพื่อรักษามวลชนดั้งเดิม

และถ้า “เงื่อนไขของชัยชนะ” เปลี่ยนไปในวันข้างหน้า…“คู่แข่งวันนี้” ก็อาจ “กลับมาจับมือ” กันอีกครั้งบนเวทีใหญ่...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ชี้ผู้สมัคร พรรคส้ม ถูกจับยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม

กกต.กทม. แจงผู้สมัคร ส.ส. เขต 33 ปชน. ถูกจับข้อหาฟอกเงิน–ยาเสพติด ยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม หากศาลยังไม่ตัดสินเด็ดขาด พร้อมย้ำการเปลี่ยนผู้สมัครทำได้เฉพาะกรณีลาออก ตาย หรือมีคำพิ