
16 พ.ค.2568- ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
การเมืองภาคใต้แห่งยุคสมัย
นักการเมืองภาคใต้หลายจังหวัดของประเทศไทยในยุคนี้มีสีเทามากขึ้น
ดูเหมือนชาวใต้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกตั้ง
แต่เดิมคนส่วนใหญ่เลือกพรรค รักศักดิ์ศรี เงินมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจไม่มากนัก
ยุคนี้คนส่วนใหญ่ วางศักดิ์ศรีลงที่พื้น ยื่นมือรับเงิน จากนักการเมืองสีเทา
คนที่ยังยืนหยัดในอุดมการณ์ อับอายทั่วหน้า
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนใต้เปลี่ยนไป
1. บริบทดั้งเดิม: การเมืองภาคใต้กับศักดิ์ศรีและอุดมการณ์
ภาคใต้เคยถูกมองว่าเป็น “ภูมิภาคอุดมการณ์” โดยเฉพาะในช่วงหลัง พฤษภาคม 2535 ที่ประชาชนในหลายจังหวัดหันมาให้ความสำคัญกับ “พรรค” มากกว่า “คน” เช่น พรรคประชาธิปัตย์ที่มีฐานเสียงเข้มแข็งในแทบทุกจังหวัด แม้ผู้สมัครจะเปลี่ยน แต่ชื่อพรรคยังคงได้รับความไว้วางใจ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลในยุคนั้น:
วัฒนธรรมชุมชนที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และความซื่อสัตย์
ระบบการเมืองที่ยังไม่ถูกครอบงำโดยทุนมากนัก
การต้านอิทธิพลนอกระบบ เช่น ผู้มีอิทธิพล ทุนสีเทา หรือกลุ่มผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม
2. ปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เปลี่ยนบริบท
(1) ความเสื่อมศรัทธาในพรรคการเมืองหลัก
พรรคเก่าอย่างประชาธิปัตย์ถูกวิจารณ์ว่าขาดประสิทธิภาพ ไม่สามารถตอบโจทย์ปากท้องหรือผลักดันนโยบายระดับชาติได้จริง
ความรู้สึกว่า “ไม่ว่าเลือกใครก็เหมือนเดิม” ทำให้คนเริ่มหันไปหา “ผลประโยชน์เฉพาะหน้า”
(2) อิทธิพลของเงินและระบบอุปถัมภ์
การรุกคืบของกลุ่มทุนท้องถิ่นที่มีทรัพยากรมาก ใช้เงินซื้อเสียง เปิดพื้นที่ให้ “นักการเมืองสีเทา” เข้ามาแข่งขัน
เครือข่ายอุปถัมภ์ในระดับท้องถิ่น เช่น การให้เงินช่วยเหลือ การจ้างงาน หรือการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ผูกคนในชุมชนกับนักการเมือง
(3) ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
เกษตรกรรมไม่มั่นคง วัยแรงงานจำนวนมากย้ายไปทำงานนอกพื้นที่
ชุมชนเปลี่ยนจากสังคมเกษตรแบบแน่นแฟ้น เป็นสังคมผู้สูงวัยและแรงงานโยกย้าย
ความเหนื่อยล้าและไม่มั่นใจในอนาคต ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเลือกทางที่ให้ผลตอบแทนทันที
3. การกลายพันธุ์ของ “ศักดิ์ศรี”
คำว่า “ศักดิ์ศรี” ที่เคยหมายถึงการเลือกพรรคด้วยความภาคภูมิใจ เปลี่ยนเป็น “การอยู่รอดของครอบครัว” หรือ “ไม่อยากเสียผลประโยชน์” ในระยะสั้น
สังคมบางส่วนอาจรู้สึกว่า “ถ้าไม่รับเงินก็โง่” กลายเป็นอุดมการณ์ใหม่ที่แฝงในความสิ้นหวัง
4. ผลสะท้อนเชิงจิตวิญญาณของผู้ที่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์
ผู้ที่ยังยืนหยัดกับหลักการ กลับรู้สึกถูกทำให้ “ตกขอบ” ทั้งจากสังคมและกลไกการเมือง
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า อำนาจของทุนและระบบอุปถัมภ์ ได้เบียดขับความหมายของการเป็น “พลเมือง” ออกจากเวทีการเมือง
นัยการเปลี่ยนแปลง
1 การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมการเลือกตั้งนี้ อาจดูเหมือนเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ในสายตาบางคน
แต่ในความเป็นจริง มันสะท้อนถึงการล่มสลายของพื้นที่ทางการเมืองที่เอื้อต่อการเมืองคุณภาพ—พื้นที่ที่เคยเปิดโอกาสให้เสียงของอุดมการณ์ ความหวัง และศักดิ์ศรีของพลเมืองได้มีที่ยืน กำลังถูกเบียดขับด้วยอิทธิพลของทุน อำนาจ และระบบอุปถัมภ์
2 ความสิ้นหวัง ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และการครอบงำของทุน คือโครงสร้างที่บีบให้ผู้คน “วางศักดิ์ศรีลงที่พื้น” ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รักศักดิ์ศรีอีกต่อไป แต่เพราะพวกเขาถูกทำให้เชื่อว่า ศักดิ์ศรีไม่เลี้ยงปากท้อง
การกลายพันธุ์ของ “ศักดิ์ศรี” และช่องว่างของอุดมการณ์ทางการเมือง สะท้อนภาวะที่ ประชาชนจำนวนมากไม่ใช่ไม่มีอุดมการณ์ แต่ขาดพื้นที่ ความรู้ และกลไกสนับสนุนในการยึดมั่นกับอุดมการณ์นั้น
การเมืองเชิงคุณภาพจึงไม่สามารถเกิดได้เพียงจากพรรคหรือผู้นำที่ดี แต่ต้องสร้าง โครงสร้างทางวัฒนธรรม และ โครงสร้างทางปัญญา ที่เอื้อต่อการฟื้นศรัทธาในประชาธิปไตย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ต๊ะ นารากร' หวังเป็นม้ามืด ปชป. ปักธงเขต 1 เชียงใหม่ แม้สู้กันดุเดือด
น.ส.นารากร ติยายน ให้สัมภาษณ์ถึงการลงสมัครเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่เขต 1 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนพึ่งตัดสินใจในการลงสมัคร สส. หลังจากที่มีการยุบสภา คิดมาเป็นปีที่จะมีการลงเล่นการเมือง เพราะที่ผ่านมาเคยไปสมัคร สว. มาแล้วแต่ตกรอบ
'อภิสิทธิ์' มั่นใจ 3 แคนดิเดตนายกฯ ตอบโจทย์ประชาชน
'อภิสิทธิ์' ยัน 3 แคนดิเดตนายกฯ ปชป. มีอุดมการณ์-วิสัยทัศน์เดียวกัน เป็นคำตอบปชช.พ้นความจน ย้ำจุดยืนไม่ร่วมงานพรรคทุนเทา-แก้ 112
เซอร์ไพรส์! พิธีกรดัง 'นารากร ติยายน' สวมเสื้อ ปชป. ชิง สส.เชียงใหม่
นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคพื้นที่เหนือ เปิดเผยว่า ในส่วนผู้สมัครสส.ภาคเหนือ ที่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรคฯ เรียบร้อยแล้ว มีดังนี้
'สาทิตย์' ยัน ปชป. ประกาศไม่จับมือกล้าธรรม เป็นจุดยืนการเมืองสุจริต ไม่แทงกั๊ก
"สาทิตย์" เมิน "ธรรมนัส" แถลงโต้ "อภิสิทธิ์" ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม บอก ไม่ขอวิวาทะ แต่เตรียมชี้แจงประเด็นถูกกล่าวหา ลั่นเป็นพรรคการเมืองประกาศจุดยืน ไม่ใช่คลุมเครือ แทงกั๊ก ยกเปรียบปัจจุบันเหมือนยุคพฤษภาทมิฬ ปชช. ต้องการการเมืองสุจริต
'ธรรมนัส' ฉะเดือด 'อภิสิทธิ์' พูดหล่อแต่มีผลงานอะไรให้ประเทศชาติบ้าง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค กธ.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค กธ.ว่า การที่มีผู้นำบางพรรคประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค กธ.เป็นมารยาททางการเมืองที่ไม่ควรทำ ซึ่งหากตนจะถามว่าตั้งแต่ปี 62 ที่ตนมาดูแลประชาชน ในฐานะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรค ปชป.ใ
'ปชป.' เปิดที่มาไม่ร่วม 'กธ.' เป็นความเห็นปชช. ไม่ทนกับการเมืองสีเทา แปลกใจ 'ปชน.' บอกปัด
'สาทิตย' ย้ำจุดยืน 'ปชป.' ไม่ร่วมรัฐบาล 'พรรคกล้าธรรม' เป็นความเห็นจากประชาชน ผ่านโครงการ ประเทศไทยไม่ทน แปลกใจ 'ปชน.' บอกปัดกลัวผิดกฎหมาย แต่กลับประกาศ ไม่ร่วมรัฐบาลภูมิใจไทยได้ พร้อมเรียกร้องทุกพรรค มีจุดยืนยันให้ชัดเจน ยังเร็วไปหากจะตอบ จับมือ แดง หรือ ส้ม

