ย้อน 'อิ๊งค์' คำถามจากสื่อกลายเป็น 'delay' แต่คำโกหกจากปากผู้นำยังคงชัดเจนไม่เคยจาง

23เม.ย.2568- ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 นักข่าวถาม น.ส.แพทองธาร เกี่ยวกับการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างถึงคำพูดในอดีตของเธอที่ว่า “ดูหน้าดิฉัน” และจะไม่จับมือกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร

เธอตอบว่า “ก็จับมาแล้วสักพัก” และตั้งคำถามย้อนว่านักข่าว “ทำไมคำถามดีเลย์จัง”

การตอบว่า “ก็จับมาแล้วสักพัก” มีน้ำเสียงที่ดูผ่อนคลาย ไม่จริงจัง และไม่ให้ความสำคัญกับความขัดแย้งระหว่างคำพูดและการกระทำของตนเอง

การตอบในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ไม่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ แต่เป็นการดูถูกความคาดหวังของประชาชนที่เคยเชื่อในจุดยืนของเธอ

การย้อนถามว่า “ทำไมคำถามนี้ดีเลย์จัง” เป็นการเบี่ยงประเด็นจากสาระสำคัญของคำถาม
แทนที่จะใช้โอกาสนี้ชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนและแสดงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ

เธอกลับเลือกที่จะตั้งคำถามถึงจังหวะเวลาการถามของสื่อ ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงการตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

การกระทำนี้สะท้อนถึงการขาดภาวะผู้นำในการจัดการกับคำวิจารณ์ที่สำคัญการขาดคำขอโทษหรือการยอมรับผิด

ในฐานะนายกรัฐมนตรี การยอมรับความผิดพลาดหรือชี้แจงอย่างจริงใจเมื่อถูกตั้งคำถามถึงความไม่สอดคล้องระหว่างคำพูดและการกระทำเป็นสิ่งที่คาดหวังจากผู้นำ

ทว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้แสดงความเสียใจหรือขอโทษต่อผู้ที่เชื่อคำพูดเธอในช่วงหาเสียง ซึ่งยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของการขาดความรับผิดชอบ

ดูเหมือนการตระบัดสัตย์ต่อประชาชนเป็นปกติธรรมดาสำหรับนักการเมืองเยี่ยงนี้
ต่อหน้าประชาชนสัญญาจะไม่จับมือเผด็จการ แต่พอได้เก้าอี้นายกฯ กลับกอดแน่นกับคนที่เคยล้มประชาธิปไตย

บอกว่า 'ดูหน้าดิฉัน' แต่สุดท้ายหน้าที่ประชาชนเห็น คือหน้ากากที่น่ารังเกียจของนักการเมืองที่ยอมแลกหลักการเพื่อเก้าอี้แห่งอำนาจ

"สองปีผ่านไป คำถามจากสื่อกลายเป็น 'delay' แต่คำโกหกจากปากผู้นำยังคงชัดเจนไม่เคยจาง"