'กมธ.การทหาร' สงสัย หนังสือขอฝากขัง ม.112 'พอล แชมเบอร์ส' ละเว้นบางข้อความสำคัญ มีเจตนาหลอกลวงศาลหรือไม่ 'วินธัย' ไม่เข้าชี้แจง อ้าง ทบ.ไม่เกี่ยว ส่วน 'โฆษก กอ.รมน.-พนง.สอบสวน' ลาราชการ
08 พ.ค. 2568 - ในการประชุมกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ วาระพิจารณาต่อเนื่องกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 3 กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ให้ดำเนินคดี กับ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โดยมีการเชิญ พล.ต.วินธัย ทิวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.), พล.ต.ธรรมนูญ โฆษก กอ.รมน., พ.ต.อ.วัชรพงษ์ สิทธิรุ่งโรจน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก และ ร.ต.อ.พรชัย ปลั่งกลาง พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนเข้าชี้แจง
ขณะที่ ทาง ทบ. ทำหนังสือชี้แจงว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว จึงไม่ได้เข้าร่วมชี้แจงต่อกรรมาธิการ ทำให้นายวิโรจน์กล่าวว่า เดิมทีตั้งใจเชิญ พล.ต.วินธัยมาเพื่อหารือเรื่องอำนาจหน้าที่ ตามวินัยทหารหากมอบอำนาจหน้าที่ให้ปฏิบัติแล้ว ก็ต้องเคารพในเนื้อหาสาระ ไม่ใช่เมื่อมีหนังสือให้ช่วยราชการของ กอ.รมน. แล้วก็จะทำได้ทุกหน้าที่ ไม่เช่นนั้นก็ควรตั้งสำนักอเนกประสงค์ขึ้นมาเลยจะเหมาะสมกว่า ซึ่งก็เห็นตรงกับหนังสือของ ทบ. ว่า ทบ. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก
ด้าน พล.ต.ธรรมนูญ แจ้งว่าติดภารกิจ จึงไม่ได้เข้าชี้แจง ส่วน พ.ต.อ.วัชรพงษ์ พนักงานสอบสวน ประสานด้วยวาจาว่า ได้ลาพักผ่อน จึงไม่ได้เข้าชี้แจงเช่นกัน
จากนั้น ที่ประชุมกรรมาธิการ จึงได้พิจารณาในประเด็นของหลักฐานที่ใช้ในการดำเนินคดี และฝากขังว่าเพียงพอหรือไม่ ซึ่งในการประชุมกรรมาธิการครั้งก่อนหน้า ตัวแทน กอ.รมน. ชี้แจงว่า ดำเนินคดีตามมาตรา 7 (1) ของ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งระบุไว้ว่า อำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. คือการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดภัย คุกคามด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาดําเนินการต่อไป
ผศ.ดร.กริช ภูญียามา คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นทางกฎหมายต่อมาตราดังกล่าว โดยระบุว่า ในกรณีนี้ เป็นการดำเนินการโดย กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานอยู่ในฐานะนิติบุคคล ที่มีกฎหมายกำกับไว้ ซึ่งเมื่อกฎหมายกำกับว่าต้องดำเนินการผ่าน ครม. ก็ต้องทำตามนั้น
ผศ.ดร.กริช ระบุว่า กรณีนี้จะไม่มีปัญหาเลย หากไปแจ้งความกล่าวโทษในฐานะส่วนตัว แต่น้ำหนักของการกล่าวโทษย่อมไม่เท่ากันอยู่แล้วโดยสภาพ พร้อมย้ำหลักการของหน่วยงานของรัฐว่า กฎหมายมีไว้แค่ไหน ต้องใช้อำนาจตามขอบเขตนั้น สิ่งแตกต่างจากเอกชนที่ทำได้ทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่กฎหมายห้าม
จากนั้น กรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตว่า หลักฐานที่ใช้ดำเนินคดีมีเพียงพอหรือไม่ เพราะยังไม่เห็นหลักฐานอื่นนอกจากเอกสารสูจิบัตรของสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak Institute) ทางตัวแทนของ กอ.รมน. ก็ไม่ได้กล่าวถึงหลักฐานอื่นใด
ต่อมา กรรมาธิการได้พิจารณาข้อความในหนังสือคำร้องขอฝากขัง ดร.พอล ที่มีการบรรยายพฤติการณ์แห่งคดี โดยระบุว่า ผู้ต้องหาคือ ดร.พอล ได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ของ ISEAS สถาบัน Yusof Ishak และในช่วงหนึ่ง ได้มีการแปลข้อความดังกล่าวเป็นภาษาไทยระบุว่า
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการแบ่งฝ่ายอย่างมาก ซึ่งผู้ได้รับการแต่งตั้งระดับอาวุโสคนใหม่นั้น มาจากการแข่งขันที่มีการแบ่งฝ่ายและพวกพ้อง ในประเด็นข้อ ถกเถียงดังกล่าว… จะเปิดเผยให้ทราบว่าผู้ได้รับการแต่งตั้งใหม่นั้นเป็นใคร บุคคลเหล่านี้เป็นตัวแทนของฝ่ายใด”
นายวิโรจน์ชี้ว่า ข้อความ … ที่ได้ถูกละไว้ เมื่อนำมาเทียบกับข้อความดั้งเดิมที่คัดลอกมาจากเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งได้นำมาเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความ จะเห็นว่าข้อความภาษาอังกฤษระบุไว้ว่า “In this discussion, Dr Paul Chambers will explore who the new appointees are, the factions they represent,” จึงจะเห็นได้ว่าข้อความ … ที่หายไปนั้น คือคำว่า Dr.Paul Chambers
นายวิโรจน์ตั้งข้อสังเกตว่าในส่วนนี้ถ้า ดร.พอล เป็นผู้โพสต์ข้อความนี้จริง ควรต้องใช้คำว่า I will explore แต่ถ้าเป็นบุคคลอื่นเขียนโดยไม่ใช่ ดร.พอล เขียน ก็จะใช้คำว่า Dr.Paul Chambers will explore แทน จึงขอตั้งเป็นประเด็นไว้ให้กรรมาธิการพิจารณา
ทั้งนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรม กรรมาธิการได้บันทึกไว้ว่าข้อความในเว็บไซต์ขณะนี้ได้มีการปรับแก้เนื้อหาไปแล้วบางส่วน อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่กล่าวว่า Dr.Paul Chambers will explore ก็ยังคงไว้เช่นเดิม ซึ่งนายวิโรจน์ให้ความเห็นว่า หากในหนังสือคำร้องขอฝากขังใช้คำว่า Dr.Paul Chambers แทนข้อความ … ที่หายไป ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ศาลอาจนำมาร่วมพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดด้วยว่า ดร.พอล อาจไม่ใช่ผู้เขียนงานชิ้นนี้ จึงขอตั้งคำถามถึงผู้ดำเนินการฝากขังว่า จงใจตัดข้อความดังกล่าวเพื่อหลอกลวงศาลว่า ดร.พอล เป็นผู้เขียนใช่หรือไม่
นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ สนับสนุนข้อสังเกตของนายวิโรจน์ พร้อมมองว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้มาตรา 112 มีความข้องเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งทางการเมืองพอสมควร และต้องเน้นย้ำว่า ในหนังสือคำร้องขอฝากขัง ในส่วนอื่นที่กล่าวถึง ดร.พอล แชมเบอร์ส ก็ใช้คำว่าผู้ต้องหา แต่เหตุใดจึงเว้นข้อความ … ไว้เพียงส่วนเดียว ซึ่งทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และนิติกรก็เห็นตรงกันว่าเป็นข้อความส่วนที่มีความสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นายวิโรจน์ระบุว่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงมีเพียงเท่านี้หรือไม่ แต่ถ้าหากมีเพียงเท่านี้จริง การดำเนินการดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ได้
ด้าน นายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหาร ย้ำถึงงานวิชาการของ ดร.พอล ซึ่งเป็นคนระมัดระวังเรื่องการพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมาก และจากประสบการณ์มั่นใจว่า ในงานสัมมนา คงไม่มีผู้เสวนาคนใดที่จะเขียนคำโปรยเพื่อแนะนำตนเอง
นายสุภลักษณ์ เน้นย้ำว่า การดำเนินคดีนี้ไม่ได้กระทำด้วยความละเอียดรอบคอบ และเคร่งครัดต่อกฎหมายเพียงพอ เพราะข้อความทั้งหมดในงานวิชาการ ไม่มีส่วนใดแสดงความอาฆาตมาดร้าย หรือดูหมื่นพระมหากษัตริย์ จึงเห็นว่าเป็นการใช้กฎหมายและหลักฐานประกอบอย่างผิดฝาผิดตัว โดยใช้โพสต์เฟซบุ๊กของบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยไม่มีหลักฐานอื่นประกอบเลย
นายวิโรจน์ ยังกล่าวว่า กรรมาธิการจะเตรียมทำหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร สอบถามกรณีเลิกจ้าง ดร.พอล เนื่องจากถูกเพิกถอนวีซาโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหากท้ายที่สุดกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ออกมาว่า ดร.พอล เป็นผู้บริสุทธิ์ ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรมีนโยบายอย่างไรที่จะมอบความเป็นธรรม และมอบเสรีภาพทางวิชาการให้กับ ดร.พอล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ถามใครหลอกประชาชนกันแน่ พรรคส้มคิดแก้ ม.112 ชัดเจน แถมยังจะล้างคดีให้ด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล แต่หลายพรรคกลับปฏิเสธไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม ทำให้เกิดความกดดันกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ว่า ฟังการตัดสินจากประชาชน
'เท้ง' โวย 'อนุทิน' สร้างวาทกรรม ปชน. แก้ ม.112 ทั้งที่พูดเรื่องนิรโทษกรรมคดีหมิ่นสถาบัน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ต้องบอกว่าการยกมือในวันนั้น ไม่ใช่การเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมของนักโทษที่โดนคดีทางการเมือง
'ปชน.' กระจายแกนนำสมัคร สส. 'เท้ง' หัวเรือ กทม. 'ไหม' บุกถิ่นน้ำเงิน
'ปชน.' กระจายแกนนำให้กำลังใจผู้สมัครแบบเขตทุกภูมิภาค 'เท้ง' นำทีม กทม. 7 โมงเช้าถึงกีฬาเวสน์ 2 'ไหม' บุกถิ่นน้ำเงินบุรีรัมย์ 'อ.ต้น' ลงใต้ 'ต๋อม' ปักหลักหัวเมืองเหนือ
กังขา 'ปชน.' ไม่จับมือ 'กธ.' แต่จับมือ 'พท.' แม้ 'ทักษิณ-ประเสริฐ' แนบแน่น 'เบน สมิธ'
นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กระบุว่า พรรคประชาชนไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เพราะ ธรรมนัส สนิทกับ เบนสมิธ
‘แก้วสรร’ แพร่บทความ ‘เกาะติด คดีจริยธรรม 44 สส.ส้ม’
นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง เกาะติด “คดีจริยธรรม ๔๔ สส.ส้ม” มีเนื้อหาดังนี้
'เท้ง' ลั่นเลือกตั้งครั้งนี้ แข่งกันจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาชนกับภูมิใจไทย
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในเมื่อคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชน

