จตุพร มองการเมืองเดือนมิ.ย. ‘อำนาจเปราะบาง’  โหมปล่อยข่าวมิสมควร ปลุกปั่นเอาตัวรอด

อำนาจเปราะบางยุ่งเหยิง โหมปล่อยข่าวมิสมควร ปลุกปั่นเอาตัวรอดจากชะตากรรม 12-13 มิ.ย. ชี้ป่วนแย่ง มท. กดดัน ภท.สยบยอมปรับ ครม. คาดขัดแย้งลุกลามแตกแยกสู่ยุบสภา ขณะที่ภาค ปชช.เสื้อขาวขยับ 7 มิ.ย. อภิปรายสาธารณะ นัด 10 มิ.ย. รวมพลังมอบดอกไม้ให้กำลังแพทยสภายึดมั่นพิทักษ์จริยธรรมแพทย์

2 มิ.ย.2568-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยประเมินว่า สถานการณ์เดือนมิถุนายน ใครบางคนหวั่นวิตกถึงขั้นปล่อยข่าวมิบังควรกับสื่อมวลชนบางสำนักเพื่อโหมปลุกความปั่นป่วนไว้ปกป้องอำนาจเปราะบางของตัวเองให้รอดจากถูกศาลฎีกาชี้ชะตาในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

ดังนั้น การเมืองขณะนี้จึงเต็มไปด้วยการปล่อยข่าว โดยไม่คิดถึงผลร้ายจะเกิดกับประทศ เช่น ปล่อยข่าวไปพบใครส่วนตัวแล้วพยายามอธิบายว่ายังได้รับความไว้วางใจให้มีอำนาจมั่นคงอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะไม่คิดให้ดีว่า ข่าวแบบนี้ควรพูดตามสื่อสารมวลชนอย่างน้อย 2 สำนักหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนไม่เชื่อข่าวที่ถูกปล่อยจนขยายวงกว้างในทางการเมือง และคิดว่า การกระทำเช่นนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจากผิดเป็นถูกได้เพราะบ้านเมืองจะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงเป็นที่สุด

ไม่เพียงเท่านั้น ยังปล่อยข่าวยุ่งเหยิงส่อปลุกปั่นให้เกิดสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยโชว์พลังทหารปกป้องชายแดนไทยและเตรียมปะทะตอบโต้กับประเทศกัมพูชาที่สร้างให้เป็นผู้รุกรานทั้งที่อวดอ้างความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีและมีความสนิทแน่นแฟ้นกับผู้นำประเทศกัมพูชา

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ยังประกาศปราบปรามยาเสพติดกับประเทศเพื่อนบ้านถ้าพม่านิ่งเงียบไม่จัดการ ก็จะนำกำลังไทยข้ามดินแดนไปจัดการกับว้าแดง ซึ่งเชื่อเป็นแหล่งใหญ่ผลิตยาเสพติด แต่ข่าวเช่นนี้ได้แต่พูดเบียงเบนปัญหาภายความแตกแยกของรัฐบาลมาหลายครั้งครา แต่เมื่อเครื่องบินพม่ารุกล้ำแดนไทยกำลังนิ่งเฉย ไม่มีวิตกกังวลกับความมั่นคงของประเทศ

“การปล่อยข่าวมิสมควรและโหมปั่นกระพือสงครามให้แพร่กระจาย ทำไปเพียงเพื่อนำมากลบข่าวแพทยสภานัดประชุมยืนยันมติลงโทษจริยธรรมแพทย์ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ และถัดจากนั้นศาลฎีกานักการเมืองนัดพร้อมหรือไต่สวนการลงโทษติดคุกหรือไม่ในวันที่ 13 มิ.ย.”

นายจตุพร กล่าวว่า การปล่อยข่าวแค่ต้องการกลบปัญหาอันเปราะบางของตัวเองและเสถียรภาพนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ที่คลอนแคลน เมื่อสังคมกังวลกับสงครามชายแดน ยิ่งได้โอกาสสวมรอยโหมปลุกปั่นเติมความขัดแย้งในรัฐบาลเข้าไปอีก โดยกำชับให้พรรคเพื่อไทยเอากระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยกลับคืน ซึ่งเท่ากับเร่งให้ปรับ ครม.หรือก่อปัญหาลุกลามรุนแรงถึงขั้นยุบสภาหากพรรคร่วมรัฐบาลไม่สยบยอมในสิ่งต้องการได้

การตั้งรัฐบาลผสมนั้น เมื่อพรรคแกนนำมีเสียงเพียง 141 เสียง ซึ่งไม่มากเกินครึ่งจำนวน สส.ในสภา การหวังฮุบเอากระทรวงชิ้นปลามันไปครอบครองไว้หมดย่อมกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล เพราะไม่มีพรรคร่วมใดจะยอมรับเป็นเบี้ยล่างอำนาจได้

