‘วิรังรอง’ ยกมติแพทยสภา จี้ผู้ตรวจฯกลับคำวินิจฉัย ‘กรมคุก-รพ.ตร.’ ปฏิบัติโดยชอบด้วยกม.

12 พ.ค.2568-นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ดิฉันได้ส่งหนังสือร้องเรียนโต้แย้งคำวินิจฉัยที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยวินิจฉัยไว้ว่า กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว โดยขอให้นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน นำมติของแพทยสภามาประกอบการพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้งว่า จะยังคงรับรองว่าแพทย์เจ้าหน้าที่รัฐทั้งสองหน่วยงานได้ปฏิบัติโดยชอบด้วยโดยกฎหมายหรือไม่

องค์กรอิสระ จะต้องไม่เอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง ไม่เอาใจใคร และควรทำให้รอบคอบ  เลิกเอารายงานของหน่วยงานต่าง ๆ มาลอกพิมพ์ส่งให้ผู้ร้องเรียนเหมือนเป็นบุรุษไปรษณีย์

ดิฉันขอถามนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าจะแก้ไขกรณีดังกล่าวอย่างไร? เมื่อคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ขัดต่อมติของแพทยสภา ซึ่งเรื่องคำวินิจฉัยที่ขัดกันนี้ ดิฉันเคยเตือนไว้นานแล้ว

ที่  ๑๒ พฤษภาคมพ.ศ. ๒๕๖๘

เรื่อง โต้แย้งคำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดินที่ว่ากรมราชทัณฑ์และโรง พยาบาลตำรวจ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว

เรียน นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน

สิ่งที่ส่งมาด้วย  ๑. สำเนาหนังสือกรมราชทัณฑ์ ที่ยธ ๐๗๘๑.๒/๒๗๐ ลง วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๒ หน้า

   ๒. สำเนาคลิปพ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว. กระทรวงยุติธรรม ยืนยันกับกมธ.ความมั่นคงฯ ว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยุติเรื่องร้องเรียนเนื่องจาก “กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ กระทำการโดยชอบด้วยกฎหมาย” จำนวน ๒ คลิป จาก The Reporters

ตามที่กรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือตอบนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ยธ ๐๗๘๑.๒/๒๗๐ ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๗ ที่ขอเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีกล่าวอ้างว่า นายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ มีพฤติการณ์ช่วยเหลือ จำเลยคดีอาญามาตรา ๑๑๒ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องเข้ารับการจำคุกตามคำพิพากษาของศาล และเรือนจำพิเศษฯ ไม่นำตัวจำเลยดังกล่าวจำคุกที่เรือนจำ อันเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยโทษที่ให้จำคุก ๑ ปี  ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ปฏิเสธการส่งหลักฐานทั้งหมดที่นายทรงศัก สายเชื้อ ได้ขอไป (สิ่งที่ส่งมาด้วย # ๑ หน้า ๑) ด้วยเหตุผลว่าสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เคยแจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้วินิจฉัยยุติเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว (สิ่งที่ส่งมาด้วย #๑ หน้า ๒)

ประกอบกับคำพูดของพ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว. กระทรวงยุติธรรม ที่ได้ยืนยันชัดเจนกับกมธ. ความมั่นคงฯ ว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ “สอบละเอียดยิบ” และยุติเรื่องร้องเรียนเนื่องจาก “กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ กระทำการโดยชอบด้วยกฎหมาย” (สิ่งที่ส่งมาด้วย #๒)

ดิฉันจึงขอโต้แย้งคำวินิจฉัยของนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากบัดนี้ได้ปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ ที่ส่งผลให้คำวินิจฉัยของนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่แพทยสภา โดยที่ประชุมแพทย์องค์คณะใหญ่ ประกอบด้วยอาจารย์แพทย์ผู้มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ๖๐ ท่าน ประชุมและพิจารณาวินิจฉัยเอกสารหลักฐานทางการแพทย์มากมายร่วมกันแล้ว ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า ผู้ต้องขังรายนี้มีภาวะวิกฤตตามที่มีการแถลงข่าว” มีผลให้แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ๑ ราย และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ๒ ราย

เนื่องจากแพทย์สภามีมติดังที่กล่าวมาข้างบนนี้ ในฐานะที่ดิฉันเคยร้องเรียนเกี่ยวกับการเข้ารักษาตัว ณ ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจของนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีอาญา ม. ๑๑๒ ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดิฉันขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน นายทรงศัก สายเชื้อ พิจารณาทบทวนคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับกรณี นายทักษิณ ชินวัตรได้เข้ารับการรักษาตัว ณ ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจใหม่อีกครั้งหนึ่ง ว่าแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือไม่ โดยนำผลวินิจฉัยของแพทยสภามาประกอบการพิจารณาคำวินิจฉัยเดิมที่นายทรงศัก สายเชื้อ เคยรับรองว่าหน่วยงานของรัฐปฏิบัติโดยชอบโดยกฎหมายแล้ว หากผลการวินิจฉัยตรงกับมติของแพทยสภา ขอให้นายทรงศัก สายเชื้อ กลับคำวินิจฉัยเดิม และให้ดำเนินการทางกฎหมายตลอดจนทางวินัย กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และแจ้งผลการวินิจฉัย และการดำเนินการให้ข้าพเจ้าทราบด้วย

สุดท้ายนี้ ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งรัดการวินิจฉัยให้เสร็จก่อนวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นวันที่ ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ ศาลฎีกาฯ อาจจะเรียกคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินมาประกอบการพิจารณา ข้าพเจ้าหวังว่านายทรงศักดิ์ สายเชื้อ จะสามารถสรุปคำวินิจฉัยได้ภายในเวลาดังกล่าว เนื่องจากเรื่องชั้น ๑๔ นี้มีผู้ร้องเรียนต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตั้งแต่ปี ๒๕๖๗ หลายคำร้อง ซี่งล้วนได้ยุติคำวินิจฉัยแล้ว สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจึงควรมีข้อมูลทั้งหมดพร้อม ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อแสวงหาข้อมูลทั้งหมดใหม่อีก

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำที่อยู่ในความสนใจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ตั้งแต่จำเลยในคดีอาญา ม. ๑๑๒ นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ดิฉันและประชาชนคนไทยผู้เสียภาษี มีความเดือดร้อนใจเนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร ยังมิได้ติดคุกตามที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษให้เหลือ ๑ ปี แม้แต่วันเดียว จึงเป็นการขัดพระบรมราชโองการ ทั้งยังพำนักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจโดยใช้งบประมาณรัฐเป็นเวลานานกว่า ๑๐๐ วันโดยไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤต นอกจากจะมีการกระทำผิดจริยธรรมตามมติแพทยสภาแล้ว ยังผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง และระเบียบ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นี้ยังไม่นับรวมถึงความไม่เป็นธรรมแก่นักโทษอื่น ๆ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ

"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย

ป.ป.ช. สอบคุกวีไอพี ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ

ป.ป.ช.ลุยตรวจเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดปฏิบัติการเชิงรุกสอบสิทธิพิเศษ “ผู้ต้องขังจีนเทา” ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ จ่อรายงานบอร์ดป.ป.ช.พิจารณาต่อ

กสม. มีมติสอบ 'คุก VIP' ส่อละเมิดสิทธิ เรียกหน่วยเกี่ยวข้องแจง

'กสม.' มีมติตรวจสอบ กรณีพบห้องวีไอพีของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่อเลือกปฏิบัติละเมิดสิทธิ จ่อเชิญหน่วยเกี่ยวข้องให้ข้อมูล

รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ

รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เซ่นคุกวีไอพี! รมว.ยธ. สั่ง 'ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ-เลขาฯ' ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เอื้อผู้ต้องขังชาวจีนว่า ข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงถือว่ามีความคืบหน้าและเริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว