ไทยส่ง 55 ทหาร ร่วมยุทธการ 'มัณฑะเลย์ 82' ช่วยเมียนมาฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหว

ผบ.ทสส.-ผบ.ทอ. ส่งกำลังพลผลัดที่ 2 ปฏิบัติภารกิจมนุษยธรรมในเมียนมา ภายใต้ยุทธการ “มัณฑะเลย์ 82” เน้นฟื้นฟู-สร้างที่อยู่อาศัยใหม่ บูรณาการร่วม AHA Centre พร้อมรัฐมนตรีต่างประเทศร่วมเจรจา เปิดทางความร่วมมือระดับภูมิภาค

5 เมษายน 2568 - ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลชุดช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของกองทัพไทย ผลัดที่ 2 รวม 55 นาย เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในประเทศเมียนมา ภายใต้ยุทธการ “มัณฑะเลย์ 82” เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยมีพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมพิธี

ก่อนการเดินทาง พลเอก ทรงวิทย์ ได้ให้โอวาทแก่กำลังพล โดยเน้นย้ำความสำคัญของภารกิจในครั้งนี้ว่า เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ที่ยังมีความวิกฤต โดยเฉพาะการสร้างที่อยู่อาศัยแบบชั่วคราวและกึ่งถาวร ไม่ใช่เพียงการซ่อมแซม พร้อมทั้งกล่าวเตือนว่า “เวลาที่ตั้งใจจะไปทำดี มักจะมีสิ่งรบกวนใจ” จึงต้องมีแผนรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม โดยมีกำลังจากศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายร่วมสนับสนุนภารกิจครั้งนี้ด้วย

นอกจากกำลังพลแล้ว ภารกิจครั้งนี้ยังมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางร่วมคณะ เพื่อเจรจากับรัฐบาลเมียนมา และเตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและภัยพิบัติ (AHA Centre) โดยใช้พื้นที่ของกองทัพอากาศไทยเป็นศูนย์กลางกระจายความช่วยเหลือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

พลเอก ทรงวิทย์ กล่าวย้ำว่า หัวใจของภารกิจนี้คือ “มนุษยธรรม” ที่ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือสัญชาติ และขอให้กำลังพลทุกนายตระหนักถึงความหมายของคำว่า “ทหารมืออาชีพ” ที่พร้อมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น

สำหรับกำลังพลผลัดที่ 2 แบ่งออกเป็น 7 ส่วน ได้แก่ กองบังคับการควบคุม 5 นาย, ส่วนประสานงาน 4 นาย, หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน MERT 22 นาย, ช่างโยธา 12 นาย, หน่วยค้นหาและช่วยเหลือ 6 นาย, หน่วยสนับสนุนทั่วไป 6 นาย, หน่วยรักษาความปลอดภัย 6 นาย

ภารกิจนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซียได้แจ้งว่า ได้เข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่แล้วกว่า 75% สะท้อนถึงการบูรณาการด้านความมั่นคงและมนุษยธรรมร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ พลเอก ทรงวิทย์ ทิ้งท้ายว่า ความคุ้นเคยกับทีมกู้ภัยจากชาติอื่นที่เคยร่วมฝึกกันมา ทำให้ภารกิจครั้งนี้จะเดินหน้าโดยไร้อุปสรรค พร้อมย้ำว่า “สิ่งที่ตอบความสำเร็จของภารกิจได้ คือการทำแล้วมีความสุข” นั่นคือการส่งต่อหัวใจแห่งการช่วยเหลือจากกองทัพไทย สู่เพื่อนบ้านที่กำลังลำบาก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์แถลงฯ เปิดเหตุผล ‘ไม่รบต่อ’ ประเมินโดยฝ่ายทหาร ไร้การเมืองบีบ

ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เผยเอกสารตอบคำถามประชาชน 20 ข้อ ชี้การตัดสินใจหยุดการรบมาจากการประเมินของฝ่

เสธ.เบิร์ด เปิด 4 ฉากทัศน์ เมื่อมหาอำนาจขยับ ใครชนะปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา จุบจบตระกูลฮุนจะเป็นอย่างไร

เสธ.เบิร์ด เปิด 4 ฉากทัศน์ ปิดเกมขัดแย้งไทย-กัมพูชา เมื่อมหาอำนาจขยับ กระดานนี้ใครคือผู้ชนะ

กองทัพไทย เปิดหนังสือกัมพูชาขอเจรจาหยุดยิงตามกลไก GBC

กองบัญชาการกองทัพไทย แจ้งว่า กัมพูชาส่งหนังสือทางการขอเจรจาหยุดยิงตามกลไก GBC ไทยย้ำต้องพิสูจน์ความจริงใจตาม 3 เงื่อนไขหลักตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงจุดยืนต่อเงื่อนไขการหยุดยิง

ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น

กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม

ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ

กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