สิ่งสำคัญการกดดันให้เพื่อไทยดูแลกระทรวงมหาดไทยนั้น มีเป้าหมายต้องการควบคุมหรือรวบการจัดการตั้งบ่อนกาสิโนให้เบ็ดเสร็จ เพราะกระทรวงมหาดไทยเป็นแกนหลักสำคัญส่วนหนึ่งในเรื่องนี้  นอกจากนี้ยังเป็นการกดดันพรรคภูมิใจไทยให้สงบเสงี่ยมในการปรับ ครม. ถ้าทนไม่ได้ต้องถอนตัวหรือถูกปรับออกจากรัฐบาลทั้งพรรค

อย่างไรก็ตาม การกดดันและยื่นความต้องการอยากได้กระทรวงมหาดไทยมาให้เพื่อไทยครอบครองนั้น เป็นการขยับเพื่อกระชับอำนาจให้สอดคล้องกับการปล่อยข่าวกับสื่อบางสำนักกรณีไปพบใครส่วนตัว ซึ่งสุ่มเสี่ยงกับความแตกแยกหรือสะท้อนว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2569 ก็ได้

“เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เชื่อได้เลยว่า อายุรัฐบาลจึงนับถอยหลัง และส่อแนวโน้มจะเกิดการปรับ ครม.ในต้นสัปดาห์เดือนมิถุนายนนี้สูงมาก ซึ่งเท่ากับปูทางปล่อยข่าวกลบสถานการณ์แพทยสภาจะประชุมยืนยันมติเดิมในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ มั่นใจว่า แม้แพทยสภาต้องการเสียงยืนยันมติเดิมจำนวน 2 ใน 3 หรือ 47 เสียงจากทั้งหมด 70 เสียง แต่ขณะนี้แนวโน้มมีกรรมการแพทยสภาจะมาสนับสนุนมากถึง 60 เสียงเกินกว่าจำนวน 2 ใน 3 ดังนั้น มติยืนยันของแพทยสภาจะทำให้รัฐบาลหน้าแตกซ้ำสอง

ส่วนวันที่ 13 มิ.ย. จะเกิดสถานการณ์พุ่งเป้าจับตาทักษิณ ชินวัตร จะไปศาลฎีกานักการเมืองหรือไม่ ซึ่งมีทางเลือก 2 ทางเท่านั้น คือ กรณีทักษิณไม่ไปศาลจะมีแนวโน้มหนีหรืออาจขอใบรับรองแพทย์ไปอ้างเรื่องสุขภาพกับศาล อย่างไรก็ตาม ถ้าทักษิณใจกล้าไปศาล โดยศาลอาจพิจารณาไต่สวนให้เสร็จและมีผลชี้ขาดในวันเดียวก็เป็นได้ ดังนั้น ทักษิณ คงกังวลกับผลตัดสินให้นำตัวกลับไปติดคุก จึงพยายามเลี่ยงให้ความมั่นใจต่อสื่อมวลชน โดยบอกจะตัดสินใจไปศาลฎีกาหรือไม่ในเที่ยงคืน 12 มิ.ย.”

นายจตุพร บอกว่า ในสถานการณ์อันยุ่งเหยิงทั้งของทักษิณและรัฐบาลอุ๊งอิ๊งนั้น การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนจะมีการขยับแสดงพลังเช่นกัน โดยวันที่ 7 มิ.ย. นี้ ประชาชนเสื้อขาวนัดจัดอภิปรายประเด็นมาตรฐานจริยธรรมของแต่ละวิชาชีพหรืออนาคตบ้านเมือง ซึ่งจะจัดที่หอประชุมสำนักข่าวพีซทีวี ซอยรามอินทรา 40 แยก 33/1

การเปิดเวทีอภิปรายครั้งนี้ มีวิทยากรเบื้องต้นตกลงมาร่วมถกประเด็นสาธารณะแล้ว ประกอบด้วย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, อ.แก้วสรร อดิโพธิ, ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก, อ.จรัญ ภักดีธนากุล และปอง-อัญชะลี ไพรีรัก เป็นต้น โดยงานจะเริ่มเวลา 13.00 น.-17.00 น. ขอให้ประชาชนทยอยมาร่วมได้ตั้งแต่ 11.00 น. และได้เตรียมอาหารเที่ยงไว้ต้อนรับด้วย

นายจตุพร ย้ำว่า ในสถานการณ์ปล่อยข่าวปลุกปั่นเอาตัวรอดของใครบางคนนั้น ถัดจากการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะวันที่ 7 มิ.ย. แล้ว ประชาชนเสื้อขาวนัดกันว่า วันที่ 10 มิ.ย.นี้ จะทยอยรวมตัวกันไปมอบดอกไม้ให้กำลังใจแพทยสภา เพราะอย่างน้อยจะได้มีขวัญกำลังใจที่มีพลังประชาชนยืนอยู่เคียงข้างและสนับสนุนให้รักษาจริยธรรมกติกาของวงการแพทย์ไว้อย่างเข้มงวด เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'

นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568